14 นักแสดงที่เปลี่ยนแนวของตัวเองและสร้างสิ่งใหม่ให้กับอาชีพของพวกเขา / ชีวิตสดใส

เป็นที่เชื่อกันว่าของขวัญที่สำคัญที่สุดสำหรับเหล่านักแสดงชายและหญิงคือความสามารถในการเปลี่ยนตัวเองของพวกเขา ถึงอย่างนั้นการติดอยู่กับ “รูปแบบ” เดิม ๆ ก็เป็นอะไรที่เกิดขึ้นบ่อยและเป็นสิ่งที่ยากสำหรับพวกเขาในการเปลี่ยนมันภายหลัง

ชีวิตสดใสได้รวบรวมรายชื่อของนักแสดงชายและหญิงที่มีชื่อเสียงที่ตั้งใจจะทำบางสิ่งนอกเหนือจากบทบาทเดิม ๆ ของพวกเขาบนจอภาพยนตร์ บางคนเปลี่ยนจากภาพยนตร์ตลกไปเป็นอะไรที่จริงจังมากกว่าเดิม ในขณะที่บางคนเลิกเล่นหนังดราม่า และเลือกที่จะแสดงภาพยนตร์บู๊และระทึกขวัญแทน

1. เมลิสซา แม็กคาร์ธี

เมลิสซา แม็กคาร์ธี (Melissa McCarthy) เริ่มต้นอาชีพของเธอโดยการเล่าเรื่องตลก จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไรที่เธอจะเป็นนักแสดงตลกหญิงที่ประสบความสำเร็จเป็นเวลานาน

ผู้ชมส่วนใหญ่จดจำเธอในฐานะมอลลี่ (Molly) ตัวกลมผู้มีเสน่ห์จากรายการไมค์แอนด์มอลลี่ หลังจากนั้นเธอก็ประสบความสำเร็จกับบทบาทในเรื่อง แก๊งค์เพื่อนเจ้าสาวแสบรั่วตัวแม่, แทมมี่ยัยแซบซ่ากับยายแสบสัน และ เดอะฮีท บทบาทเหล่านี้ทำให้การปรากฏตัวของเธอในภาพยนตร์ดราม่าเรื่องแคนยูเอเวอร์ฟอร์กิฟมีเมื่อปีที่แล้วเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจ เธอรับบทเป็นลี อิสราเอล (Lee Israel) และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์

2. เลียม นีสัน

ในช่วงต้นอาชีพของเขา นีสัน (Neeson) เล่นบทบาทดราม่าได้อย่างยอดเยี่ยม แฟนหนังจดจำเขาในบทอ็อสคาร์ ชินด์เลอร์ (Oskar Schindler) ผู้ที่ช่วยชีวิตชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ในภาพยนตร์ของสตีเฟ่น สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) เรื่องชะตากรรมที่โลกไม่ลืม สำหรับผลงานชิ้นนี้นักแสดงหนุ่มได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ หลังจากนั้นเขาก็ได้รับบทบาทที่ประสบความสำเร็จใน ไมเคิล คอลลินส์ (Michael Collins), ลึกมฤตยู นิวเคลียร์ล้างโลก และจอมคนเมืองอหังการ์

แต่เมื่ออายุมากขึ้น เขาก็ได้เปลี่ยนทิศทางทางด้านอาชีพ เขาเริ่มรับหนังบู๊ด้วยบทบาทของชายสุดโหดที่รู้วิธีการจัดการกับคนร้าย คุณสามารถเห็นบทบาทเหล่านี้ได้จากหนังเรื่อง สู้ไม่รู้จักตาย, เที่ยวบินระทึกยึดเหนือฟ้า และนรกใช้มาเกิด

3. เอมม่า สโตน

วันนี้เป็นอะไรที่ยากที่จะเชื่อว่าเอมม่า สโตนได้เริ่มอาชีพของเธอในฐานะนักแสดงตลกหญิง มีคนเห็นเธอจากบทนักแสดงรองในเรื่องซูเปอร์แบด คู่เฉิ่มฮอตฉ่า และเธอก็ได้ถูกเสนอบทให้แสดงเป็นผู้หญิงที่ “ตลกและน่ารัก” มากมาย เพียงแค่สี่ปีต่อมาเธอได้รับบทบาทในภาพยนตร์ซีเรียสเรื่อง คุณนายตัวดีสาวใช้ตัวดำ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางไปสู่บทที่มีความดราม่าจริงจังมากขึ้น และเธอก็แสดงมันได้ง่าย ๆ เหมือนกับภาพยนตร์ตลก

ในภายหลังบทนักแสดงรองของเธอในเรื่อง เบิร์ดแมน มายาดาว ก็ได้ถูกเสนอชื่อชิงออสการ์ และสองปีต่อมาเธอก็ได้รับรางวัล “นักแสดงหญิงยอดเยี่ยม” จากเรื่อง ลาลาแลนด์จริง ๆ วันนี้ สโตนเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงดาวรุ่งที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวูด

4. แมทธิว แม็คคอนาเฮย์

เส้นทางที่แสนสร้างสรรค์ของนักแสดงหนุ่มคนนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาเริ่มต้นด้วยการเล่นหนังระทึกขวัญแต่กลับมีชื่อเสียงจากการเล่นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ ในช่วงท้ายของยุค 90 และช่วงต้นของปี 2000 แม็คคอนาเฮย์ (McConaughey) ถูกมองว่าเป็นเพียงชายหนุ่มน่ารักที่มีรอยยิ้มอันงดงาม แต่แค่ในปี 2001 หลังจากที่เขาปรากฏตัวในเรื่องพลิกเล่ห์ ซ่อนระทึก เขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นนักแสดงดราม่าที่มีพรสวรรค์และสามารถพลิกบทบาทได้จริง ๆ

หลังจากบทบาทนี้ แม็คคอนาเฮย์ (McConaughey) ได้ถูกเสนอบทที่ยากและน่าสนใจมาก ๆ ที่เผยให้เห็นศักยภาพอันเต็มเปี่ยมของเขา ผลงานของเขาจากเรื่อง สอนโลกให้รู้จักกล้า, อินเตอร์สเตลลาร์ ทะยานดาวกู้โลก และทรูดีเท็คทีฟ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนลืมลุคหนุ่มเจ้าชู้ที่มีเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบไปได้

5. เจนนิเฟอร์ อนิสตัน

ก่อน: เฟรนส์, ชีอีสเดอะวัน, แกล้งแต่งไม่แกล้งรัก
หลัง: ปมพิศวาสรักลวงโลก, เค้ก, เดอะเยลโล่เบิร์ดส

เจนนิเฟอร์ อนิสตัน (Jennifer Aniston) ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเพราะบทเรเชล (Rachel) จากละครซิทคอมเรื่องเฟรนส์อันโด่งดัง แต่โปรดิวเซอร์และผู้กำกับเห็นว่าอนิสตัน (Aniston) เป็นนักแสดงหญิงที่เหมาะกับบทบาทในหนังแนวโรแมนติกคอมเมดี้ เป็นเวลาหลายปีที่เธอได้แสดงหนังตลกอย่าง ชีอีสเดอะวัน, สัมพันธ์รักกลางใจฉัน และกู๊ดเกิร์ลผู้หญิงหวามรัก

ในปี 2005 เจนนิเฟอร์ อนิสตัน (Jennifer Aniston) ได้เริ่มห่างจากหนังแนวตลกแบบที่เธอคุ้นเคย เมื่อเธอได้แสดงเรื่อง ปมพิศวาสรักลวงโลก แต่บทบาทที่คาดไม่ถึงและเข้มข้นที่สุดของเธอคือบทในหนังดราม่าจิตวิทยาเรื่อง เค้ก หนังเรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นที่อนิสตัน (Aniston) เคยแสดงมาโดยสิ้นเชิง

6. ไชอา เลอบัฟ

ไชอา เลอบัฟ (Shia LaBeouf) ได้เริ่มก้าวแรกในฮอลลีวูดอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนบทบาททางการแสดงทันที ในฐานะที่เป็นนักแสดงหนุ่มของ ทรานฟอร์มเมอร์ส และ ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า 4: อาณาจักรกะโหลกแก้ว เขาดูเหมือนจะมีอนาคตที่สดใสในวงการหนังทำเงิน แต่เลอบัฟ (LaBeouf) ไม่ได้ต้องการให้อนาคตของเขาเป็นแบบนั้น เขาต้องการแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ทางด้านการแสดง และบอกให้โลกรู้ว่าเขาทำอย่างอื่นได้อีก

เลอบัฟ (LaBeouf) เริ่มมองหาภาพลักษณ์ใหม่ ๆ รับตำแหน่งผู้กำกับอิสระและรับบทบาทที่ไม่เฉพาะเจาะจง ในบางครั้งถึงกับมีข้อมูลบนสื่อที่บอกว่าเลอบัฟ (LaBeouf) เป็นบ้านิด ๆ เขาทำอะไรแปลก ๆ แต่หลังจากนั้นเขาก็อธิบายว่าเขากำลังมองหาตัวตนแบบใหม่ และดูเหมือนว่าเขาจะประสบความสำเร็จ: เขาแสดงหนังดราม่าอาชญากรรมเรื่องคนเถื่อนเมืองมหากาฬ แสดงหนังของลาร์ส ฟอน เทรียร์ (Lars von Trier) เรื่องนิมโฟมานิแอค และหนังดราม่าสงครามเรื่องวันปฐพีเดือด

7. เคท ฮัดสัน

เคท ฮัดสัน (Kate Hudson) เริ่มต้นเส้นทางอาชีพของเธอในภาพยนตร์ตลกในช่วงต้นของยุค 2000 เธอปรากฏตัวบ่อยในหนังโรแมนติกคอมเมดี้อย่าง แผนรักฉบับซิ่งชิ่งให้ได้ใน 10 วัน, สงครามเจ้าสาวหักเหลี่ยมวิวาห์อลวน กับแอน แฮททาเวย์ (Ann Hathaway) และ เรซซิ่งเฮเลน

ในตอนหลังเธอพยายามเปลี่ยนทิศทางอาชีพของเธอ และแสดงในละครเพลงเรื่องไนน์ ร้อง เต้น เฟ้น รัก ที่มีเพเนโลเป้ ครูซ (Penélope Cruz), นิโคล คิดแมน (Nicole Kidman) และโซเฟีย โลเรน (Sophia Loren) ร่วมแสดง นี่เป็นการเริ่มต้นของความสำเร็จที่สร้างสรรค์ของเธอ ภายหลังฮัดสัน (Hudson) ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมในบทดราม่าจากเรื่องอะลิทเทิลบิทออฟเฮฟเว่น, วิชไอวอสเฮีย และภาพยนตร์ระทึกขวัญอย่างกู๊ดพีเพิ้ล

8. โจนาห์ ฮิลล์

เมื่อสองปีที่แล้ว โจนาห์ ฮิลล์ (Jonah Hill) ไม่ได้แค่ทำให้ทุกคนตกใจด้วยรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างมากเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนเส้นทางในสายอาชีพด้วย ฮิลล์ (Hill) รับบทชายอ้วนที่ตลกมาเป็นเวลานาน อย่างเช่นในหนังเรื่องสายลับร้ายไฮสคูล และถูกเสนอชื่อในงานทีนช้อยส์อวอร์ต ในฐานะ “นักแสดงตลกที่ดีที่สุด” จากเรื่องซูเปอร์แบด คู่เฉิ่มฮ็อตฉ่า

แต่ในภายหลัง ฮิลล์ (Hill) เริ่มเลือกงานที่มีความจริงจังมากขึ้น ซึ่งทำให้เขาสามารถแสดงศักยภาพทางการแสดงได้อย่างเต็มที่ ก้าวแรกของการเดินทางของเขาคือหนึ่งในตัวละครหลักของภาพยนตร์ตลกอาชญากรรมเรื่องวอร์ด็อก คู่ป๋าขาแสบ หลังจากนั้นเขาได้เลือกตัวเลือกที่ไม่คุ้นเคยอย่างการรับบทในเรื่อง ฮีโว๊นเก็ทฟาร์ออนฟุ๊ต ซึ่งทำให้เห็นศักยภาพทางบทละครอย่างลึกซึ้งของตัวนักแสดง ปัจจุบันนี้โจนาห์ (Jonah) ได้ลองมาเป็นผู้กำกับเอง

9. แซนดร้า บูลล็อค

แซนดร้า บูลล็อค (Sandra Bullock) เริ่มอาชีพของเธอในฐานะนักแสดงโรแมนติกคอมเมดี้ ผลงานช่วงแรกของเธอไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก น้อยคนที่จะรู้จักหนังเรื่อง เรลิเจี้ยน, ยาเสน่ห์หมายเลขเก้า และ ถนนสายนี้ขอมีเธอกับเสียงเพลง

ความก้าวหน้าในอาชีพการงานของเธอเริ่มต้นจากการแสดงหนังเรื่อง สปีด เร็วกว่านรก ซึ่งแสดงนำโดยคีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) หลังจากนั้นบูลล็อค (Bullock) ได้กลับมาแสดงหนังตลกที่เป็นจุดเริ่มต้นของเธออย่างเรื่อง พยัคฆ์สาวนางงามยุกยิก แต่ภาพยนตร์ที่โดดเด่นของเธอคือแนวดราม่า เธอได้รับทั้งรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำจากบทบาทในเรื่องแม่ผู้นี้มีแต่รักแท้ เธอยังคงรับบทที่มีความจริงจังอย่างมากในเรื่อง ปริศนารักจากพ่อไม่ไกลใจเกินเอื้อม, กราวิตี้ มฤตยูแรงโน้มถ่วง และ มอง อย่าให้เห็น

10. สตีฟ คาเรล

สตีฟ คาเรล (Steve Carell) เริ่มต้นด้วยบทบาทนักแสดงสมทบ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงตลกตัวจริง คนดูจดจำเขาได้จากเรื่อง โง่ เซ่อ บ้าเพราะว่าความรัก, คืนเดทพิสดาร ผิดฝาผิดตัวรั่วยกเมือง และ 40 ปี โอ้ว! ยังจิ้น

ทุกอย่างเปลี่ยนไปในปี 2014 หลังจากที่มีการฉายเรื่อง ปล้ำแค่ตายซึ่งคาเรล (Carell) รับบทเป็นจอห์น ดู พอนต์ (John du Pont) เจ้าของทีมมวยปล้ำ นักวิจารณ์ชอบผลงานของเขา และเขาได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ หลังจากนั้นคาเรล (Carell) ก็ได้เล่นหนังของวู้ดดี้ อัลเลน (Woody Allen) เรื่อง ณ ที่นั่นเรารักกัน, ไวซ์ และ แด่ลูกชายสุดที่รัก ปัจจุบันนี้เขาเป็นนักแสดงดราม่าเต็มตัว

11. เบน สติลเลอร์

เบน สติลเลอร์ (Ben Stiller) มีชื่อเสียงจากการเป็นนักแสดงตลกที่มาจากการที่เขาเริ่มทำรายการตลกบนเอ็มทีวีที่ชื่อว่า เดอะเบนสติลเลอร์โชว์ ช่วงปลายยุค 90 หลังจากที่แสดงนำคู่กับคาเมรอน ดิแอซ (Cameron Diaz) ในเรื่องมะรุมมะตุ้มรุมรักแมรี่ สติลเลอร์ (Stiller) ได้ถูกชวนให้ไปรับบทบาทที่โตขึ้นในวงการตลกที่กว้างขวางกว่าเดิม ผลงานที่โด่งดังของเขาที่คุณอาจจะนึกออกอย่างเช่นเรื่อง เขยซ่าส์ พ่อตาแสบส์, พ่อตาแสบป่วนบ้านเขยซ่าส์, คุณยายเพื่อนบ้านผม...แสบที่สุดในโลก และ ซูแลนเดอร์ (ซึ่งสติลเลอร์ (Stiller) กำกับเองด้วย)

ในที่สุด สติลเลอร์ (Stiller) ก็ตัดสินใจที่จะทำหนังอิสระ และแสดงหนังดราม่าเรื่องกรีนเบิร์ก 40 ปี ชีวิตจะไปทางไหนดี แต่การแสดงเรื่อง ชีวิตพิศวงของวอลเตอร์ มิตตี้ เป็นอะไรที่พัฒนาเขาจริง ๆ มันเป็นเรื่องราวของผู้ชายขี้อายคนหนึ่งที่ฝันอยากจะทำสิ่งที่มหัศจรรย์ และเขาก็ได้แสดงหนังที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเรื่อง เดอะเมเยอร์โรวิทซ์ และ สเตตัสห่วยของคนชื่อแบรดอีกด้วย

12. โรเบิร์ท แพททินสัน

ดูเหมือนว่าแม้แต่ตัวนักแสดงเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะหลุดจากภาพจำในการเป็นแวมไพร์เอ็ดเวิร์ด (Edward) จาก ทไวไลท์ ได้เช่นกัน เขาเล่นบทนี้ซ้ำ ๆ ถึง 4 รอบ และได้พูดหลายครั้งว่าบทบาทนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก

ในภายหลังนักแสดงหนุ่มได้ลองบทบาทอื่น ๆ ที่แตกต่างออกไป เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาได้เติบโตจากเรื่องราววัยรุ่นแล้ว ทีแรกเขาแสดงในเรื่องมายารักละครสัตว์ กับคริสท็อฟ วัลทช์ (Christoph Waltz) และหลังจากนั้นก็แสดงนำในเรื่องเทพบุตรสยบเมือง คู่ไปกับภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง มิชชั่น: แบล็กลิสท์ ล่าสุดแพททินสัน (Pattinson) ได้แสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง ไฮไลฟ์ ไม่จำเป็นต้องพูดแล้วว่าหลังจากได้เห็นรายชื่อของภาพยนตร์ที่เขาได้แสดง เขาได้ก้าวข้ามบทบาทจากเรื่องทไวไลท์ไปแล้วจริง ๆ

13. มิเชล วิลเลียม

ก่อน: บลูวาเลนไทน์, 7 วันแล้วคิดถึงกันตลอดไป, หุบเขาเร้นรัก, เกาะนรกซ่อนทมิฬ
ก่อน: ไอฟีลพริตตี้, เวน่อม

มิเชล วิลเลียม (Michelle Williams) เป็นนักแสดงหญิงที่มีความจริงจังมาโดยตลอด และมีโอกาสที่จะชนะรางวัลออสการ์ถึง 4 ครั้ง: 2 ครั้งสำหรับรางวัล “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” จากเรื่อง บลูวาเลนไทน์ และ 7 วันแล้วคิดถึงกันตลอดไป และอีกสองครั้งจากรางวัล “นักแสดงสมทบยอดเยี่ยม” จากเรื่อง แค่ใครสักคน และ หุบเขาเร้นรัก มิเชล (Michelle) ทำผลงานในบทบาทดราม่าเหล่านี้ ซึ่งมีความเศร้าโศกจากภายในได้อย่างยอดเยี่ยม

แต่เมื่อปีที่ผ่านมาเธอได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ที่คุ้นเคย โดยการแสดงภาพยนตร์บู๊เรื่อง เวน่อม และภาพยนตร์ตลกอย่างเรื่องไอฟีลพริตตี้

14. ทอม ครูซ

เส้นทางอาชีพของทอม ครูซ (Tom Cruise) ก้าวหน้าขึ้นตลอดเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ตอนแรกฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า (Francis Ford Coppola) ได้เห็นและชวนเขามาร่วมงานในเรื่อง ดิเอ้าท์ไซเดอร์ แก๊งค์ทรนง เมื่อตอนที่เขาอายุ 26 ปี ทอม ครูซ (Tom Cruise) ได้แสดงเรื่องที่เป็นที่จดจำอย่าง เรนแมน และทำได้ดีเยี่ยมในบทบาทของทหารผ่านศึกที่จิตใจบอบช้ำในเรื่องเกิดวันที่ 4 กรกฎาคม ในปี 1996 ทอม ครูซ (Tom Cruise) ได้รับบทเป็นสายลับพิเศษในเรื่องมิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ล แต่โดยทั่วไปแล้วส่วนใหญ่เขาจะแสดงแนวดราม่าและจิตวิทยาระทึกขวัญ หลังจากนั้นเขาได้แสดงภาพยนตร์ที่มีผู้กำกับดังอย่างพิษราคะ, วานิลลา สกาย ปมรัก ปมมรณะ และ มหาบุรุษซามูไร

แต่ในปี 2004 ครูซ (Cruise) ได้ปรากฏตัวในหนังเรื่องสกัดแผนฆ่าล่าอำมหิตในฐานะนักฆ่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราก็ได้เห็นครูซในหนังบู๊, หนังไซไฟ และแนวดราม่าอาชญากรรมมากมาย

คุณมีนักแสดงคนโปรดที่เปลี่ยนแนวของตัวเองบ้างไหม ? บอกให้เรารู้ที่ด้านล่างหน่อย !