“แม้ฉันจะต้องเจอกับอะไรอีกมากมาย แต่ฉันไม่กลัว” เซเลน่า โกเมซยืนหยัดในสถานการณ์ที่ยากลำบากได้อย่างไร
เซเลน่า โกเมซ (Selena Gomez) เป็นหนึ่งในศิลปินรุ่นเยาว์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เธอเริ่มต้นอาชีพในวัยเด็กบนซีรีส์โทรทัศน์ Barney and Friends และหลังจากนั้นเธอก็ประสบความสำเร็จหลังจากประสบความสำเร็จในรายการทีวี ภาพยนตร์ และอาชีพการร้องเพลงของเธอ ถึงกระนั้นทุกอย่างก็ไม่ได้ราบรื่น เมื่อเร็วๆ นี้เธอต้องต่อสู้กับความเจ็บป่วยต่างๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ชีวิตสดใสจะบอกให้คุณได้รู้ว่าเซเลน่า โกเมซสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไรในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเรื่องราวของเธอสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้อย่างไร
ในปี 2013 ตอนที่เธออายุได้ 21 ปี เซเลน่า โกเมซต้องยกเลิกการทัวร์รอบโลกของเธอเนื่องจากมีอาการโรคลูปัส มีข่าวลือสะพัดในแท็บลอยด์ทันทีว่าเป็นเพราะสารเสพติด แต่ไม่นานก็ถูกปัดตกไป
ในการให้สัมภาษณ์ เธอแสดงความคิดเห็นว่า “ฉันอยากจะพูดใจจะขาดว่า ’พวกคุณไม่รู้อะไรเลยว่าฉันต้องทำเคมีบำบัด’” ตั้งแต่ปี 2014 นักร้องสาวได้รับการรักษาหลายวิธีเพื่อต่อต้านผลกระทบจากโรคลูปัส
ในปี 2016 เธอตัดสินใจหยุดพักและแสดงความคิดเห็นว่า “อย่างที่คุณรู้ ฉันเป็นโรคลูปัส ซึ่งเป็นโรคที่อาจส่งผลต่อคุณได้ในหลายๆ ด้าน ฉันพบว่าความวิตกกังวล ความตื่นตระหนก และภาวะซึมเศร้าเป็นผลข้างเคียงของโรคนี้.. ฉันต้องการเป็นคนมีสติควบคุมตัวเองได้และมุ่งเน้นไปที่การรักษาสุขภาพและความสุขของตัวเอง... ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจว่าควรพักผ่อนบ้างน่าจะดีที่สุด ”
ปลายปีนั้น เซเลน่าได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่งานประกาศรางวัลอเมริกัน มิวสิก อวอร์ดส์ (American Music Awards) ซึ่งเธอได้เปิดใจต่อผู้ชมว่า “ฉันต้องหยุดเพราะข้างในของฉันแตกสลาย... ฉันไม่ต้องการเห็นตัวตนของคุณบนอินสตาแกรม แต่ฉันอยากเห็นสิ่งที่อยู่ในนี้ (ในหัวใจ) ฉันไม่ได้พยายามให้เหตุผลหรือทำต้องการมันอีกต่อไป หากคุณแตกสลาย คุณไม่จำเป็นต้องอยู่กับความแตกสลายแบบนั้น”
ในช่วงต้นปี 2017 เซเลนา โกเมซมีส่วนร่วมในการพัฒนาซีรีส์เรื่อง 13 บันทึกลับหัวใจสลาย (13 Reasons Why) ซึ่งสร้างจากนวนิยายและเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ยากลำบาก เช่น ภาวะซึมเศร้า การกลั่นแกล้ง และการล่วงละเมิดทางอารมณ์
“ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้สามารถมีอิทธิพลในแง่ดีกับคนรุ่นนี้ ฉันคิดว่าซีรีส์นี้เป็นประสบการณ์ที่จะนำความกระจ่างมาสู่เรื่องที่ยากลำบากและช่วงที่มืดมนที่สุด” นักร้องกล่าว
ในเดือนกันยายน 2017 เซเลน่า โกเมซเปิดเผยว่าเธอได้รับการปลูกถ่ายไตจากเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเธอนักแสดงสาวฟรานเซีย เรย์ซา (Francia Raisa) “เธอมอบของขวัญและการเสียสละสูงสุดให้ฉันด้วยการบริจาคไตของเธอ ฉันมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันรักเธอมากเพื่อนสาว” เธอกล่าวบนอินสตาแกรม
ในเดือนกันยายนปี 2018 นักแสดงสาวได้เข้ารับการรักษาที่ศูนย์จิตเวช เนื่องจากเธอมีวิกฤตทางอารมณ์ที่รุนแรง เห็นได้ชัดว่าวิกฤตเกิดขึ้นหลังจากที่เธอได้รับการทดสอบหลายครั้งซึ่งจำนวนเม็ดเลือดขาวของเธอต่ำมาก เป็นครั้งที่สองที่เธอถอนตัวจากโซเชียลมีเดียเพื่อให้ความสำคัญกับสุขภาพของเธอ
สามเดือนต่อมา เธอกลับสู่ชีวิตสาธารณะผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดียของเธอ: “เชื่อฉันเถอะ มันไม่ง่าย แต่ฉันภูมิใจในตัวตนที่ฉันกำลังเป็น”
ในต้นปี 2020 เซเลน่าให้สัมภาษณ์กับไมลีย์ ไซรัส (Miley Cyrus) ว่า: “ฉันไปโรงพยาบาลจิตเวชที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง... โรงพยาบาลแมคลีน (McLean Hospital) และฉันพิจารณาว่าหลังจากหลายปีที่ต้องผ่านสิ่งต่างๆ มากมาย ฉันก็ตระหนักว่าตัวเองเป็นโรคไบโพลาร์ ฉันแค่รู้สึกว่าในที่สุดเมื่อฉันพูดในสิ่งที่ฉันอยากพูด ฉันอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมัน และมันก็เป็นการเอาความกลัวออกไป”
“ฉันมีปัญหากับภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล และพบว่ามันยากสำหรับฉันที่จะเป็นตัวเอง การหยุดพักจากโซเชียลมีเดียเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทำเพื่อสุขภาพจิตของฉัน ฉันเชื่อมั่นในการบำบัด และฉันรู้สึกมั่นใจเสมอเมื่อได้ดูแลตัวเอง” นักร้องสาวกล่าว
“โรคลูปัสของฉัน การปลูกถ่ายไตของฉัน การให้เคมีบำบัด การป่วยทางจิต การประสบกับภาวะหัวใจสลายในที่สาธารณะ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ควรทำให้ฉันผิดหวัง” เซเลนาบอกกับสื่อ “ทุกครั้งที่ฉันมีประสบการณ์อะไรซักอย่าง ฉันก็แบบ ’มีอะไรอีก ฉันต้องเจอกับอะไรอีก?’”
เธออธิบายว่าเธอมองเข้าไปข้างในเพื่อดึงพลังเพื่อก้าวต่อไป “เธอกำลังจะช่วยผู้คน” เธอระลึกโดยบอกตัวเอง “นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันใช้ชีวิตต่อไป อาจมีบางครั้งที่ฉันไม่เข้มแข็งพอและทำบางอย่างที่ทำร้ายตัวเอง ใช่ ฉันประสบปัญหามากมาย ใช่ ฉันมีปัญหาสุขภาพจิต ฉันเป็นโรคซึมเศร้า และฉันมีความวิตกกังวล ฉันรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกเมื่อได้แก้ไขเรื่องพวกนี้”
เซเลน่า โกเมซ ไม่เพียงแต่พูดอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เธอเจอเพื่อสร้างความตระหนักเพียงเท่านั้น แต่เธอยังบริจาคเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับองค์กร Time’s Up Legal Defense Fund ซึ่งทำงานเพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิด
คุณรู้จักเรื่องราวชีวิตที่สร้างแรงบันดาลใจอะไรอีกบ้าง? คอมเมนต์บอกเราหน่อยสิ