10 สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของคุณหลังวัย 30
หลังวัย 30 ปีร่างกายของเราก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันออกไป และบางส่วนก็อาจทำให้เราประหลาดใจได้ อย่างเช่นแม้ว่าเราจะมีประสบการณ์มากขึ้น แต่ความจริงแล้วสมองของเราจะมีขนาดเล็กลง แล้วหากคุณสังเกตเห็นว่าตัวคุณมีเหงื่อออกน้อยลงหลังจากอายุ 30 ปี นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการแก่ตัวด้วยเช่นกัน
พวกเราที่ชีวิตสดใสอยากรู้ว่าผู้เชี่ยวชาญได้พูดอะไรเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในสมองและร่างกายของเราหลังจากอายุ 30 ปีบ้าง แล้วพวกเราก็อยากจะนำมาแบ่งปันกับคุณ
1. สมองของคุณจะเล็กลง
สมองของคุณไม่ได้โตไปตามอายุ เพราะสิ่งตรงกันข้ามได้เกิดขึ้นจริง เพราะเมื่อคุณอายุมากขึ้น สมองบางส่วนจะหดตัวลง โดยสูญเสียเซลล์ประสาทไปประมาณ 50,000 เซลล์ต่อวันหลังวัย 30 ปี แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นตระหนกไปกับมันหรอกนะ เพราะว่าสมองของเรารู้วิธีปรับตัว
นอกจากนี้ยังพบว่าขนาดของสมองลดลงไปตามอายุในอัตราประมาณ 5% ต่อสิบปีหลังวัย 40 ปี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความจำ
2. คุณมีเหงื่อออกน้อยลง
เป็นเรื่องดีที่รู้ว่าสาว ๆ เริ่มมีเหงื่อออกต่างกันไปตามอายุ โดยการเปลี่ยนแปลงบางอย่างมีความเกี่ยวข้องกับวัยหมดประจำเดือน อย่างเช่นอาการร้อนวูบวาบ แต่ปรากฏว่าต่อมเหงื่อ (ส่วนใหญ่อยู่ใต้วงแขน) หดตัวลงไปตามอายุ ซึ่งส่งผลให้ไวต่อความรู้สึกน้อยลงและลดการผลิตเหงื่อ
3. คุณเป็นหวัดน้อยลง
แค่ลองนึกถึงตัวเองตอนเด็ก ๆ ตอนพ่อแม่ของเรากำลังไปทำงานและพวกเขาก็สบายดี ในขณะที่เราขาดเรียนเพราะเป็นหวัด นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับเราแล้วล่ะ เพราะการจามและไอเกิดขึ้นน้อยลงเมื่อเรามีอายุมากขึ้น ดังนั้นเมื่อคุณเข้าสู่วัยกลางคน คุณได้ผ่านโรคภัยไข้เจ็บมามากมาย จึงทำให้การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของคุณเพิ่มมากขึ้น
4. การรับรสสัมผัสของคุณอ่อนลง
การรับรสสัมผัสของคุณอาจจางลงไปตามอายุ และคุณอาจสนใจที่จะกินน้อยลงเพราะเหตุนี้ ซึ่งคนส่วนใหญ่สูญเสียการรับรสชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังวัย 60 ปี นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ผู้สูงอายุมักกินอาหารที่มีน้ำตาลและเกลือสูงมากขึ้นอยู่บ่อย ๆ อีกทั้งสิ่งเดียวกันนี้ยังเกิดขึ้นกับการรับรู้กลิ่นของคุณอีกด้วย
5. คุณมีมวลกล้ามเนื้อน้อยลง
ผลกระทบที่ชัดที่สุดอย่างหนึ่งของการแก่คือการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งส่งผลให้เราอ่อนแอลง โดยมันจะลดลงประมาณ 3-8% ต่อสิบปีหลังวัย 30 ปี แล้วอัตรานี้จะยิ่งลดลงมากขึ้นหลังวัย 60 ปี
6. การเผาผลาญอาหารของคุณคงที่
นักวิจัยแนะนำว่าการเผาผลาญอาหารของเราจะต้องผ่านการรักษาเสถียรภาพตามอายุ และช่วงที่สำคัญที่สุดน่าจะอยู่ที่อายุประมาณ 50-60 ปี แล้วหลังจากอายุ 80 ปี จะเผาผลาญช้าลงและเสร็จสิ้นกระบวนการรักษาเสถียรภาพลงในที่สุด สิ่งนี้หมายความว่าน้ำหนักของเราจะไม่ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะเราจะเผาผลาญแคลอรี่น้อยลง แต่พอเรามีอายุมากขึ้น เราก็กินน้อยกว่าคนที่มีอายุน้อยกว่า
7. บุคลิกภาพของคุณมีความคงที่และจะกลายเป็นตัวตนของคุณ
หากคุณใช้เวลาในช่วงวัยรุ่นอยู่ในสภาวะทางอารมณ์ และพอมีอายุ 20 ปีก็เป็นช่วงที่คุณพยายามจะพิสูจน์อะไรบางอย่างให้โลกเห็น พอหลังจากที่อายุ 30 คุณก็จะปรับตัวได้ดีขึ้น ซึ่งนักวิจัยแนะนำว่าจุดแข็งของการรักษาบุคลิกภาพของเราให้คงที่นั้นเกิดขึ้นระหว่างอายุ 30 ถึง 50 ปี
8. เล็บของคุณยาวช้าลง
นักวิจัยพบว่าเมื่อเรายังเด็ก เล็บของเราจะยาวเร็ว แล้วดร. วิลเลี่ยม บีน (Dr. William Bean) ก็ได้สังเกตเห็นสิ่งนี้เป็นคนแรก โดยเขาสังเกตเห็นว่าเล็บนิ้วโป้งข้างซ้ายของเขายาวขึ้นในอัตรา 0.123 มม. ต่อวัน แล้วหลังจากที่มีอายุ 67 ปี อัตรานี้ก็ลดลงเหลือ 0.095 มม. ต่อวัน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจเกิดจากการไหลเวียนของเลือดที่ช้าลง
9. ฟันของคุณจะไวต่อสัมผัสน้อยลง
ฟันของคุณก็ไวต่อความรู้สึกน้อยลงเช่นกัน แล้วสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นเพราะเนื้อฟัน (เนื้อเยื่อชั้นในที่แข็ง) จะแข็งแรงขึ้นตามอายุ โดยอยู่ระหว่างชั้นเคลือบฟันด้านนอกกับเส้นประสาทส่วนกลาง แล้วการเสริมความแข็งแรงนี้ก็ทำให้สูญเสียความไวต่อสัมผัสไป
10. คุณรู้สึกมีความสุขมากขึ้น
เมื่อคุณเป็นเด็ก คุณมักจะรู้สึกดีกับชีวิต จากนั้นความรู้สึกนี้จะลดลงจนสามารถส่งคุณเข้าสู่โหมดวิกฤตได้ ตามธรรมเนียมแล้ว การมีอายุมากขึ้นถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเสื่อมถอยทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ แต่นักวิจัยได้พบว่าจริง ๆ แล้วเมื่อเราแก่ตัวลง เราอาจรู้สึกมีความสุขและมีความพึงพอใจมากขึ้นไปอีก อีกทั้งมีภาวะซึมเศร้าน้อยลงและการมองโลกในแง่ดีมากขึ้นก็เป็นสิ่งที่พบเจอได้เช่นกัน
อะไรคือสิ่งที่สวยงามที่สุดเกี่ยวกับการมีอายุมากขึ้นในความคิดของคุณ ? แล้วอายุเท่าไหร่ที่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดสำหรับคุณ ?