“เธออายุน้อยพอที่ผมจะปั้นเธอให้เป็นในแบบที่ผมต้องการ” เรื่องจริงของเอลวิสและพริสซิลลา เพรสลีย์
เมื่อเอลวิส (Elvis) และพริสซิลลา (Priscilla) พบกันครั้งแรก เธออายุเพียง 14 ปี ขณะที่เขาอายุ 24 ปี พ่อแม่ของเธอกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่พริสซิลลานั้นอยู่ในห้วงรักและดื้อรั้น ไม่มีอะไรหรือใครจะกีดกันเธอจากการอยู่กับราชาร็อกแอนด์โรลได้ สำหรับเอลวิส ความต่างของอายุไม่ใช่ปัญหาเลย มันเป็นโอกาสดีที่เขาจะปั้นพริสซิลลาให้เป็นภรรยาในอุดมคติ นี่น่าจะเป็นการแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ แต่มีบางอย่างที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาไปกันไม่รอด
ที่ชีวิตสดใส เราได้แอบดูเบื้องหลังความสัมพันธ์ของเอลวิสกับพริสซิลลาและนี่คือเรื่องราวของพวกเขา
จุดเริ่มต้น
เอลวิสและพริสซิลลาพบกันที่เยอรมนีในปี 1959 เอลวิสถูกกองทัพสหรัฐฯ ส่งไปที่นั่นขณะเป็นทหารเกณฑ์และครอบครัวของพริสซิลลามาที่เยอรมนีเพราะพ่อของเธอถูกกองทัพอากาศย้ายไปที่นั่น มีคนเชิญพริสซิลลาไปเยี่ยมเอลวิสที่บ้านของเขาและเธอก็ยินดีเป็นอย่างมาก เธอดึงดูดความสนใจเขาได้ทันทีและเขาได้เล่นเพลงสองสามเพลงเพื่อเธอโดยเฉพาะ แม้ว่าเธอจะสารภาพว่าเธอเพิ่งเรียนอยู่แค่เกรด 9 ก็ตาม
“ฉันเห็นว่าเอลวิสพยายามทำให้ฉันสนใจ ฉันสังเกตว่ายิ่งฉันแสดงปฏิกิริยาน้อยลงเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเริ่มร้องเพลงเพื่อฉันมากขึ้นเท่านั้น ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเอลวิส เพรสลีย์จะพยายามทำให้ฉันประทับใจ” พริสซิลลาเล่า
พริสซิลลาแทบไม่เชื่อว่าเอลวิสจะโทรมาหาเธอและเธอมั่นใจว่าการเดทของพวกเขาจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย แต่เขาโทรกลับหาเธอ สองสามวันต่อมา พ่อแม่ของพริสซิลลาก็ยืนกรานว่าพวกเขาต้องพบกับคนที่ลูกสาวชอบ พริสซิลลาจำได้ว่าเอลวิสมาในชุดเครื่องแบบของเขาซึ่งพ่อของเธอชื่นชอบ ทั้งคู่คุยกันนานและในที่สุด พ่อแม่ของพริสซิลลาก็หลงเสน่ห์เอลวิสจนทำให้พวกเขาทั้งสองได้คบกันต่อไป
พริสซิลลาเป็นเด็กสาวที่สวยมากและหนุ่ม ๆ ที่โรงเรียนต่างก็มองเธอไม่วางตา เธอจำได้ว่าครั้งหนึ่ง รูปภาพของเธอที่สวมเสื้อสเวตเตอร์รัดรูปของเธอถูกขโมยไปจากกระดานข่าวที่โรงเรียน เนื่องจากพริสซิลลาอายุยังน้อยก็หมายความว่าเธอและเอลวิสไม่ควรปรากฏตัวในที่สาธารณะพร้อมกันแต่ทั้ง 2 คนยังคงพบกันอยู่
เอลวิสชอบที่พริสซิลลาไม่มีประสบการณ์และอายุน้อย อายุที่ห่างกันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลย เขาเห็นว่ามันเป็นโอกาสของเขาที่จะปั้นภรรยาที่สมบูรณ์แบบสำหรับตัวเขาเอง ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกเพื่อนของเขาว่า “เธออายุน้อยพอที่จะปั้นเธอให้เป็นในแบบที่ต้องการ”
พริสซิลลาจำได้ว่าเอลวิสบอกกับเธอเกี่ยวกับผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบในความคิดของเขา และความปรารถนาของเขาที่จะเปลี่ยนพริสซิลลาให้เป็นผู้หญิงคนนั้น “ในคืนที่เขาอารมณ์สงบและใจเย็น เขาจะบรรยายถึงผู้หญิงในอุดมคติของเขาและบอกฉันว่าฉันเหมาะกับอิมเมจนี้ยังไง เขาชอบสาวผมบรูเน็ตต์ที่พูดจานุ่มนวลและมีนัยน์ตาสีฟ้า เขาต้องการปั้นฉันให้เหมือนกับทัศนคติและความชอบของเขา ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความซื่อสัตย์ของผู้หญิง”
ชีวิตคู่และชีวิตครอบครัว
ในปี 1960 เอลวิสออกจากเยอรมนี ขณะที่พริสซิลลาและครอบครัวของเธอยังอาศัยอยู่ที่นั่น ทั้งสองจะพบกันเป็นครั้งคราวเมื่อเขาขอให้เธอมาที่สหรัฐอเมริกาและความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายปีก่อนที่พวกเขาจะแต่งงานกันในที่สุด พริสซิลลาจำได้ว่าปีเหล่านั้นเป็น “แอนิเมชั่นที่ถูกระงับ” ซึ่งเธอจะรอให้เอลวิสโทรหาซึ่งไม่บ่อยนักและนับวันเพื่อจะได้เจอกันอีก เธอยังได้ยินเรื่องซุบซิบมากมายเกี่ยวกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของเขากับผู้หญิงคนอื่น ๆ ตั้งแต่ผู้หญิงข้างบ้านไปจนถึงคนดัง
เอลวิสขอเธอแต่งงานในปี 1966 และทั้งสองแต่งงานกันที่ลาสเวกัสเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ปี 1967 เอลวิสบอกว่าเขาจำเป็นต้องแต่งงานเพราะกลัวเรื่องอื้อฉาวที่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าเขายังเป็นโสด เขายังคงพยายามเปลี่ยนภรรยาให้เป็นไปตามความคาดหวังของเขาอย่างเต็มที่ พริสซิลลาซึ่งต่อมาเรียกตัวเองว่า “ตุ๊กตามีชีวิตของเอลวิส” ใส่ครอบฟัน ปรับปรุงท่าทางของเธอ ย้อมผมของเธอให้เป็นสีดำและแต่งตัวให้เข้ากับภาพลักษณ์ของราชาเพลงร็อคของเขา
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี1968 พริสซิลลาได้ให้กำเนิดลูกสาวชื่อลิซ่ามารี (Lisa Marie) หลังจากที่พริสซิลลากลายเป็นแม่ เธอก็รู้สึกว่าเอลวิสหมดความสนใจในตัวเธอ เช่นเดียวกับก่อนแต่งงาน เขายังคงมีเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ กับผู้หญิงคนอื่น ๆ และพริสซิลลาก็พบจดหมายรักที่ส่งถึงสามีของเธอ เมื่อเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักว่าเธอไม่อยากทนกับเรื่องนั้นและได้แต่รอเขาที่บ้านอีกต่อไป
“ชีวิตของฉันคือชีวิตของเขา เขาต้องมีความสุข ปัญหาของฉันเป็นเรื่องรอง ฉันอยากจะเติบโต ฉันอยากทำเรื่องต่าง ๆ” เธอกล่าวในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งของเธอ เธอเบื่อกับแรงกดดันที่ต้องทำตามความคาดหวังของสามี เธอยอมรับว่าเธอไม่เคยหน้าสดเมื่ออยู่กับเขาและไม่เคยแต่งตัวต่อหน้าเขาเลย “เขาอยากเห็นแค่ผลลัพธ์สุดท้ายเท่านั้น”
การหย่าร้างและความตกต่ำของราชา
ในปี 1972 พริสซิลลาบอกเอลวิสว่าเธอจะจากเขาไปและในไม่ช้าทั้งสองก็หย่าร้างและได้สิทธิ์เป็นผู้ปกครองร่วมกัน ในขณะที่พริสซิลลาที่ได้เป็นโสดอีกครั้งกำลังเบ่งบานและในที่สุดก็ได้กลับมาเป็นผู้ควบคุมชีวิตของตัวเองเธออีกครั้ง เอลวิสกลับติดยาตามใบสั่งแพทย์และประสบปัญหาทางการเงิน เขามีเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ หลายครั้งหลังจากที่ชีวิตคู่ของเขากับพริสซิลลาจบลงและได้ขอจินเจอร์ อัลเดน (Ginger Alden) แต่งงาน
ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็คงไม่ได้เกิดมาคู่กัน เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ปี 1977 เอลวิสถูกพบว่าเสียชีวิต เขาอายุ 42 ปี พริสซิลลาเสียใจเมื่อได้รู้ว่าเอลวิสไม่อยู่อีกต่อไปแล้วและเธอก็แทบไม่อยากเชื่อเลย เธอหวังว่าเอลวิสจะเข้าโรงพยาบาลเพื่อซ่อนตัวจากสายตาของสาธารณชน อยู่คนเดียวสักพักแล้วกลับมาใหม่ “มันน่าตกใจ อย่างที่โลกก็คงรู้สึกแต่แค่มากกว่าเป็นล้านเท่า” เธอสารภาพ
แม้จะหย่าร้างและมีชีวิตคู่ที่ตึงเครียด แต่พริสซิลลาและเอลวิสก็ยังคงสนิทสนมกัน เธอจำได้ว่าเขาเคยโทรหาเธอเพื่อบอกเล่าความกังวลของเขาและเธอก็คุยกับเขาอย่างใส่ใจทุกครั้ง หลังจากการหย่าร้าง พริสซิลลาก็เริ่มต้นอาชีพนักแสดงและนักธุรกิจหญิง เธอไม่เคยแต่งงานอีกเลยแต่เธอมีความสัมพันธ์ระยะยาวที่ทำให้เธอได้ให้กำเนิดลูกชายชื่อนาวาโรน (Navarone)
เธอเปิดบ้านในเกรซแลนด์รับนักท่องเที่ยวเพื่อที่เธอจะได้หาเงินจ่ายภาษีและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ โดยไม่ต้องขายบ้านที่เธอและเอลวิสอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว เกรซแลนด์ได้กลายเป็นบ้านที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดเป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกา รองจากทำเนียบขาว พริสซิลลารักษาความทรงจำที่ดีของอดีตสามีอย่างซื่อสัตย์ มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่อุทิศให้กับดนตรีของเขาและยังคงเรียกเขาว่า “รักแท้ในชีวิตของเธอ”
คุณรู้สึกยังไงหลังจากอ่านเรื่องราวความรักของเอลวิสและพริสซิลลา ? คุณคิดยังไงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหนึ่งพยายาม “ปั้น” อีกฝ่ายหนึ่งให้เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง ?