ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

9 เหตุผลว่าทำไมผู้หญิงบางคนจึงดูเหมือนวัยรุ่นในขณะที่บางคนดูเหมือนแม่ของพวกเธอ

ในทุก ๆ ปีที่ผ่านไปความแตกต่างระหว่างเพื่อนกลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น เช่น ผู้หญิงอายุ 30 ที่ดูเหมือนนักเรียนในมหาวิทยาลัย ในขณะที่บางคนถูกสับสนกับแม่ของเพื่อน และปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อรูปลักษณ์อาจเป็นอะไรที่ค่อนข้างคาดไม่ถึง เราจะพูดถึงสิ่งเหล่านั้นในบทความของเรา

พวกเราที่ชีวิตสดใสได้ค้นพบสิ่งที่อาจจะเป็นตัวการที่ “ขโมย” ความอ่อนเยาว์ของเรา

1. เทรนด์ความงามแบบโหนกแก้มสูง

ในขณะที่โหนกแก้มที่ทำให้นึกถึงนางแบบแฟชั่นในยุค 90 ได้กลับมาฮิตอีกครั้ง ผู้หญิงหลายคนตัดสินใจที่จะกำจัดไขมันในกระพุ้งแก้มของพวกเธอ (มันคือมวลไขมันในแก้ม) ด้วยการผ่าตัด การผ่าตัดดังกล่าวไม่ได้ซับซ้อนและคนไข้จะได้รับยาชาเฉพาะที่ หมอศัลยกรรมจะผ่าตัดด้านในของแก้มและเอาไขมันออกมา ขั้นตอนที่ดูไม่มีอะไรนี้อาจส่งผลกระทบที่จริงจังตามมาได้ และหมอศัลยกรรมไม่แนะนำให้คนไข้ที่มีใบหน้าแคบรับการผ่าตัดนี้ เนื่องจากใบหน้าที่ขาดส่วนที่เป็นกรอบโครงสร้างตามธรรมชาติ สุดท้ายแล้วอาจจะออกมาดูเหี่ยวแห้งและไม่สดใสในระยะยาวได้

แน่นอนว่าโหนกแก้มที่เป็นธรรมชาตินั้นดูสวยงาม แต่เฉพาะถ้าคุณได้รับมันเป็นของขวัญทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ โดยไม่ได้มาจากผลลัพธ์ทางการศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงโครงหน้า มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ว่าผลที่ตามมาของการศัลยกรรมครั้งนี้ไม่สามารถทำให้กลับคืนมาเหมือนเดิมได้ เพราะงั้นการรักแก้มในป่อง ๆ ของคุณอาจจะง่ายกว่าการจ่ายเงินให้กับแฟชั่นและเสียใจกับผลที่ตามมาในอนาคต

2. การเสริมสวยมากเกินไป

คุณอาจจะสังเกตเห็นว่าผิวของผู้หญิงที่มีการเสริมสวย และการลอกผิวมากเกินไปจะดูเรียบเนียนอย่างผิดปกติไปจากอายุ ซึ่งทำให้เรานึกถึงตุ๊กตาขี้ผึ้ง มันอาจส่งผลให้เกิดการแก่ก่อนวัย ผิวจะบาง หย่อนยาน เห็นเส้นเลือดฝอยได้ชัดเจนและริ้วรอยจะเริ่มปรากฏ

ความหลงใหลในการฉีดโบท็อกซ์ของผู้หญิงอาจจะเห็นได้จากผิวที่เปล่งปลั่งและหน้าแบนซึ่งเป็นผลมาจากกล้ามเนื้อที่ลีบ มันอาจทำให้สูญเสียปริมาตรของใบหน้าตามธรรมชาติซึ่งทำให้ผิวดูแก่กว่าเดิมและการสร้างแบบจำลองโดยทั่วไปของใบหน้าด้วยการใช้ฟิลเลอร์จะบิดเบือนลักษณะทางกายวิภาคของใบหน้าธรรมชาติและเป็นการเพิ่มอายุได้ ผลข้างเคียงของขั้นตอนเหล่านี้สามารถเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี

ผลสรุปคือช่างเสริมสวยและหมอศัลยกรรมพบกับความยากลำบากในการทำงานกับคนไข้ผู้ที่ใบหน้าเคยผ่านการเปลี่ยนแปลงโดยการศัลยกรรมและการฉีดมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นยิ่งผู้หญิงที่เริ่มกระบวนการของ “ผู้ใหญ่” ช้ามากเท่าไหร่ เธอก็จะดูเป็นธรรมชาติและอ่อนเยาว์ได้นานขึ้นเท่านั้น

3. การอดอาหารอย่างหนัก

ยิ่งคนเราลดน้ำหนักมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเห็น “ใบหน้าของการอดอาหาร” ก็จะปรากฎชัดมากขึ้นเท่านั้น เพราะการขาดไขมันจะทำให้เห็นเส้นที่จมูกชัดขึ้น ริ้วรอยลึกขึ้น และการขาดไขมันรอบดวงตาจะทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยและแก่ขึ้น

หลังจากที่คนเราอายุ 40 ปี การเลิกคิดที่จะลดน้ำหนักมาก ๆ หรือการพยายามที่จะหนักให้เท่ากับตอนที่เป็นวัยรุ่นนั้นดีกว่า งานวิจัยที่ทดสอบกับฝาแฝดแนะนำว่าถ้าดัชนีมวลกายของคนเรามากกว่าสี่จุด คนที่อายุต่ำกว่า 40 ปีจะดูแก่ แต่คนที่อายุมากกว่า 40 ปีจะดูอ่อนเยาว์ และหลังจากนั้นถ้าคนที่อายุมากกว่า 55 ปี มีดัชนีมวลกายมากกว่า 8 จุด พวกเขาจะดูอ่อนเยาว์กว่าเพื่อนของเขาที่เข้มงวดกับการอดอาหาร

4. ทำกิจกรรมทางร่างกายน้อยหรือมากเกินไป

ไลฟ์สไตล์ที่ทะมัดทะแมงไม่เพียงแต่ทำให้สุขภาพดีเท่านั้น แต่ยังคงความอ่อนเยาว์ให้มากขึ้นด้วย และข้อเท็จจริงนี้ได้รับการสนับสนุนโดยงานวิจัยที่บอกว่าผู้สูงอายุที่ออกกำลังกายเป็นประจำไม่เพียงแต่ช่วยชะลอวัย แต่พวกเขายังมีภูมิคุ้มกันและระดับคลอเรสเตอรอลที่เทียบได้กับคนหนุ่มสาวอีกด้วย

แต่การตั้งข้อจำกัดทางกายก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะไลฟ์สไตล์ที่ทำเป็นประจำอย่างสุดโต่งก็คือการออกกำลังกายมากเกินไปซึ่งอาจจะให้ข้อเสียมากกว่าข้อดี เทรซี่ เมาท์ฟอร์ด (Tracy Mountford) ผู้อำนวยการคลินิกความงามในลอนดอนบอกไว้ว่าหลังจากอายุ 40 ปีการสูญเสียปริมาตรบนใบหน้าอาจจะเพิ่มขึ้นเพราะการออกกำลังกายอย่างหนัก และผลก็คืออาจจะดูแก่กว่าอายุจริง

5. ใบหน้าของการกิน “น้ำตาล”

ผิวหมองคล้ำ การอักเสบ ผิวที่หย่อนคล้อย ถุงใต้ตาและริ้วรอยบนหน้าผากเป็นผลมาจากการกินของหวานที่มากเกินไป น้ำตาลจะเพิ่มไกลเคชั่นซึ่งเป็นกระบวนการที่กลูโคสที่มากเกินไปทำลายคอลลาเจนและทำให้มันไม่ยืดหยุ่น ซึ่งเป็นการเพิ่มอายุของผิว

6. นอนหันข้างหรือนอนคว่ำ

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าผู้ที่นอนไม่ถูกต้องจะแก่เร็ว ผู้หญิง 60 คนตั้งแต่อายุ 30 ถึง 49 ปีมีส่วนร่วมในงานวิจัยและมันแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่อดนอนมีสัญญาณของความชราของผิว เช่น ริ้วรอย เม็ดสีและขาดความยืดหยุ่น ผิวของพวกเธอจะอ่อนไหวต่อปัจจัยรอบข้างมากขึ้น และความสามารถในการฟื้นตัวหลังจากถูกแสงแดดเผาจะต่ำลง

จากงานวิจัยอื่นพบว่า ท่าทางในการนอนก็เป็นสิ่งสำคัญ คนเราเปลี่ยนท่านอนประมาณ 20 ครั้งต่อคืน 65% ของกลุ่มตัวอย่างนอนหันข้าง และสิ่งนี้ส่งผลให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าและลำคอ ด้วยอายุแล้วคนเราจะเปลี่ยนท่านอนน้อยลง ตัวเลขจะลดลงจาก 27 ครั้งไปเป็น 16 ครั้งต่อคืน และยิ่งเรานอนท่าเดิมนานเท่าไหร่ ผิวก็จะเจอกับผลเสียมากขึ้นเท่านั้น

7. การหย่าร้าง

จากงานวิจัยที่ดำเนินการโดยศัลยแพทย์ การหย่าร้างจะทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้า มีฝาแฝดที่เข้าร่วมงานวิจัยนี้และผลก็ออกมาว่าคนที่ผ่านการหย่าร้างมาแล้วดูแก่กว่าพี่/น้องที่แต่งงาน โสดหรือแม้กระทั่งเป็นหม้ายถึง 2 ปี

8. การใช้ยากล่อมประสาท

ความเครียดก็ส่งผลต่อการรับรู้ทางสายตาของฝาแฝดจากการทดลองที่ได้จากที่กล่าวไว้ในประเด็นก่อน เช่นกัน นักวิจัยเชื่อว่าการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อที่มีสาเหตุจากยากล่อมประสาทอาจจะเป็นสาเหตุของผิวหย่อนคล้อยได้

9. ร่องริมฝีปากลาง ๆ

ร่องริมฝีปากเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ระหว่างฐานของจมูกและขอบริมฝีปากบน และมันเป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างใบหน้า ในวัยหนุ่มสาวพื้นที่บริเวณนี้จะดูชัดเจนมาก แต่เมื่ออายุมากขึ้น ร่องริมฝีปากของคนส่วนใหญ่จะแบนลง แต่ก็ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงด้วยการใช้เครื่องสำอางได้ ทาผลิตภัณฑ์คอนทัวร์สีเข้มที่ร่องริมฝีปากเพื่อสร้างเงา หลังจากนั้นให้ทาไฮไลท์เหนือริมฝีปากบน

คุณดูเด็กกว่าหรือแก่กว่าเพื่อนของคุณ ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มผู้โชคดีที่สามารถโกงอายุได้ แบ่งปันเคล็ดลับของคุณกับเราหน่อย

เครดิตภาพพรีวิว Gigi Hadid / instagram, Isabella Khair Hadid / instagram
แชร์บทความนี้