อาหารแต่ละชนิดใช้เวลาย่อยแตกต่างกันมากแค่ไหน และทำไมเราถึงต้องรู้เรื่องนี้
การย่อยอาหารมีผลกระทบต่อการลดน้ำหนักอย่างมาก เหมือนที่เราเคยได้ยินกันมาบ่อยมาก ๆ ว่าเรากินแบบไหนเราก็จะเป็นแบบนั้น แน่นอนว่าระยะเวลาในการย่อยอาหารแบบเป๊ะ ๆ นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ระบบเผาผลาญ อายุ และแม้แต่เพศของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ แต่โดยทั่วไปแล้ว จะมีอาหารบางประเภทที่ใช้เวลาไม่นานเลยในการย่อย ในขณะที่อาหารบางประเภทจะยังคงค้างอยู่ในระบบร่างกายของคุณไปอีกสักพัก
ชีวิตสดใสได้เตรียมบทความนี้ขึ้นมาเพื่อให้คุณได้วางแผนการทานอาหารได้อย่างสมดุลเป็นสำคัญ
หากเราจะทำให้คำว่าระยะเวลาในการย่อยอาหารฟังดูเป็นคำที่เข้าใจง่ายกว่านี้ ก็คงต้องบอกว่ามันคือกระบวนการที่อาหารที่เรากินเข้าไปถูกทำให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพื่อจะส่งต่อไปยังระบบลำไส้และดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดต่อไปได้ สำคัญมากที่เราควรจะทำความเข้าในเรื่องระยะเวลาในการย่อยอาหารเอาไว้ เพื่อใช้ในการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักหากคุณมีรูปร่างอย่างที่คุณต้องการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อาหารที่ย่อยได้เร็ว
หากคุณกินอาหารที่ย่อยได้เร็วเยอะ ๆ ไม่นานหลังจากที่คุณกินเข้าไปแล้ว คุณอาจพบว่าตัวเองกินมันมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น เพราะมันจะหายไปอย่างรวดเร็วและคุณก็จะรู้สึกหิวขึ้นมาอีกครั้ง อาหารประเภทนี้จะให้พลังงานกับคุณได้เร็วมาก หรือเรียกว่าทำให้ระดับกลูโคสพุ่งสูง ถึงแม้ว่าคำว่าให้พลังงานจะฟังดูดี แต่นั่นเท่ากับว่าร่างกายของเราจะเต็มเปี่ยมไปด้วยกลูโคส และถ้าไม่ได้ใช้มันแล้วละก็ ส่วนที่เหลือก็จะเปลี่ยนกลายเป็นไขมัน
อาหารที่ย่อยได้ช้า
อาหารที่ย่อยได้ช้านั้น จะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้ช้ากว่า ให้พลังงานในระดับที่มั่นคงและมีความสมดุลกว่า แต่ถ้าคุณกินแต่อาหารที่ย่อยได้ช้าเข้าไป เท่ากับว่าคุณกำลังทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณทำงานเต็มพิกัดตลอดเวลา ซึ่งทำให้ร่างกายของคุณทำงานหนักขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่าผสมผสานอาหารประเภทที่ย่อยได้เร็วและย่อยได้ช้าเข้าไว้ด้วยกันในมื้อเดียว และหลีกเลี่ยงการกินอาหารย่อยไวกระชั้นชิดกับอาหารย่อยช้าจนเกินไป เพราะร่างกายยังย่อยของเก่าไม่ทันเสร็จเลย ดังนั้นอย่าให้กระเพาะของคุณรับภาระหนักหน่วงจนเกินไป
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการย่อยอาหารที่มีส่วนประกอบของอาหารที่มีระยะเวลาในการย่อยหลาย ๆ แบบก็คือช่วงมื้อกลางวัน ซึ่งเป็นช่วงที่ระบบย่อยอาหารของคุณกำลังทำงานมากที่สุด อาหารสำหรับมื้อเช้าและมื้อค่ำนั้นควรเป็นอาหารง่าย ๆ ซึ่งถ้าจะให้ดี ควรเป็นอาหารที่ย่อยได้เร็วจะดีกว่า เท่ากับว่าคุณจะมีกำลังมากขึ้นไม่นานหลังจากกินอาหารเช้า และได้ปล่อยให้กระเพาะพักผ่อนยามค่ำคืน
1. น้ำเปล่า
เข้าสู่ลำไส้ได้ทันที
2. น้ำผักหรือน้ำผลไม้
15-20 นาที
3. ผักสด
30-40 นาที
4. ผักที่ผ่านการปรุงสุก
40 นาที
5. เนื้อปลา
45-60 นาที
6. สลัดที่ราดน้ำมัน
1 ชั่วโมง
7. ผักที่มีเนื้อเป็นแป้ง
1.5-2 ชั่วโมง
8. ธัญพืช (ข้าว เมล็ดบัควีต ควินัว)
2 ชั่วโมง
9. ผลิตภัณฑ์จากนม
2 ชั่วโมง
10. ถั่ว
3 ชั่วโมง
11. เนื้อไก่
1.5-2 ชั่วโมง
12. เนื้อวัว
3 ชั่วโมง
13. เนื้อแกะ
4 ชั่วโมง
14. เนื้อหมู
5 ชั่วโมง
โดยปกติแล้วคุณกินอาหารที่ย่อยเร็วหรือย่อยช้ามากกว่ากัน ? พูดคุยบอกต่อความคิดเห็นของคุณได้ที่ช่องคอมเมนต์เลย !