8 เหตุผลว่าทำไมการให้ลูกของคุณเล่นแต่งตัวถึงสำคัญกับอนาคตของพวกเขา
เด็ก ๆ ในทุกช่วงวัยชอบเล่นแต่งตัวและเล่นบทบาทต่าง ๆ อยู่แล้ว ผ้าคลุมหนึ่งผืน กล่องกระดาษเป็นหมวกนักบินอวกาศ และกระเป๋าของแม่เป็นสมบัติที่ซ่อนเอาไว้ จินตนาการคือขีดจำกัด และมันยังเป็นที่ต้องการสำหรับคุณประโยชน์สำคัญบางอย่างด้วย การเล่นจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ สำหรับสุขภาพและพัฒนาการของเด็ก
พวกเราที่ชีวิตสดใสรู้ว่าความรักนั้นมาในทุกรูปแบบและทุกลักษณะ แม้ว่ารูปแบบนั้นจะอยู่แค่ในจินตนาการของเด็ก ๆ ก็เถอะ บทเรียนของพวกเขาสามารถนำพาทักษะในการใช้ชีวิตจริง ๆ มาให้ได้ด้วย และยังมีประโยชน์สำหรับคนโตแล้วด้วยอีกนะ เราได้เก็บโบนัสเอาไว้ในช่วงท้ายของบทความด้วย
1. มันช่วยพัฒนาความจำ
โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ ที่อยู่ในขั้นเตรียมความคิดที่มีเหตุผล (ตั้งแต่อายุประมาณ 18/24 เดือนไปจนถึง 7 ปี) นี่จะมีผลอย่างมากเลยล่ะ พวกเขากำลังเติบโตในด้านภาษาในขณะเดียวกันก็พัฒนาความจำและจินตนาการไปด้วย การได้เล่นสวมบทบาทจะทำให้พวกเขาเข้าใจความแตกต่างระหว่างอดีตและอนาคตได้ ประโยชน์ก็คือการค้นพบการเรียนรู้อันแสนสนุก
2. มันช่วยในการไขปริศนาแห่งชีวิต
โดยทั่วไปแล้ว การเล่นอาจจะถูกบรรยายได้ว่าเป็นวิธีไขปริศนาลึกลับของชีวิตก็ได้ เด็ก ๆ จะทดลองและทำความเข้าใจโลกรอบ ๆ ตัวพวกเขาผ่านสิ่งนี้ การเล่นแต่งตัว รับบทในฉากชีวิตจริง หรือการเล่นสวมบทบาทง่าย ๆ มันเชื่อมโยงกับการควบคุมอารมณ์ ทักษะภาษา การคิดให้เหตุผล และทักษะการแก้ปัญหา
3. มันช่วยให้พวกเขาได้แสดงออกความรู้สึก
การเล่นแต่งตัวมันเป็นรูปแบบของการเล่นอย่างมีจินตนาการ การได้จินตนาการโครงเรื่องและการแสดงออกมาทำให้พวกเขาสามารถแสดงออกความรู้สึกได้ ทั้งในด้านที่ดีและไม่ดี อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย การได้เล่นกับครอบครัวและเด็กคนอื่น ๆ ต้องมีความร่วมมือและการแบ่งปันกัน มันยังช่วยให้เด็ก ๆ ได้ฝึกฝนทักษะทางภาษาและทางสังคมด้วย
4. มันช่วยเรื่องทักษะการตัดสินใจจริง ๆ ได้
จากการช่วยเหลือเจ้าหญิงไปจนถึงการออกแคมป์ในห้องนั่งเล่น ถ้ามันมีพล็อต มันก็เป็นตัวช่วยพัฒนาทักษะการตัดสินใจแล้ว การสร้างสถานการณ์หรือการแสดงออกในงานสังคมต่าง ๆ ทำให้เด็ก ๆ ได้ทดสอบแนวคิดและพฤติกรรมที่พวกเขาอาจจะไม่ลองทำถ้าสถานการณ์ไม่เป็นเช่นนี้ การเล่นแบบนี้จะช่วยพัฒนาและ/หรือทำให้ทักษะในการแก้ปัญหาและการควบคุมตัวเองแข็งแรงขึ้น
5. มันช่วยสร้างสมาธิ
การใส่คอสตูมช่วยให้เด็ก ๆ ได้มีสัมพันธ์กับการเล่นจินตนาการ ซึ่งช่วยส่งเสริมให้สามารถจดจ่อได้ดี เด็ก ๆ ที่เล่นเป็นซูเปอร์ฮีโร่จะจดจ่อกับงานที่ทำได้ดีกว่าคนที่คิดว่าตัวเองเป็นบุคคลที่สามหรือบุคคลแรก การศึกษาหนึ่งแสดงให้เห็นว่าเด็ก ๆ สามารถแยกตัวออกมาจากตัวตนของตัวเองได้มากเท่าไร ก็จะจดจ่อกับงานที่น่าเบื่อได้มากเท่านั้น
6. มันช่วยลดความวิตกกังวล
คนที่ต่อต้านและตัวตนอีกตัวตนหนึ่งอาจจะเป็นหนึ่งเดียวและเป็นสิ่งเดียวกันได้ การเลือกใช้อีกตัวตนหนึ่งสามารถช่วยให้เด็ก ๆ จดจ่อกับงานที่ซับซ้อนและน่าเบื่อโดยการช่วยสร้างระยะห่างจากสถานการณ์ปัจจุบันให้พวกเขาได้ การเล่นสวมบทบาทด้วยเทคนิคที่แยกตัวตนของพวกเขาออกมาทำให้พวกเขาสามารถสังเกตพฤติกรรมได้และไม่ยอมตามให้กับความต้องการปุบปับ ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นโอกาสในการพัฒนากลไกการรับมือสำหรับสิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย
7. มันช่วยสร้างความอดทนไม่ย่อท้อ
การทำอะไรสักอย่างแม้จะมีความยากลำบากและการประสบความสำเร็จที่ช้าออกไปมันคือความอดทนไม่ย่อท้อ และมันก็เป็นทักษะที่สำคัญที่จะต้องมีไปตลอดชีวิต จากการเรียนรู้ที่จะอ่านและการพยายามจดจำเสียงของตัวอักษรแต่ละตัวไปจนถึงการเรียนจบมหาวิทยาลัยและชีวิตการทำงานในท้ายที่สุด ความอดทนไม่ย่อท้อเป็นอิฐก้อนแรกของความสำเร็จจริง ๆ
8. มันช่วยพัฒนาการทำงานระดับสูง
ความอดทนไม่ย่อท้อเป็นการทำงานระดับสูง ทักษะการทำงานระดับสูงและการควบคุมตัวเองเป็นกระบวนการภายในจิตใจที่ทำให้เราวางแผน จดจ่อ จดจำคำสั่งการ และทำงานได้หลากหลายงาน เด็ก ๆ ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับทักษะเหล่านี้ ดังนั้นเมื่อพวกเขามีโอกาสที่จะได้เสริมสร้างเข้าไปอีก พวกเขาก็เท่ากับได้ทดลองกับประโยชน์ที่จะได้ไปตลอดชีวิต และก็อย่างที่เห็นว่าเวลาที่ใช้ไปกับการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ก็อาจจะช่วยในเรื่องนี้ได้
โบนัส: ทำไมการมีตัวตนอีกแบบเอาไว้จึงสำคัญ
การมีตัวตนอีกแบบคือการให้พลังกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สำหรับผู้ใหญ่ การคิดว่าตัวของเราเป็นสิ่งที่แยกออกมาต่างหากมันจะช่วยลดความวิตกกังวลและเป็นประโยชน์ต่อทั้งความมั่นใจและความมุ่งมั่นได้ และมันแสดงให้เห็นแม้แต่ในความเปลี่ยนแปลงของมุมมองเล็ก ๆ น้อย ๆ การมีตัวตนอีกแบบหนึ่ง อย่างเช่น ซาช่า เฟียส (Sasha Fierce) ของบียอนเซ่ (Beyoncé) เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สามารถช่วยให้คนคนหนึ่งควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
คุณจำอะไรได้แจ่มชัดที่สุดจากวัยเด็กของคุณ? กลิ่น รสชาติ หรือว่าช่วงเวลา? คุณมีลูกที่ชอบเล่นแต่งตัวไหม?