ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

6 ข้อเท็จจริงขวานผ่าซาก แต่จริงใจที่ส่องแสงสว่างใหม่ให้โลกที่เราอยู่

นักจิตวิทยาวิวัฒนาการเชื่อว่าธรรมชาติของมนุษย์เป็นสาเหตุของพฤติกรรมของเรา เป็นเรื่องจริงที่บางครั้งผู้คนตัดสินใจโดยไม่ยั้งคิด เรามีแนวโน้มที่จะเสี่ยงหรือซื้อของแพงเพราะเป็นกลไกทางจิตวิทยาได้พัฒนา แม้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างอันตรายและศักดิ์ศรี แต่เราคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ชีวิตของเราสดใสขึ้น

ในบทความนี้ ชีวิตสดใสขอพูดถึงปัจจัยทางชีวภาพและสังคมที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ ข้อสรุปบางอย่างอาจดูเหมือนผิดศีลธรรม ไร้เหตุผลและกระทั่งดูเหมือนเป็นการดูถูกคุณและเราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเห็นด้วยกับผู้เขียนการศึกษาที่คุณกำลังจะได้อ่าน เราแค่ต้องการแสดงให้คุณเห็นว่ามีความคิดเห็นต่าง ๆ ที่ใช้อธิบายแรงจูงใจของการกระทำต่าง ๆ ของมนุษย์อยู่

1. ดูเหมือนคนที่ไม่น่าพึงพอใจจะตัวใหญ่และแข็งแกร่งในสายตาของเรามากกว่าความเป็นจริง

นักมานุษยวิทยาชาวแคลิฟอร์เนีย แดเนียล เอ็ม.ที. เฟสเลอร์ (Daniel M.T. Fessler) และคอลิน ฮอลบรูค (Colin Holbrook) เชื่อว่าแต่ก่อนบรรพบุรุษของเราประเมินศัตรูตามขนาดเพราะศัตรูตัวใหญ่หมายถึงศัตรูที่แข็งแกร่ง

นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ได้ทำการทดลองที่น่าสนใจ ผู้เข้าร่วมบางคนถูกมัดไว้กับเก้าอี้หนักให้ดูเหมือนว่าพวกเขาได้เข้าร่วมการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบทางจิตวิทยาของการเป็นอัมพาตที่แขนขา จากนั้นจึงแสดงภาพถ่ายของผู้ชายที่ดูดุดันและขอให้พวกเขาประเมินว่าชายเหล่านี้สูงและแข็งแกร่งแค่ไหน ปรากฎว่าผู้เข้าร่วมที่ทำอะไรไม่ได้ถูกมองว่าขนาดตัวของคนที่อาจเป็นศัตรูของพวกเขานั้นใหญ่กว่าการประเมินจากผู้เข้าร่วมที่ไม่ได้ถูกมัด

คนที่ไม่น่าพอใจอาจดูตัวใหญ่สำหรับคุณมากกว่าความเป็นอยู่จริงเพราะคุณไม่ต้องการ (หรือแค่ไม่สามารถ) จัดการพวกเขาได้ นั่นเป็นเหตุผลที่คุณอยากอยู่ห่างจากบุคคลนี้โดยคิดว่ามันเสี่ยงเกินไป

2. เรามีแนวโน้มที่จะเชื่อคำทำนายแตกต่างออกไปเมื่อเราอารมณ์ไม่ดี

แคทเธอรีน กรีนอะเวย์ (Katharine Greenaway) จากออสเตรเลียทำการทดลองที่น่าสนใจทีเดียว เธอได้ทำการทดลองถึง 3 เรื่อง เรื่องแรกแสดงให้เห็นว่าคนที่ถูกโน้มน้าวใจว่าไม่อยู่ในการควบคุมมักเชื่อในเรื่องการทำนายล่วงหน้ามากขึ้น เรื่องที่สองแสดงความเชื่อในการรับรู้ล่วงหน้าเพิ่มการรับรู้ในการควบคุมและเรื่องที่สามเปิดเผยว่าเมื่อการควบคุมอยู่ในระดับต่ำการเชื่อในการรับรู้ล่วงหน้าช่วยให้ผู้คนรู้สึกว่ามีอำนาจควบคุมมากกว่าเพื่อเป็นการชดเชย

กรีนอะเวย์และเพื่อนร่วมงานของเธออธิบายข้อสรุปในบทความว่า “การสูญเสียการควบคุมช่วยเพิ่มความเชื่อในการรับรู้และความเชื่อในการรับรู้ล่วงหน้าช่วยเพิ่มการควบคุม” บุคคลจะได้รับอิทธิพลได้ง่ายกว่ามากถ้าพวกเขาอารมณ์เสียและนักต้มตุ๋นก็ตระหนักดีถึงข้อเท็จจริงนี้เป็นอย่างดี

3. เงินทำให้คุณมีความสุขได้จริง ๆ

แม้จะนานมาแล้วแต่ในปี 1964 เดอะบีทเทิลส์ก็ยังร้องเพลง “Can’t Buy Me Love” คุณอาจซื้อความรักไม่ได้ แต่คุณซื้อความสุขได้แน่นอน อย่างน้อยนักวิทยาศาสตร์ก็คิดว่ามันเป็นไปได้

แกรนท์ อี. ดอนเนลลี่ (Grant E. Donnelly) ได้ทำการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าความมั่งคั่งมีความสำคัญจริง ๆ ที่มาของความมั่งคั่งส่งผลต่อความสุขของเราด้วย การถูกลอตเตอรี่หรือแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทำให้คุณมีความสุขน้อยกว่าเงินที่คุณได้รับจากการทำงานของคุณเอง

4. ผู้คนชอบหลีกเลี่ยงข้อเท็จจริงที่ไม่สอดคล้องกับความเชื่อของตน

คนชอบโต้เถียงกันในหัวข้อต่าง ๆ แต่ทำไมพวกเขาไม่เปลี่ยนความคิดเห็นแม้ว่าจะมีข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ การศึกษาต่าง ๆ ได้พิสูจน์แล้วว่าผู้คนปฏิเสธที่จะยอมรับหลักฐานที่ไม่ตรงกับสิ่งที่พวกเขาเชื่ออยู่แล้ว

อัตวิสัยรักษาได้ด้วยข้อเท็จจริง การเรียนรู้ด้วยตนเองและความสามารถในการยอมรับความผิดพลาด แต่พลังของข้อเท็จจริงนั้นมีจำกัด ผู้คนพร้อมที่จะเพิกเฉยต่อหลักฐานและยืนหยัดเพื่อความเชื่อมั่นเพื่อหลีกเลี่ยงข้อสรุปที่ไม่น่าพอใจสำหรับพวกเขา

5. เรารู้ว่านิสัยไม่ดีของเราคืออะไร แต่ก็ยากที่จะเลิก

คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนที่คิดเป็นเหตุเป็นผล แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะซื้อรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ด้วยเงินก้อนสุดท้ายของคุณแต่หลังจากนั้นคุณก็ไม่ได้มีความสุข แต่กลับมีความรู้สึกผิดเพราะเดือนนี้คุณซื้อรองเท้าผ้าใบไป 3 คู่แล้ว เช่นเดียวกันกับนิสัยที่ไม่ดีอื่น ๆ ที่ผู้คนต้านทานไม่ได้ ตั้งแต่การกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพและการเอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ ไปจนถึงการใช้สารเสพติดต่าง ๆ สถานการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างของความขัดแย้งทางความคิด

มันเกิดขึ้นเมื่อความคิด ความเชื่อมั่นหรือพฤติกรรมของเราขัดแย้งกัน ปัญหาคือเวลาคนพยายามขจัดความขัดแย้งทางความคิด เขาไม่ได้แสวงหาความจริง แต่พยายามหาข้อแก้ตัวสำหรับนิสัยที่ไม่ดีของตน เช่น “ฉันกินตอนกลางคืนเพราะท้องของฉันต้องการอาหารในช่วงเวลานี้” และความคิดเห็นอื่น ๆ ก็ไม่ถูกเอามาพิจารณาเลย

6. ลูกชายลดความเป็นไปได้ของการหย่าร้าง

นักเศรษฐศาสตร์กอร์ดอน บี. ดาห์ล (Gordon B. Dahl) และเอนริโก โมเร็ตติ (Enrico Moretti) ได้ทำการวิจัยและค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ คู่สามีภรรยาที่มีลูกสาวมีความเสี่ยงที่จะหย่าร้างมากกว่าคู่ที่มีลูกชายอย่างน้อยหนึ่งคนและไม่เพียงแค่นั้น แต่อํานาจเลี้ยงดูบุตร รูปแบบการแต่งงาน การท้องก่อนแต่ง กฎการหยุดภาวะเจริญพันธุ์และค่าเลี้ยงดูบุตรนั้นถูกกำหนดโดยโครโมโซม นักวิจัยกล่าวว่าเหตุผลเพราะผู้ชายอยากได้ลูกชายมากกว่า

คุณคิดว่านักวิทยาศาสตร์พูดถูก หรือบางทีพวกเขาประเมินอิทธิพลของปัจจัยทางชีววิทยาที่มีต่อพฤติกรรมของเราสูงเกินไป มีทฤษฎีในรายการนี้ที่คุณไม่เห็นด้วยสุด ๆ หรือเปล่า บอกเราในคอมเมนต์ด้านล่างหน่อย

Please note: This article was updated in April 2022 to correct source material and factual inaccuracies.
แชร์บทความนี้