ศิลปะ

เคย์ลา ลาร์เซ่น (Kayela Larsen) ต้องการที่จะวาดภาพมาตั้งแต่เธอได้ดู เดอะลิตเติ้ลเมอร์เมด และ เดอะไลออนคิง แล้ว แต่เธอต้องหยุดทำตามความฝันเพราะเธอต้องมาดูแลครอบครัวที่กำลังเจริญเติบโตขึ้นของเธอ แต่ลูก ๆ ทั้ง 4 คนของเคย์ลาก็สามารปลุกความเป็นศิลปินภายในของเธอขึ้นมาได้: เมื่อเธอพาพวกเขาเข้านอนแล้วเธอก็เริ่มจับปากกาอีกครั้ง

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าคนที่รักสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นทาสน้องหมาก็คงจะเป็นทาสน้องแมว และแม้แต่นักวิทยาศาสตร์เองก็ยังพยายามที่จะหาคำตอบว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงเหล่านี้มีความแตกต่างกันอย่างไร เพราะทั้งน้องแมวและน้องหมาเหล่านั้น พวกมันช่างแตกต่างกันซะเหลือเกิน

มันอาจจะไม่ง่ายนักที่จะรักษาความมั่นใจในตนเองเมื่อต้องเผชิญกับความสองมาตรฐาน การเหมารวมและความคาดหวัง นี่คือสิ่งที่ภาพประกอบโดยศิลปินเลนี่ย์ โมลนาร์ (Lainey Molnar) ได้แสดงให้เห็น มันเกี่ยวกับเสรีภาพในการเลือก การยอมรับตนเอง ความสัมพันธ์และความคาดหวังในอาชีพ และแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงถูกมองยังไงในสังคมสมัยใหม่และแรงกดดันที่พวกเธอต้องเจอ

โลกของเราเปลี่ยนไปในไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาและเราเองก็เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน ทั้งพฤติกรรม มาตรฐาน เป้าหมาย และรูปลักษณ์ของผู้ชายและผู้หญิงแตกต่างไปแล้วในตอนนี้ ปัจจุบัน เราอยากจะเปรียบเทียบผู้ชายในยุคสมัยใหม่และคนที่เคยมีชีวิตอยู่ในอดีตให้ชม

เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปทั้งในทางที่ดีและไม่ดี มันทำให้การเข้าถึงแหล่งข้อมูลชนิดต่าง ๆ ง่ายมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เราอาจจะไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำตอนที่เทคโนโลยีเริ่มเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเรา มิตรภาพของเรา การสื่อสารระหว่างผู้คน และสุขภาวะโดยทั่วไปของเรา แลปท็อป โทรทัศน์ สมาร์ทโฟน และวิดีโอเกมของคุณมันเป็นสิ่งทดแทนครอบครัวหรือเพื่อนของเราได้จริงเหรอ บางทีมันอาจจะได้เวลาให้คิดถึงเรื่องนี้ก่อนมันจะสายเกินไปแล้วล่ะ

มีผู้หญิงมากมายทีเดียวที่ไม่สามารถยอมรับตัวตนของตัวเองได้ ภายใต้แรงกดดันจากคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนในสังคม แต่ภาพประกอบของ เลนีย์ มอลนาร์ (Lainey Molnar) คือภาพที่อุทิศให้แก่เป้าหมายในชีวิต ความสำเร็จในอาชีพการงาน สิ่งที่ผู้หญิงต้องเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน อิสระในทางเลือก ตลอดจนความเคารพนับถือตัวเองของผู้หญิง ที่จะมาทำลายทุกความเชื่อแบบเหมารวมต่าง ๆ และภาพเหล่านี้นี่เองที่จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าทุกคนล้วนมีความแตกต่างกันทั้งสิ้น

การเป็นผู้หญิงอาจเป็นเรื่องยากในบางครั้ง และศิลปินชาวอินเดีย แอมบี้ ไวงันการ์ (Amby Vaingankar) วัย 24 ปี รู้เรื่องนี้แน่ ๆ ในการ์ตูนตลก ๆ ของเธอ เธอเล่าถึงดราม่าและเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผู้หญิงต้องเผชิญในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนางเอกในเรื่องราวของเธอ เธอก็มักจะเชิดหน้าและเป็นแรงบันดาลใจให้เราทำแบบเดียวกัน

แมรี่ ปาร์ค (Mary Park) ศิลปินจากลอสแองเจลิสที่มีชื่อเล่นว่า Murrz วาดภาพการ์ตูนตลก ๆ เกี่ยวกับช่วงเวลาในชีวิตที่เราคุ้นเคย ภาพประกอบ 12 ภาพในวันนี้อุทิศให้กับความสัมพันธ์และมันจะทำให้คุณอดสนใจไม่ได้แน่

เอนโซ่ (Enzo) เป็นนักแสดงตลกจากฟิลิปปินส์และแคนาดา เขาได้วาดภาพประกอบมานานกว่า 10 ปีในชื่อ Cheer Up, Emo Kid ภาพประกอบของเขามีชื่อเสียงในด้านภาพขาวดำที่มีอารมณ์ขันและชีวิตสมัยใหม่ที่ไม่ธรรมดา พวกเขายังมีตอนจบที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย ตัวละครหลักของภาพประกอบคือ สตีฟ (Steve) และ โซ (Sew) — คู่รักที่พยายามค้นหาตัวเองและเข้าใจซึ่งกันและกัน

“การตั้งครรภ์และการได้เป็นพ่อแม่คนนั้นเป็นช่วงเวลาที่แสนจะน่าทึ่งจะตาย ทั้งสนุก สดใส ราวกับช่วงเวลาในสรวงสวรรค์” นี่คือสิ่งที่คนส่วนมากที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการได้เป็นพ่อแม่คนมักจะคิดกัน แต่คนเป็นแม่รู้ดีกว่านั้น คนเป็นแม่รู้ว่าบางครั้งมันก็ทั้งยากและท้าทายมากขนาดไหน ซึ่งเหล่าแม่ ๆ จะต้องชอบรูปภาพตีแผ่ความจริงเหล่านี้แน่ ๆ รูปภาพเหล่านี้จะแสดงให้เห็นถึงด้านหนึ่งในชีวิตแบบใหม่ของคุณแม่ที่แฝงไว้ด้วยอารมณ์ขัน ซึ่งสร้างสรรค์โดยศิลปินมากความสามารถ นาตาลี โจมาร์ด (Nathalie Jomard)

ไบรอัน กอร์ดอน (Brian Gordon) เป็นทั้งศิลปินและคุณพ่อที่รู้เรื่องการเป็นพ่อคนอย่างทะลุปรุโปร่งด้วยประสบการณ์ของเขาเอง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการ์ตูนของเขาถึงได้จริงใจและสมจริงสุด ๆ — คุณแม่และคุณพ่อที่อยู่ทางนี้จะได้เห็นตัวเองในสถานการณ์ที่เขาบรรยายในการ์ตูนของเขาเลยล่ะ

ยูเลีย เอนสลิงเจอร์ (Yulia Enslinger) คือหนึ่งในคุณแม่มากประสบการณ์ที่ผ่านสนามต่อสู้ในการเลี้ยงลูกมาแล้วอย่างโชกโชน และรับมือกับความยากลำบากทั้งหมดของตัวเองอย่างสบาย ๆ และมีอารมณ์ขัน โดยเธอวาดรูปการ์ตูนและโพสต์ลงในเพจทางอินสตาแกรมของเธอซึ่งมีคุณแม่หลายพันคนกำลังติดตามเธออยู่ ที่นั่น พวกเขามีการติดต่อสื่อสารกัน ได้เจอกับคนที่มีความคิดคล้าย ๆ กัน และร่วมพูดคุยกันถึงสถานการณ์ตลก ๆ ทั้งหลายที่ผู้หญิงที่ต้องเลี้ยงลูกมักจะเข้าใจกันดี

ภาพประกอบของเหวิน เฉิน (Weng Chen) แสดงให้เห็นว่าการเลี้ยงลูกนั้นทั้งยากและสนุกจริง ๆ เธอใช้รูปภาพส่วนใหญ่จากประสบการณ์การเป็นพ่อแม่ของเธอเอง แม้ว่าการมีลูกจะนำมาซึ่งความสุขมากมายแต่ก็ทำให้เกิดความเจ็บปวดเล็กน้อยได้เช่นกัน

เลนี่ย์ โมลนาร์ (Lainey Molnar) เป็นศิลปินเปี่ยมพรสวรรค์ซึ่งรูปภาพของเธอได้สนับสนุนให้ผู้หญิงจากทั่วทุกมุมโลกทิ้งแนวความคิดที่เหมารวม สองมาตรฐานและความคาดหวังเกี่ยวกับสังคมไว้เบื้องหลังเพื่อให้คุณได้เป็นตัวของตัวเองและสนุกกับชีวิต

เช่นเดียวกับหนอนผีเสื้อที่แปลงตัวเองให้เป็นสิ่งที่สง่างามอย่างผีเสื้อ เราก็เปลี่ยนความทรงจำของบาดแผลที่กระทบกระเทือนจิตใจบนผิวหนังของเราให้เป็นผลงานชิ้นเอกได้ ในกรณีของผู้กล้าเหล่านี้ ก็ใช้แค่ทักษะของช่างสัก ราเกล โกติเยร์ (Raquel Gauthier) เท่านั้น

เป็นเรื่องที่ดีเมื่อคุณจัดการกับปัญหาด้วยอารมณ์ขันได้ และจะดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อคุณวาดรูปได้ ศิลปินอนาสตาซิยา ลิโควา (Anastasiya Lykova) โชคดีเพราะเธอมีลูกชายคนหนึ่งและเธอรู้ดีว่าการเลี้ยงลูกนั้นถึงจะสนุกแต่บางครั้งก็ยากมากและอนาสตาเซียก็วาดภาพเจ๋ง ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่แม่ทุกคนก็เข้าใจ

บางครั้งดวงดาวที่ส่องแสงเจิดจ้าที่สุดก็ดับวูบเร็วเกินไป ทำให้แฟน ๆ ทั่วโลกนับล้านต้องเศร้า ศิลปินอย่างเคิร์ท โคเบน (Kurt Cobain), เอมี่ ไวน์เฮาส์ (Amy Winehouse) หรือแม้แต่เจ้าหญิงในดวงใจของผู้คน เลดี้ไดอาน่า (Lady Diana) อาจไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แต่มรดกที่พวกเขาทิ้งไว้เบื้องหลังทำให้ความทรงจำของพวกเขายังคงอยู่ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ซึ่งเป็นศิลปินในบทความของเรา ฮิเดรลีย์ เดียโอ (Hidreley Diao) พยายามแสดงให้เห็นว่าคนดังที่จากเราไปเร็วเกินไปจะมีหน้าตาเป็นยังไงในปัจจุบัน

โลกของดิสนีย์เต็มไปด้วยเจ้าหญิงจากวัฒนธรรมและภูมิหลังที่แตกต่างกัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ ศิลปินทีที เบร็ท (TT Bret) ก็ได้แสดงให้เราเห็น “โลกใหม่สวยงาม” ของเจ้าหญิงดิสนีย์จากชาติพันธุ์ต่าง ๆ แม้ว่าพวกเธอแบบเดิมจะสวยอยู่แล้วก็ตามแต่เราอดไม่ได้ที่จะดูร่างใหม่และมหัศจรรย์เหล่านี้ โครงการของเบร็ทมีชื่อว่า “Let There Be Doodles!” และได้กลายเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบความหลากหลาย

ประวัติศาสตร์การสักน่าจะต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยที่มีมนุษย์คนแรก ๆ ถือกำเนิดขึ้นมาเลยทีเดียว การสักรูปภาพลงบนผิวหนังนั้นเป็นสิ่งที่ทำกันมาตั้งแต่ยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์เสียอีก ซึ่งรอยสักที่เก่าแก่ที่สุดที่เคยพบ เป็นรอยสักที่มีอายุมากถึง 2,700 ปี เลยทีเดียว ทุกวันนี้ ศิลปะของการสักเหมือนได้มีชีวิตใหม่ ซึ่งมีรูปแบบและสไตล์การสักอยู่มากมายให้เลือกสรร หนึ่งในสไตล์ที่พิเศษมาก ๆ ก็คือรอยสักสีขาว เป็นรอยสักที่สังเกตเห็นได้ยาก และยังช่วยเน้นรสนิยมอันแสนเลิศหรูของเจ้าของได้อีกด้วย

“หาผู้ชายที่มีรอยสักมาสักคนสิ ผมจะให้คุณได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีเรื่องราวในอดีตที่น่าสนใจ” แจ็ค ลอนดอน (Jack London) ได้กล่าวเอาไว้ แต่ทุกวันนี้รอยสักไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของประสบการณ์อันเต็มเปี่ยมเพียงเท่านั้นอีกแล้ว อ้างอิงจากเว็บไซต์สถิติ Statista เหตุผลหลัก ๆ ที่ผู้คนไปสักคือเพื่อแสดงสไตล์และความคิดของตัวเองออกมา และเพื่อแสดงความรู้สึกชื่นชมยินดีกับการมีลูก นอกจากนี้ ผู้คนยังไปสักเพื่อระลึกถึงความทรงจำที่มีต่อญาติและผองเพื่อน และยังเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้แก่ชีวิตอีกด้วย