เทือกเขาหิมาลัยปรากฏโฉมในรอบ 30 ปี และอีก 14 ปรากฏการณ์ที่เราไม่ค่อยจะเคยได้ยินนัก
บางครั้งธรรมชาติก็มอบทิวทัศน์อันตระการตาที่เลอค่าเสียยิ่งกว่าสเปเชียลเอฟเฟกต์ในหนังฮอลลีวูดที่ทำรายได้สูงสักเรื่อง และเมื่อไรก็ตามที่เราได้พบเจอปรากฏการณ์เหล่านี้ เราก็เรียกตัวเองว่าเป็นคนโชคดีได้เลย เพราะกว่าที่สภาวะเงื่อนไขต่าง ๆ จะลงตัวจนบังเกิดปรากฏการณ์หายากเหล่านั้นขึ้นได้ มันช่างเกิดขึ้นได้น้อยมากจริง ๆ ปรากฏการณ์เหล่านี้ อย่างเช่น ภาพสายรุ้งบริเวณน้ำตก สามารถทำให้เราอดนึกสงสัยไม่ได้ว่า นี่เราอยู่กันคนละโลกหรือกำลังอยู่ในเทพนิยายสักเรื่องรึเปล่าเนี่ย
ชีวิตสดใสชอบมากเวลาที่ธรรมชาติทำเรื่องต่าง ๆ ให้เราประหลาดใจ ดังนั้น บทความนี้จะพูดถึงปรากฏการณ์บางอย่างที่เราอดไม่ได้ที่จะพิศวงกับโลกใบนี้อีกครั้ง
1. พบดาวหางเฮล-บอปป์เหนือกลุ่มวงหินโบราณ สโตนเฮนจ์
ดาวหางเฮล-บอปป์ (Comet Hale-Bop) มีการโคจรรอบดวงอาทิตย์ไปเมื่อปี 1997 และกลายเป็นดาวหางที่สว่างไสวที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นของขวัญจากฟากฟ้าที่คงอยู่บนนั้นเป็นช่วงเวลายาวนาน โดยสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นเวลากว่า 18 เดือน (ตามที่บันทึกไว้)
2. ปรากฏการณ์เมฆหลุมเป็นรูรูปวงกลมที่เปิดสู่สรวงสวรรค์
ลองนึกภาพวันที่แสนหนาวเหน็บและ ณ สุดขอบฟ้าก็เต็มไปด้วยหมู่มวลก้อนเมฆที่เรียงกันหนาแน่น ทันใดนั้น คุณก็เห็นรูขนาดใหญ่ที่สามารถมองทะลุผ่านท้องฟ้าขึ้นไปได้ นี่ไม่ใช่ฉากเปิดตัวเวลาที่ยูเอฟโอเดินทางมาถึงอะไรหรอกนะ แต่มันถูกเรียกว่าปรากฏการณ์ฟ้าเจาะรู (skypunch) หรือเมฆหลุม (fallstreak hole) เกิดขึ้นเมื่อผลึกน้ำแข็งก่อตัวในชั้นเมฆและทำให้หยดน้ำระเหิดไป มันเป็นเรื่องทางฟิสิกส์น่ะแหละ แต่มหัศจรรย์มากเลย
3. รุ้งหมอกที่ดูเหมือนสายรุ้งสีขาว
เมื่อไรที่เห็นสายรุ้งนี้คุณอาจจะคิดว่าคุณได้เสียความสามารถในการแยกสีไปเรียบร้อยแล้ว ใจเย็น ๆ ก่อนนะ และเพลิดเพลินไปกับความงามของรุ้งหมอก (fog bow) ที่ดูเหมือนพี่น้องของสายรุ้งทั่วไปแต่มีผิวสีเผือกเท่านั้น แทนที่สายรุ้งนี้จะเกิดจากหยดน้ำ มันกลับเกิดขึ้นจากอนุภาคเล็ก ๆ ของสายหมอก และด้วยความที่มันมีขนาดเล็กนี่เอง มันจึงสะท้อนแต่เพียงสีขาว และปรากฏเป็นภาพที่ดูทั้งหลอนและลึกลับได้ในคราวเดียวกัน
4. นี่ไม่ใช่น้ำทะเล แต่นี่คือลาวาบนชายหาดที่ฮาวาย
ในเดือนพฤษภาคม 2018 ภูเขาไฟคีเลาเวอา (Kilauea) ที่ฮาวายเกิดระเบิดปะทุขึ้น เริ่มจากพ่นเขม่าภูเขาไฟขึ้นไปสูงถึง 30,000 ฟุต (ประมาณ 9 กิโลเมตร) และพ่นสายธารลาวามหาศาลไปจนถึงมหาสมุทรแปซิฟิก นอกจากนี้ ลาวาเหล่านี้ยังไหลบ่าเป็นระยะทางที่ไกลแสนไกลจากจุดเริ่มต้น ซัดทำลายทะเลสาบน้ำจืดตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของฮาวายไปด้วย และยังไหลบ่าไปจนถึงชายหาด เติมเต็มภาคพื้นอ่าวคาโปโฮ (Kapoho) จนทำให้มีผืนดินเกิดขึ้นใหม่เป็นระยะทางเกือบหนึ่งไมล์ (1.6 กิโลเมตร) เชื่อมต่อลงไปในทะเล
5. ดาวหางเวสต์เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ในปี 1976
ดาวหางเวสต์ (Comet West) มีคำอธิบายไว้ว่าเป็นหนึ่งในวัตถุที่สว่างไสวที่สุดที่เคยเดินทางผ่านเข้ามาในระบบสุริยะชั้นในในปี 1976 นิวเคลียสของดาวหางเวสต์ได้แตกออกเป็น 4 ส่วน ทำให้เกิดเป็นภาพหางยาว ๆ อันแสนงดงาม ในตอนนั้นนี่เป็นหนึ่งในการแตกตัวของดาวหางไม่กี่ครั้งที่เราสามารถมองเห็นได้
6. กระแสไพโรคลาสติกที่ทำให้เกิดฟ้าผ่าบนภูเขาไฟ
การได้เห็นภูเขาไฟกำลังปะทุก็เป็นเรื่องแปลกประหลาดและสุดยอดมากแล้ว แต่เหตุการณ์สุดพิเศษที่เกิดขึ้นซ้อนกันไปอีกยิ่งทำให้มันเป็นปรากฏการณ์เลยทีเดียว เมื่อภูเขาไฟปะทุขึ้นจะก่อให้เกิดกระแสไพโรคลาสติก (pyroclastic) ที่ไหลบ่าออกมา ซึ่งนั่นก็คือกระแสความร้อนและเถ้าภูเขาไฟที่เคลื่อนที่ออกมาอย่างรวดเร็ว บางครั้ง พลังของภูเขาไฟอาจผลักดันสสารเหล่านี้ออกมาพร้อมกัน ผสมกับอุณหภูมิอันร้อนระอุรุนแรง ก็จะบังเกิดเป็นภาพฟ้าผ่าอันน่าสะพรึง
7. ภาพสายรุ้งบริเวณน้ำตกที่แสนหายากที่อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี
มีคนโชคดีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้เห็นกับตาตอนที่น้ำตกไบรดัลเวล (Bridalveil) ที่อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite) กลายเป็นสายรุ้ง นี่คือตัวอย่างอันน่าทึ่งของปรากฏการณ์ที่แสงอาทิตย์สะท้อนลงมาบนหยดน้ำ ภายใต้สถานการณ์พิเศษอื่น ๆ ประกอบ ทำให้มันดูเหมือนกับภาพที่ผ่านการโฟโต้ชอปมาไม่มีผิด แต่ธรรมชาติก็มากล้นด้วยสีสันและจินตนาการมาแต่ไหนแต่ไรแล้วละนะ
8. คลื่นน้ำแข็งที่พบได้ที่ชายฝั่งในประเทศโครเอเชีย
ลมพายุรุนแรงคือตัวการที่ซัดคลื่นใหญ่ยักษ์น่ากลัวนี้ขึ้นมา และก็เกิดการแข็งตัวในอุณภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศาในปี 2012 โดยทะเลซัดขึ้นมาเหนือม้านั่งริมทะเล รวมถึงเหนือเสาไฟริมถนนทางเดิน และเกิดการแข็งตัวจากปรากฏการณ์นี้ ทำให้ชายฝั่งเมืองเซนย์ (Senj) ในประเทศโครเอเชียปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งที่ดูราวกับวิปครีมไม่มีผิด
9. ทะเลทรายที่คืนกลับมามีชีวิต และระเบิดออกมาเป็นทุ่งดอกไม้
ปรากฏการณ์ซูเปอร์บลูมส์ (Super blooms) ที่เกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนียนี้ มักเกิดขึ้นทุก ๆ 10 ปี โดยต้องอาศัยสภาพลมพายุที่เหมาะสมสุด ๆ อันได้แก่การต้องมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง อุณหภูมิอันอบอุ่น และความเร็วลมต่ำ สิ่งเหล่านี้เองที่จะทำให้ทะเลทรายกลายเป็นภาพวาดหลากสีสันเมื่อดอกไม้ป่านับพันแทบจะผลิบานในเวลาเดียวกัน เป็นของขวัญที่มองแล้วงดงามตระการตาจริง ๆ
10. ปรากฏการณ์เสาสุริยันบนทะเลน้ำแข็งเหนือทะเลชุกชี
นี่เป็นการหักเหของแสงบนผลึกคริสตัลเล็ก ๆ ที่ลอยตัวขึ้นไปในชั้นบรรยากาศและทำให้เกิดปรากฏการณ์เสาสุริยัน (sun pillar) ขึ้นมา ถ้าแสงนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน มันจะสามารถหยุดเราให้จมอยู่กับช่วงเวลาอันงดงามนี้ได้เลย
11. ซูเปอร์บลูมูนสีเลือดที่ลอยขึ้นมาหลังวิหารพาร์เธนอนในปี 2018
ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงที่ปรากฏขึ้นพร้อมกับเวลาที่เกิดภาพดวงจันทร์ดวงใหญ่ซูเปอร์มูน (supermoon) หรือก็คือเวลาที่ดวงจันทร์อยู่ใกล้โลกมากที่สุด เป็นสิ่งที่ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก ในศตวรรษที่ 21 เกิดเหตุการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงทั้งสิ้น 87 ครั้ง ซึ่ง 28 ครั้งในนั้นเป็นช่วงซูเปอร์มูน ซึ่งจะทำให้เหล่าผู้ชอบสังเกตการณ์ท้องฟ้าจะสามารถมองเห็น “ซูเปอร์มูน” ดวงโตพร้อมกับจันทรุปราคาได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ สะท้อนภาพดวงจันทร์ที่กำลังอาบไล้แสงสีแดงคล้ายเลือด
12. เมฆหมวกสีรุ้ง
ถ้าเรามองเห็นท้องฟ้าส่องประกายราวกับมีฟองสบู่ยักษ์ลอยล่องอยู่ในนั้น อยากให้รู้ว่าเราไม่ได้กำลังเห็นภาพหลอน แต่เรากำลังเห็นเมฆหมวกสีรุ้ง (iridescent clouds) ต่างหาก ปรากฏการณ์ที่งดงามราวกับไม่ใช่เรื่องจริงนี้เกิดขึ้นจากหยดน้ำขนาดใกล้เคียงสม่ำเสมอกันมาก ๆ กระจายแสงอาทิตย์ไปในทิศทางต่าง ๆ
13. เทือกเขาหิมาลัยปรากฏโฉมในรอบ 30 ปี
เมื่อเดือนเมษายน 2020 ระดับมลภาวะในอากาศที่ลดลงอย่างมากทำให้วิวอันตระการตาของเทือกเขาเธาลัทธระ (Dhauladhar) ได้ปรากฏสู่สายตาผู้คนอีกครั้ง ซึ่งยอดเขาเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยที่ตอนนี้สามารถมองเห็นได้แม้จากเมืองชลันธระ (Jalandhar) ที่ห่างออกไป ประมาณ 230 กิโลเมตร
14. หิมะตกในฤดูใบไม้ผลิที่โตเกียว
การได้เห็นหิมะในโตเกียวไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรนัก แต่สิ่งที่ทำให้น่าแปลกใจมากก็คือการที่มันเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ท่ามกลางดอกซากุระที่กำลังเบ่งบาน ปกติแล้วที่เมืองโตเกียวจะมีหิมะตกประมาณ 7.6 ครั้งต่อฤดูกาล ซึ่งโดยส่วนมากจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ แต่นี่เป็นหิมะแรกที่เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิในรอบ 32 ปี
15. ภาพพระอาทิตย์อัสดงตอนเที่ยงคืนส่องประกายสะท้อนลงบนสายน้ำตกในประเทศไอซ์แลนด์
ท่ามกลางช่วงฤดูร้อนในประเทศไอซ์แลนด์ เราจะยังคงมองเห็นพระอาทิตย์ได้แม้ในยามเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น และการได้เห็นภาพพระอาทิตย์ตกในเวลา 01.30 น. จะเป็นภาพที่ทำให้คุณลืมสิ้นแทบทุกสิ่งทุกอย่างไปได้ ภาพนี้บันทึกช่วงเวลาขณะที่ตะวันยอแสงทอประกายลงบนน้ำตกเซลยาลันส์ฟอส (Seljalandsfoss) ที่มีความสูงถึง 196 ฟุต (เกือบประมาณ 60 เมตร) ช่างเป็นภาพที่ทำให้แทบจะลืมหายใจไปได้เลย
คุณได้เคยเห็นของขวัญอันแสนงดงามจากธรรมชาติเหล่านี้บ้างไหม ? มาร่วมแบ่งปันปรากฏการณ์ไม่ธรรมดาต่าง ๆ ที่คุณโชคดีที่ได้เห็นด้วยตาของคุณเองได้เลย !