8 สิ่งที่จะเกิดขึ้นหากคุณหยุดแต่งหน้า

เราอยู่ในโลกแห่งการแข่งขันเพื่อช่วงชิงความสมบูรณ์แบบโดยการฉาบทับปิดบังตัวตนด้วยสิ่งที่เรียกว่า คอนซีลเลอร์ เครื่องสำอางต่าง ๆ ที่คุณนั้นใช้สามารถครอบงำ ควบคุมสมองของคุณได้ราวกับหุ่นเชิด แล้วคุณรู้หรือไม่ว่ามันจะเกิดผลดีอะไรกับเราบ้างหากเราหยุดใช้มัน

เราชาวชีวิตสดใส ตัดสินใจที่จะนำเสนออีกด้านของเหรียญโดยให้คุณได้เห็นว่าการไม่แต่งหน้านั้นช่วยฟื้นฟูบุคลิกของคุณได้อย่างไร

1. สมองของคุณจะหยุดคิดว่าคุณดูเหมือนเป็นคนแปลกหน้าเวลาที่คุณต้องเปลือยหน้าสด

งานวิจัยจากบริษัทเครื่องสำอางคาเนโบร่วมกับมือนักวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าในช่วงเวลาก่อนที่ผู้หญิงจะแต่งหน้า เธอจะรู้สึกราวกับว่าเธอจะต้องแต่งหน้าให้กับบุคคลอื่นอยู่

แต่เมื่อแต่งหน้าได้เข้าที่แล้ว เธอจะเริ่มรู้สึกว่าใบหน้าที่เพิ่งแต่งเสร็จนั้นคือใบหน้าของตนเอง สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่แต่งหน้ามองว่าใบหน้าที่แต่งแล้วของเธอคือสิ่งที่แสดงตัวตนที่แท้จริงของเธอในความสัมพันธ์ที่มีร่วมกับผู้อื่น

2. ผิวของคุณจะทนต่อแสงแดดได้มากขึ้น

ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าบางชนิดมีส่วนผสมที่อาจทำให้ผิวหนังชั้นบนของคุณแห้งและเป็นขุย ตัวอย่างเช่น เรตินอลที่แนะนำให้ใช้ในเวลากลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวไวต่อแสง และสารอีกตัวหนึ่งคือไฮโดรควิโนน ซึ่งพบได้ในเซรั่มบำรุงผิวหน้าที่ใช้ปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ สารชนิดนี้ทำให้ผิวไวต่อรังสียูวีที่เป็นอันตรายมากขึ้น ดังนั้นเมื่อคุณเปลือยหน้าสด สิ่งที่คุณควรทำคือหาซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวดี ๆ ที่มีค่า SPF เพื่อช่วยปกป้องผิว

3. คุณจะดูอ่อนกว่าวัยโดยธรรมชาติ

หากคุณไม่แต่งหน้า คุณอาจถูกขอตรวจบัตรประชาชนจากเจ้าหน้าที่ได้ง่าย ๆ หรือไม่มันก็อาจช่วยให้คุณจำหน้าตัวเองตอนสมัยเป็นวัยรุ่นในตอนที่คุณต้องพยายามเริ่มแต่งหน้าเพื่อให้ดูแก่กว่าเพื่อน ๆ ได้ จากการศึกษากล่าวว่าการแต่งหน้าจะทำให้หญิงวัยกลางคนดูอ่อนวัยลง แต่กลับจะทำหญิงวัยสาวดูแก่ขึ้นแทน และยิ่งไปกว่านั้น สมองของเรามักเชื่อมโยงว่าเครื่องสำอางคือสิ่งที่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ดังนั้นเมื่อเราแต่งหน้า คนอื่นก็มักจะคิดว่าเราแก่กว่าความเป็นจริงโดยไม่รู้ตัว

4. คุณจะทำตัวเป็นธรรมชาติมากขึ้นและไม่ต้องคอยกังวลว่าเมคอัพของคุณจะเลอะอีกต่อไป

การมีเหงื่อไหลในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวหรือเวลาที่คุณออกกำลังถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นหากคุณแต่งหน้า การจัดการให้เมคอัพของคุณดูดีไม่ไหลเยิ้มระหว่างวันจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง แต่ถ้าคุณปล่อยหน้าสด คุณก็จะมีพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติขึ้น เช่น ปาดเหงื่อจากใบหน้าโดยไม่ต้องระแวงอีกต่อไป และทุกอย่างก็จะดำเนินไปโดยที่คุณไม่ต้องคอยนั่งกังวล

5. ผู้คนจะมองที่ตัวตนของคุณมากกว่าสิ่งที่ฉาบอยู่บนใบหน้า

จากการสอบถามทางอินเทอร์เน็ต ผู้หญิงบางคนเผยว่าเวลาที่เธอแต่งหน้า เธอจะถูกปฏิบัติจากคนอื่นแตกต่างจากตอนที่ไม่ได้แต่ง พวกเธอบอกว่าคนเหล่านั้นมักจะคิดว่าเธอเป็นคนเจ้าเล่ห์หรือออกแนวเจ้าชู้ และพวกเขามักจะประหลาดใจกับบุคลิกที่แท้จริงของเธอในภายหลัง ดังนั้นหากคุณถูกคนอื่นมองต่างออกไปเมื่อคุณแต่งหน้าแล้วล่ะก็ การเปลือยหน้าสดอาจช่วยยุติการตัดสินรูปลักษณ์จากภายนอกของคุณได้

6. เมื่อคุณดูเป็นธรรมชาติ คุณจะดูเป็นมิตรมากขึ้นในสายตาของคนอื่น

แนนซี เอตคอฟฟ์ (Nancy Etcoff) ผู้ช่วยศาสตราจารย์คลินิกที่โรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดอ้างว่าใบหน้าที่ไม่ได้ถูกแต่งแต้มนั้นดูน่าเชื่อถือสำหรับคนอื่นมากกว่าใบหน้าที่ถูกฉาบด้วยหน้ากากเมคอัพเพื่อเสริมความงาม ดังนั้นผลก็คือการแต่งหน้าอาจทำให้คุณได้ศัตรูเพิ่มแทนที่จะได้รับความไว้วางใจและมีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างเป็นมิตรจากผู้อื่น

7. คุณจะมีความมั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้นอย่างถาวร

นักจิตวิทยากล่าวว่า การแต่งหน้าไม่ใช่มนตร์วิเศษที่จะเสกให้เรารู้สึกนับถือตนเองเพิ่มมากขึ้น จริง ๆ แล้ว การที่เรารู้สึกดีขึ้นนั้นมันไม่ใช่เพราะการแต่งหน้า แต่เป็นเพราะมันทำให้เรารู้สึกมั่นใจว่าเราดูดีในสายตาคนอื่นต่างหาก กลายเป็นว่าคอนซีลเลอร์และลิปสติกเหล่านั้นช่วยให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้น แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่ไม่ยั่งยืนถาวร

8. คุณจะสามารถดูแลสภาพผิวให้ดูดีได้ง่ายกว่าและประหยัดกว่า

เครื่องสำอางต่าง ๆ ไม่ว่าจะถูกหรือแพงก็สามารถอุดตันรูขุมขนได้ทั้งนั้น และหากรูขุมขนของคุณเกิดอุดตันขึ้นมา คุณอาจต้องเข้ารับการรักษาในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการไปพบแพทย์ผิวหนังด้วย ดังนั้นหากคุณแต่งหน้าน้อย ผิวของคุณก็จะไม่ต้องได้รับการดูแลรักษาที่มากมายนักและส่วนใหญ่แค่การใช้น้ำเปล่ากับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ฉะนั้นประโยชน์ของการไม่แต่งหน้าจนหนาเตอะไม่เพียงดีต่อสภาพผิวของคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณไม่ให้หมดไปกับการมองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันเพิ่มเติมได้อีกด้วย

คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณต้องเปลือยหน้าสด? เวลาที่คุณแต่งหน้ากับไม่ได้แต่ง คุณสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ต่างออกไปจากคนรอบข้างหรือไม่?