ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

เรื่องราวของเฟรดดี้ พรินซ์ จูเนียร์ กับซาร่าห์ มิเชล เกลลาร์ สอนให้เราเข้าใจว่ามิตรภาพเป็นพื้นฐานสำคัญของความรัก

ในฮอลลีวูด การแต่งงานมักจะไม่ยืนยาวนัก และความรักก็อาจจะมีระยะเวลาที่สั้นกว่าด้วย คู่รักคู่หนึ่งที่สามารถรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขาเอาไว้ได้หลายปีมักจะเป็นสาเหตุให้เฉลิมฉลองและแสดงความยินดีเสมอ หนึ่งในคู่รักคนดังที่รักกันมาก ๆ ก็คือเฟรดดี้ พรินซ์ จูเนียร์ (Freddie Prinze Jr.) อายุ 46 ปี และ ซาราห์ มิเชลล์ เกลลาร์ (Sarah Michelle Gellar) อายุ 44 ปีนี่เอง แต่สิ่งที่เจ๋งกว่านั้นคือวิธีที่ความรักของพวกเขาไม่ได้เริ่มขึ้นจากอะไรมากไปกว่ามิตรภาพและความเป็นเพื่อนเลย

ชีวิตสดใสได้สำรวจเส้นทางความสัมพันธ์ของซาราห์ มิเชลล์ เกลลาร์ และเฟรดดี้ พรินซ์ จูเนียร์ มันเป็นเรื่องราวที่สวยงามมากของเมล็ดพันธุ์ที่ปลูกจากความเป็นเพื่อนที่ดีตอนอยู่ด้วยกันและความบังเอิญเล็กน้อยในกองถ่ายเท่านั้น

1. มันเริ่มจากความเป็นมิตรอันเรียบง่ายและมิตรภาพ

ซาร่าห์ มิเชลล์ เกลลาร์ และ เฟรดดี้ พรินซ์ จูเนียร์ รู้จักกันครั้งแรกในกองถ่ายภาพยนตร์ในปี 1997 เรื่อง ซัมเมอร์สยอง..ต้องหวีด (I Know What You Did Last Summer) ขณะที่ทั้งสองยังไม่ได้มีฉากที่ต้องถ่ายทำด้วยกันมากนัก การที่เกลลาร์ไม่ขับรถและยังไม่มีใบขับขี่นำไปสู่ความใกล้ชิดที่เลี่ยงไม่ได้

โปรดักชั่นของภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในเมืองชายฝั่งของเซาธ์พอร์ต 48 กิโลเมตรจากเมืองใหญ่ที่ใกล้ที่สุดของวิลมิงตัน ดังนั้นพรินซ์จึงเริ่มขับรถไปส่งเธอ

เขาบอกเช่นนั้นในการให้สัมภาษณ์ “มันใช้เวลาขับไปยิมประมาณชั่วโมงเลย และเราก็ย้ายภาพยนตร์ไปถ่ายกันที่เซาธ์พาร์ค เธอไม่รู้จะไปที่นั่นอย่างไร ผมก็เลยเริ่มขับรถไปส่งเธอ และนั่นคือตอนที่เราได้กลายเป็นเพื่อนกัน และเราก็จะคุยกันเรื่องชีวิตและอะไรทำนองนั้น และเราก็มีปรัชญาในทุก ๆ เรื่องที่ต่างกันคนละขั้วเลย เพราะเธอเกิดและถูกเลี้ยงมาแบบชาวนิวยอร์ก ส่วนผมเกิดและถูกเลี้ยงมาแบบเด็ก แอล.เอ. และเรามองทุกสิ่งทุกอย่างต่างไปคนละทิศคนละทางเลยครับ”

นั่นคือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพ และภายหลัง ทั้งคู่ก็ได้แสดงภาพยนตร์แฟรนไชส์ชุด สกูบี้-ดู (Scooby-Doo) ด้วยกัน เริ่มในปี 2002

2. พรินซ์ จูเนียร์ ต้องการทำอาหารให้เธอเพราะครอบครัวเขาทำแบบนี้

ทั้งคู่เชื่อมสัมพันธ์กันผ่านท้องถนนและอาหาร เพราะเกลลาร์ได้รับการจ้างงานจนจบ ทันทีที่ก่อนการถ่ายทำจะเริ่ม พวกเขาก็ได้มาพบกันเป็นครั้งแรก แม้เธอจะรู้จักไรอัน ฟิลลิปเป (Ryan Phillippe) จากละครมาก่อนและอาจจะรู้จักเจนนิเฟอร์ เลิฟ-เฮวิตต์ (Jennifer Love-Hewitt) มาก่อนก็ตาม

เกลลาร์กับพรินซ์เข้ากันได้ดีมาก แต่ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือเธอผอมเกินไปหน่อย และเขาอยากจะทำอาหารให้เธอเพราะนั่นคือสิ่งที่ครอบครัวเขาทำกันเป็นปกติ นักแสดงชายท่านนี้กล่าวว่า “แล้วเราก็เลยเริ่มจัดบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ที่บ้านเธอกัน แล้วผมกับญาติก็จะแวะมาทำอาหารให้เธอกับเพื่อนเธอ แล้วเราก็จะดูให้แน่ใจว่าทุกคนได้กินกันหมด มิตรภาพของเราเริ่มอย่างนั้นแหละครับ

3. นี่คือสิ่งที่ทำให้เฟรดดี้ประทับใจในตัวซาร่าห์มาก

สามปีต่อมา เกลลาร์กับพรินซ์ยังคงนัดกินข้าวกลางวันกับเพื่อน ๆ กัน และในเดือนมกราคม ปี 2000 ทั้งสองก็ตัดสินใจมาพบกันอีกครั้ง ด้วยเพื่อนที่พวกเขามีร่วมกัน โชคคงเป็นเช่นนั้นเอง เพื่อนของเธอตกเที่ยวบิน แต่ทั้งสองตัดสินใจไปต่อตามแผนอยู่ดี

เกลลาร์ยังเขียนต่อไปในอินสตาแกรมของเธอว่า “สัปดาห์นี้เมื่อ 20 ปีก่อน เพื่อนของฉัน [เฟรดดี้ พรินซ์ จูเนียร์] และฉันควรจะไปกินมื้อค่ำกับเพื่อนของเราที่อยู่ต่างเมืองกัน แล้วเพื่อนคนนั้นก็ดันตกเครื่อง เราเลยตัดสินใจไปเจอกันอยู่ดีแล้วก็ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน” เธอเขียนต่อไปว่า “ตอนนี้อยู่ด้วยกันมา 20 ปี รวมกับแต่งงาน 17 ปี และมีลูกสองคน เรายังไปกินมื้อค่ำที่ร้านอาหารอยู่เลย ดังนั้นขอบคุณ [เลสลี (Leslie)] มากเลยนะที่ไม่มากินมื้อค่ำกันวันนั้น”

แต่ก็ยังมีบางอย่างเกี่ยวกับการ “เดท” ครั้งแรกนั้นที่ทำให้พรินซ์ประทับใจอย่างมาก ตามคำบอกเล่าของคู่รักที่แต่งงานกันอย่างมีความสุขคู่นี้ เฟรดดี้พาเธอไปกินภัตตาคารซูชิหรูร้านโปรดของเขา อาซาเนโบ (Asanebo) ในแอลเอ และในช่วงที่ทานอาหารกันเขาก็ได้รู้ว่าเธอไม่เหมือนกับผู้หญิงที่เขาเคยรู้จักมาก่อนเลย

พรินซ์ก็บอกเช่นนั้นเหมือนกันว่า “ผู้หญิงหลายคนในฮอลลีวูดเมื่อก่อนนี้—เหล่านักแสดงหญิงน่ะนะ—พวกเธอไม่ทานอาหารกันหรอกครับ พวกเธอจะทานสลัด ซาร่าห์มาทานมื้อเย็นกับผม และเราก็นั่งลง เธอกินทุกอย่างเลย รวมถึงปูที่พวกเขาปล่อยให้เดินบนเค้าเตอร์ [ภายหลังเอาไปทำอาหารใน] น้ำมัน และบอกว่า “นี่ป๊อบคอร์นล่ะ ชิมสิ” ตอนที่เธอทำแบบนี้ พรินซ์นึกถึงขึ้นมา “ผมแบบ นี่ สาวน้อยคนนี้ของจริงเลยแฮะ

4. จากการคบหากันสู่การแต่งงาน ไปสู่ชีวิตครอบครัว

เกลลาร์เล่าถึงสิ่งที่ต่างออกไปเล็กน้อย โดยเธอพูดว่า “เราเป็นเพื่อนกันมานานมาก เราเคยทานอาหารเย็นกันมาหลายครั้งแล้ว [หลังจากที่เพื่อนของเราไม่มา] พวกเราสองคนกำลังทานอาหารเย็นกันตามที่วางแผนไว้ เรานั่งรถด้วยกันมานาน และทานอาหารเย็นด้วยกันเป็นเวลานาน และเรื่องต่าง ๆ ก็ได้เกิดขึ้น” ในเวลานั้นพวกเขาไม่ “เชื่อ” ในเรื่องการแต่งงาน แต่พรินซ์ จูเนียร์รู้ตัวว่าเขาไม่ต้องการอยู่กับใครอีกหลังจากการเดทครั้งเดียวนั้น

เขาบอกว่า “ผมไม่ได้ออกเดทกับผู้หญิงคนอื่นเลย และผมก็ไม่ต้องการออกเดทกับผู้หญิงคนอื่นด้วยซ้ำ อยู่มาวันหนึ่ง ผมก็รู้ว่าเราจะต้องแต่งงานกัน และผมก็จะขอเธอแต่งงาน ผมไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่หรือต้องทำอย่างไร โชคดีที่เธอก็รู้สึกแบบเดียวกัน และสัญชาตญาณของผมก็ถูกต้อง เราอยู่ด้วยกันเพราะเราชอบซึ่งกันและกัน เราทำให้กันและกันหัวเราะได้เสมอ”

หลังจากเดทกันในปี 2000 ทั้งคู่หมั้นกันในปี 2001 และในที่สุดก็แต่งงานกันในวันที่ 1 กันยายน 2002 ที่เม็กซิโก

5. ทั้งคู่ยกให้ลูก ๆ ของพวกเขามาก่อนเสมอ

ในปี 2007 เพื่อเฉลิมฉลองปีที่ห้าของการแต่งงาน เกลลาร์เปลี่ยนชื่อของเธอเป็นซาร่าห์ มิเชลล์ พรินซ์ ในทางกฎหมาย ในปี 2009 พวกเขามีลูกคนแรกกัน ลูกสาวของพวกเขาชื่อ ชาร์ลอต เกรซ พรินซ์ (Charlotte Grace Prinze) แล้วก็มีลูกชายอีกคน ร็อกกี้ เจมส์ พรินซ์ (Rocky James Prinze) เกิดในปี 2012

สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปสำหรับคู่รักคู่นี้ แต่เป็นไปในทางที่ดีนะ พรินซ์เสียพ่อของเขาไปตอนอายุแค่ 10 เดือนเท่านั้น ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว การได้เป็นพ่อคือความสำคัญสูงสุด เขาบอกว่า “ตอนที่ลูกสาวผมเกิด นั่นมันมากมายสำหรับผมเหลือเกิน ผมกลายเป็นคุณพ่อเต็มเวลา มันไม่ใช่งานนะครับ มันคือสิ่งที่ผมรักที่จะทำมาก

เมื่อพวกเขามีลูก คู่รักคู่นี้ก็เลือกงานที่อยากจะทำต่อไปโดยมีข้อแม้มากขึ้น เกลลาร์ก็ถูกเลี้ยงโดยคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวและอยากจะอยู่บ้านเพื่อให้ได้เป็นครอบครัว ในปี 2012 เกลลาร์กล่าวว่า “เราทะเลาะกันเรื่องใครจะอยู่บ้านค่ะ คุณคงคิดว่าเป็นแบบตรงกันข้าม ที่พ่อแม่จะเถียงกันว่า ’ไม่ ฉันอยากไปทำงาน !’ แต่เขาแบบว่า ’คุณอยู่บ้านตั้งสองปีแล้ว ตาผมแล้วนะ !’”

พวกเขาเข้มงวดกับลูก ๆ มาก โซเชียลมีเดียเป็นสิ่งที่ไม่เล่นกัน และมื้อค่ำของครอบครัวหมายถึงห้ามพกมือถือมาด้วย คุณแม่ลูกสองบอกว่า “บางคนก็บอกว่าความคาดหวังของเรามันสูงกว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ แต่ฉันคิดว่า [ลูกเรา] รู้ว่ากฎคืออะไร เราจะมี [อาหารค่ำของครอบครัว] ให้ได้หลายเย็นที่สุดเท่าที่ทำได้ เราไม่พกมือถือมาที่โต๊ะกินอาหาร เรานั่งแล้วก็กินมื้อเย็นด้วยกันค่ะ

6. วิธีที่ซาร่าห์ มิเชลล์ เกลลาร์ และเฟรดดี้ พรินซ์ จูเนียร์ เปลี่ยนชีวิตแต่งงานพวกเขาให้กลายเป็นบ้าน

คู่รักคู่นี้มีชีวิตแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ มีความรัก ความเป็นพ่อแม่ และการทำงานที่สมดุล และนี่ก็คือเคล็ดลับของพวกเขา:

เกลลาร์ทำตามสามีของเธอ โดยบอกว่า “คุณรู้ว่าสังคมนี้เป็นสังคมที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและเป็นชุมชนที่ก้าวหน้ามาก แต่ช่วงเวลาที่คุณเชื่อมต่อกันจริง ๆ คือตอนไหนล่ะ ? ตอนที่คุณวางมือถือลงแล้วคุณก็มีช่วงเวลาตัวต่อตัวกันนั่นแหละ ฉันมีความรู้สึกได้อย่างนี้และฉันรู้ว่าทุกอย่างในชีวิตฉันมันเป็นเรื่องอาหารหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นการกินมื้อเย็นที่บ้านในครัว หรือจะออกไปเที่ยวกับเพื่อน นั่นคือจุดที่มีความทรงจำเกิดขึ้นต่างหาก

และเช่นนั้นแล้ว 22 ปีต่อมา หลังจากพวกเขาเริ่มตกหลุมรักกันผ่านอาหาร คู่รักคู่นี้ยังคงทำอาหารทานเองอยู่ ความชอบในการทำอาหารของพรินซ์ จูเนียร์ได้กลายเป็นความสนใจร่วมของครอบครัว เกลลาร์และลูก ๆ เองก็มาร่วมด้วย

พรินซ์กล่าวว่า “เราลงเอยด้วยการเป็นความสมดุลที่สมบูรณ์แบบ รากฐานที่แข็งแรงได้ถูกสร้างขึ้นและนั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมพวกเราถึงได้เจ๋งและอารมณ์ดีกันอยู่เสมอ” ความรัก อาหาร และการรู้จักกันและกันคือสูตรเบื้องหลังชีวิตแต่งงานอันสมบูรณ์แบบของพวกเขา

อะไรคือสิ่งหนึ่งจากความสัมพันธ์ของเกลลาร์และพรินซ์ที่คุณรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมจริง ๆ ? อะไรคือสิ่งที่คุณรู้สึกว่ามันช่วยรักษาความรักเอาไว้ในการแต่งงาน ?

แชร์บทความนี้