ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

10 คนดังที่ได้รับรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำยอดเยี่ยม แต่กลับล้มเหลวในบทบาทที่ธรรมดาสุด ๆ

ชีวิตของนักแสดงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ คือในวันนี้คุณได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมและนักวิจารณ์ที่บอกว่าคุณสมควรได้รับรางวัลอันยอดเยี่ยมในวงการหนัง แต่วันพรุ่งนี้คุณอาจจะได้รับรางวัลนักแสดงยอดแย่ที่สุด เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ แม้กระทั่งนักแสดงที่มีชื่อเสียงและมากประสบการณ์ก็ไม่สามารถทำได้เสมอไป แล้วใครจะไปจินตนาการออกว่าทั้ง 3 ตัวละครหลักในหนังเรื่อง คนใหญ่ไอริช (The Irishman) ของมาร์ติน สกอร์เซซี่ (Martin Scorsese) จะกลายเป็นผู้ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “โกลเด้น ราสเบอร์รี่” (Golden Raspberry) หรือรางวัลยกย่องผลงานที่แย่ที่สุดในวงการภาพยนตร์เลยล่ะ

ทางชีวิตสดใสได้ค้นหารายชื่อหนังของนักแสดงที่ได้รับรางวัล “ออสการ์” และ “แอนตี้-ออสการ์” แล้วเราก็ได้เขียนสรุปบทบาทที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดของพวกเขาเอาไว้

นาตาลี พอร์ตแมน

บทที่ดีที่สุด: นักเต้นบัลเล่ต์สาวที่ชื่อนีน่า เซเยอร์ส (Nina Sayers) ในเรื่อง แบล็ค สวอน (Black Swan) นาตาลี (Natalie) ได้ทุ่มสุดตัวสำหรับบทนี้ โดยเธอเริ่มเรียนบัลเล่ต์ก่อนถ่ายหนังเป็นเวลาหนึ่งปี ช่วงแรกเธอฝึกเต้นวันละ 2 ชั่วโมง จากนั้นเธอก็เพิ่มเวลาเรียนเป็น 5 ชั่วโมงต่อวัน

เธอถูกกระแทกและซี่โครงหักในกองถ่าย จึงทำให้เธอใช้เวลานาน 6 สัปดาห์ในการพักฟื้น นอกจากนี้ยังกล่าวกันว่าสภาพจิตใจของนักแสดงสาวนั้นคลอนแคลน แต่ส่งผลให้พอร์ตแมน (Portman) ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลต่าง ๆ มากมายสำหรับความพยายามของเธอ แล้วก็เธอกวาดรางวัลไปเกือบทั้งหมด ซึ่งรวมไปถึงรางวัล “ออสการ์” และ “ลูกโลกทองคำ”

บทที่แย่สุด: ราชินีแพดเม่ อมิดาลา (Queen Padmé Amidala) ในเรื่อง สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 2 กองทัพโคลนส์จู่โจม (Star Wars: Episode II — Attack of the Clones 2) หนังภาคสองของ สตาร์ วอร์ส (Star Wars) ได้ทำให้เธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “โกลเด้น ราสเบอร์รี่ อะวอร์ดส” (Golden Raspberry Awards) ในปี 2003 นาตาลีกับเจค ลอยด์ (Jake Lloyd) ถูกเรียกว่าเป็นคู่รักที่แย่ที่สุดในจอ และในปี 2003 พอร์ตแมน (Portman) เกือบจะกลายเป็นนักแสดงสมทบที่แย่ที่สุด ภายหลังในการให้สัมภาษณ์ของเธอ พอร์ตแมนได้กล่าวว่า “ทุกคนคิดว่าฉันเป็นนักแสดงที่แย่มาก ฉันอยู่ในหนังที่ทำรายได้มากที่สุดแห่งทศวรรษ และก็ไม่มีผู้กำกับคนไหนอยากร่วมงานกับฉัน”

อัล ปาชิโน่

บทที่ดีที่สุด: แฟรงค์ สเลด (Frank Slade) จากเรื่อง ผู้ชายหัวใจไม่ปอกเปลือก (Scent of a Woman) อัล ปาชิโน่ (Al Pacino) ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “ออสการ์” ถึง 9 ครั้ง แต่เขาได้รับรางวัลเพียงแค่ครั้งเดียว โดยบทนายทหารตาบอดที่เกษียณแล้วเป็นบททดสอบของจริงสำหรับเขา แถมยังต้องใช้ทักษะการแสดงของเขาขั้นสูงสุดอีกด้วย
นักวิจารณ์มาร์จอรี่ บามการ์เทิน (Marjorie Baumgarten) ได้พูดถึงการแสดงที่สมบูรณ์แบบของอัล ปาชิโน่ว่ามันทำให้คุณลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นนอกจอเลยล่ะ

บทที่แย่ที่สุด: บทรับเชิญในหนังเรื่อง แจ็ค แอนด์ จิลล์ (Jack and Jill) นับว่าเป็นเรื่องที่โอเคที่อาชีพการแสดงที่ทำมาอย่างยาวนานจะสะดุด แล้วนั่นก็คือสิ่งที่อัล ปาชิโน่ได้ทำมัน...ถึง 4 ครั้ง ในเวลาเดียวกันนั้นเองเขาได้รับรางวัล “โกลเด้น ราสเบอร์รี่” เพียงครั้งเดียว แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าหนังเรื่อง แจ็ค แอนด์ จิลล์ โดยรวมแล้วได้รับเสียงตอบรับเชิงลบเป็นจำนวนมาก แถมยังถูกเสนอชื่อให้เป็นหนังที่แย่ที่สุดแห่งปี ส่วนหนังอีก 3 เรื่องที่นักแสดงหนุ่มได้โชว์ให้เห็นด้านที่แย่ที่สุดของเขา ได้แก่เรื่อง เรฟโวลูชั่น (Revolution), คู่ฉ่ำเฉือนคม (Gigli) และ 88 นาที ฝ่าวิกฤตเกมสังหาร (88 Minutes)

ชาร์ลิซ เธอรอน

บทที่ดีที่สุด: ไอลีน “ลี” วูร์นอส (Aileen “Lee” Wuornos) จากเรื่อง ปีศาจ (Monster) ในปี 2004 นักแสดงสาวได้รับรางวัลมากมายจากการแสดงในภาพลักษณ์นี้ ความจริงแล้วเธอได้แปลงโฉมตัวเองไปอย่างมากและออกจากสภาวะที่คุ้นเคยของเธอที่เป็นสาวหวาน ๆ แล้วมันก็ช่วยให้เธอประสบความสำเร็จ

บทที่แย่ที่สุด: ซาร่า ดีเวอร์ (Sara Deever) จากเรื่อง ขอสะกดใจเธอชั่วนิรันดร์ (Sweet November) นี่คือหนังเรื่องโปรดสำหรับคนที่ชอบร้องไห้ไปกับหนังรักน้ำเน่า แต่ก็เป็นหนังเรื่องนี้เองที่ทำให้ชาร์ลิซ (Charlize) ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “โกลเด้น ราสเบอร์รี่ อะวอร์ดส” เป็นครั้งแรก โดยนักวิจารณ์ได้ทิ้งระเบิดลงหนังเรื่องนี้จนพังพินาศ แล้วบทคู่รักในจอที่แสดงโดยชาร์ลิซ เธอรอน (Charlize Theron) กับคีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) ก็ถูกวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนจากเหล่านักวิจารณ์ เพราะว่าไม่มีเคมีที่เข้ากันใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาเลย

โรเบิร์ต เดอ นีโร

บทที่ดีที่สุด: นักมวยนามว่าเจค ลามอตตา (Jake LaMotta) จากเรื่อง นักชกเลือดอหังการ์ (Raging Bull) หนึ่งในหนังที่ถูกเสนอเข้าชิงรางวัล “ออสการ์” เรื่องแรกของโรเบิร์ต เดอ นีโร (Robert De Niro) ต่อมาในปี 1975 ในตอนที่เขาได้รับรางวัลในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากหนังเรื่อง เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 2 (The Godfather: Part II) แล้วในปี 1981 เขาก็ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากหนังเรื่อง นักชกเลือดอหังการ์ นอกจากนี้เขายังได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “ออสการ์” อีก 6 ครั้งในอาชีพการแสดงของเขา

บทที่แย่ที่สุด: ดิ๊ก เคลลี่ (Dick Kelly) จากเรื่อง เอ๊า...จริงป๊ะปู่ (Dirty Grandpa) นับว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะยืนยันได้อย่างมั่นใจเต็มร้อยว่ายิ่งทำงานมานานเท่าไหร่ หนังที่เล่นจะยิ่งแย่ลงเท่านั้น เพราะอย่างหนังเรื่องล่าสุดของเดอ นีโร เรื่อง คนใหญ่ไอริช (The Irishman) ก็มีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นหนังที่ดีที่สุดของปี 2020 แต่ทว่าความล้มเหลวก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะในปี 2017 นักแสดงหนุ่มได้เล่นหนังเรื่อง เอ๊า...จริงป๊ะปู่ ที่ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วในที่สุดก็ได้รับรางวัล “โกลเด้น ราสเบอร์รี่ อะวอร์ดส”

นิโคล คิดแมน

บทที่ดีที่สุด: นักเขียนสาวที่ชื่อเวอร์จิเนีย วูล์ฟ (Virginia Woolf) จากเรื่อง ลิขิตชีวิตเหนือกาลเวลา (The Hours) โดยคิดแมน (Kidman) ได้อ่านจดหมายทุกฉบับที่ตีพิมพ์โดยวูล์ฟ นักแสดงสาวยอมรับในภายหลังว่ามันช่วยให้เธอคุ้นเคยกับบทนี้และเข้าใจตัวละครที่เธอแสดง อีกทั้งนิโคล (Nicole) ยังต้องเรียนรู้ที่จะเขียนหนังสือด้วยมือขวา เพราะว่าเธอเป็นคนถนัดซ้าย

บทที่แย่ที่สุด: เดฟลิน อดัมส์ (Devlin Adams) จากเรื่อง แกล้งแต่งไม่แกล้งรัก (Just Go with It) โดยนักแสดงหลักในหนังตลกเรื่องนี้ คือเจนนิเฟอร์ อนิสตัน (Jennifer Aniston) กับอดัม แซนด์เลอร์ (Adam Sandler) แต่ผู้คนก็ยังคงสังเกตเห็นฝีมือการแสดงที่แย่ของนิโคล คิดแมน (Nicole Kidman) ในเรื่อง โดยนักวิจารณ์เวสลีย์ มอร์ริส (Wesley Morris) จากเดอะ บอสตัน โกลบ (The Boston Globe) ได้กล่าวว่า “การได้เห็นเธอในหนังขยะแบบนี้ก็เหมือนกับการดูราชินีแห่งอังกฤษกินทาโก้ เบลล์ ชาลูปา”

โจ เพสซี

บทที่ดีที่สุด: ทอมมี่ เดวิโต้ (Tommy DeVito) จากเรื่อง คนดีเหยียบฟ้า (Goodfellas) ซึ่งหนังทั้ง 3 เรื่องที่โจ เพสซี (Joe Pesci) ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอะเคดามี่ อะวอร์ดส เขาได้ร่วมแสดงกับโรเบิร์ต เดอ นีโร (Robert De Niro) โดยในหนังเรื่อง คนดีเหยียบฟ้า ทั้งคู่เล่นเป็นสองอันธพาลที่ไม่สามารถจินตนาการถึงชีวิตแบบอื่นไปได้นอกเสียจากการเป็นอาชญากร แล้วหนังเรื่องนี้ยังมีฉากที่นำมาจากอดีตของเพสซีด้วย

บทที่แย่ที่สุด: ลีโอ เก็ทซ์ (Leo Getz) จากเรื่อง ริกส์ คนมหากาฬ 4 (Lethal Weapon 4) หนังเรื่องนี้โดยรวมแล้วแย่ลงกว่าภาคก่อน ๆ แล้วฝีมือการแสดงของโจ เพสซีก็ไม่ได้ดีเท่าในหนังของสกอร์เซซี่ (Scorsese) นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ในปี 1999 เขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “โกลเด้น ราสเบอร์รี่ อะวอร์ดส” ในสาขานักแสดงสมทบที่แย่ที่สุด

จูเลี่ยน มัวร์

บทที่ดีที่สุด: ศาสตราจารย์ด้านภาษาศาสตร์อลิซ ฮาวแลนด์ (Alice Howland) จากเรื่อง อลิซ...ไม่ลืม (Still Alice) โดยในปี 2015 จูเลี่ยน มัวร์ (Julianne Moore) ได้รับรางวัลออสการ์จากผลงานหนังเรื่องนี้ของเธอ แล้วในตอนที่เตรียมตัวสำหรับหนังเรื่องนี้ นักแสดงสาวได้ปรึกษากับพนักงานสมาคมอัลไซเมอร์ เพื่อให้เธอสามารถถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตของตัวละครของเธอได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งเดวิด ฮิวจ์ (David Hughes) จาก เอ็มไพร์ (Empire) ก็เรียกการแสดงของจูเลี่ยน มัวร์ว่าสมบูรณ์แบบ

บทที่แย่ที่สุด: แม่มัลกิน (Malkin) จากเรื่อง เซเว่น ซัน บุตรคนที่ 7 จอมมหาเวทย์ (Seventh Son) ในปีต่อมาหลังจากที่ได้รับรางวัล “ออสการ์” นักแสดงสาวคนนี้ก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “โกลเด้น ราสเบอร์รี่ อะวอร์ดส” ในสาขานักแสดงสมทบหญิงที่แย่ที่สุดในหนังของเซอร์เก้ โบดรอฟ (Sergei Bodrov) โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้ถูกวิจารณ์ในแง่ลบเป็นอย่างมาก ซ้ำยังได้รับคะแนนต่ำจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม

เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก

บทที่ดีที่สุด: มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) จากเรื่อง เดอะโซเชียลเน็ตเวิร์ก (The Social Network) โดยบทผู้ก่อตั้งเฟสบุ้ค (Facebook) ได้ทำให้ไอเซนเบิร์ก (Eisenberg) ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “ออสการ์” และรางวัลอันทรงเกียรติอื่น ๆ ในปี 2011 และถึงแม้ว่าฝีมือการแสดงของนักแสดงหนุ่มจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมที่กังขาได้มากที่สุด แต่เจสซี่ (Jesse) ในบทตัวละครที่สำคัญอื่น ๆ ก็ไม่ได้รับความสนใจตั้งแต่นั้นมา

บทที่แย่ที่สุด: เล็กซ์ ลูเธอร์ (Lex Luthor) จากเรื่อง แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม (Batman v Superman: Dawn of Justice) ของค่ายดีซี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (DC Entertainment) ที่คาดว่าหนังเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่แล้วพวกเขากลับสร้างสิ่งที่เลอะเทอะ โดยนักวิจารณ์ทาช่า โรบินสัน (Tasha Robinson) ได้อธิบายถึงการแสดงของไอเซนเบิร์กว่าเป็น “โจ๊กเกอร์ (Joker) ของฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) ในเวอร์ชั่นที่บ้าและเบาบางจากเรื่อง แบทแมน อัศวินรัตติกาล (The Dark Knight) การพูดพล่ามอย่างประหม่า การสั่นอย่างหวาดกลัว และท้าทายที่จะทำลายล้างโลก” ในการพิจารณาของทาช่าสรุปได้ว่า “เล็กซ์ในเวอร์ชั่นนี้ขาดความรู้สึกที่เป็นภัยคุกคามของโจ๊กเกอร์ หรือแม้แต่การมุ่งความสนใจไปที่รองเท้าผ้าใบ ผมหยักศก และเสียงแหลมสูงของเขาก็ดูเปิดเผยแบบไม่เป็นอันตราย แม้ตอนที่เขากำลังข่มขู่”

รูนี่ย์ มาร่า

บทที่ดีที่สุด: เธเรซ เบลิเวต (Therese Belivet) จากเรื่อง รักเธอสุดหัวใจ (Carol) ในปีนั้นนักแสดงสาวไม่ได้รางวัล “ออสการ์” เพราะเธอถูกอลิเซีย วิกันเดอร์ (Alicia Vikander) ตัดหน้าคว้ารางวัลไป อย่างไรก็ตามบทบาทนี้ถูกตั้งข้อสังเกตจากหลายคน และผู้คนก็เริ่มพูดถึงรูนี่ย์ มาร่า (Rooney Mara) ในฐานะนักแสดงที่มีความสามารถ แล้วก่อนหน้านี้เธอยังโชว์ศักยภาพอันสร้างสรรค์ของเธอในหนังเรื่อง พยัคฆ์สาวรอยสักมังกร (The Girl with the Dragon Tattoo) ซึ่งเธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เช่นกัน

บทที่แย่ที่สุด: ไทเกอร์ ลิลลี่ (Tiger Lily) จากเรื่อง ปีเตอร์ แพน (Pan) โดยหนังเรื่องนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จทุกอย่าง โดยบทหนังก็อ้างมาจาก “เดอะ แบล็ค ลิสต์” (The Black List) สำหรับเรื่องที่คน “ชอบมากที่สุด” และยังไม่ได้สร้าง อีกทั้งนักแสดงในเรื่องก็เต็มไปด้วยดาราดังระดับโลก เช่น ฮิวจ์ แจ็คแมน (Hugh Jackman), การ์เร็ตต์ เฮดลันด์ (Garrett Hedlund), อะแมนด้า ไซเฟร็ด (Amanda Seyfried)

แต่แล้วดูเหมือนว่ารูนี่ย์ มาร่าจะพ่ายแพ้ก่อนที่เธอจะมีโอกาสได้เริ่มในตอนที่คัดเลือกนักแสดง โดยทีมผู้สร้างถูกต่อว่าเรื่องเหยียดเชื้อชาติและไม่สอดคล้องกับหลักการ เนื่องจากตัวละครไทเกอร์ ลิลลี่ควรจะเป็นเจ้าหญิงอินเดีย ดังนั้นนักวิจารณ์หลายคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่านักแสดงสาวไม่ควรรับเล่นบทนี้เลย

ลีโอนาร์โด้ ดิคาปริโอ

บทที่ดีที่สุด: หนุ่มนักสำรวจฮิวจ์ กลาส (Hugh Glass) จากเรื่อง ต้องรอด (The Revenant) คนทั้งโลกต่างรอคอยผลงานชิ้นนี้ และในปี 2016 ลีโอนาร์โด้ ดิคาปริโอ (Leonardo DiCaprio) ก็ทำได้ในที่สุด โดยเขาได้รับรางวัล
ออสการ์ที่รอคอยมาอย่างยาวนาน นักแสดงหนุ่มได้เตรียมตัวสำหรับบทบาทนี้มาเป็นเวลานาน โดยเขาได้พูดคุยถึงช่วงเวลาที่สำคัญและรายละเอียดที่เล็กที่สุดกับผู้กำกับอเลฮานโดร จี. อินาริตู (Alejandro G. Iñárritu)

ลีโอนาร์โด้เข้าถึงบทบาทนี้มากจนเขานั้นกินเนื้อดิบ ๆ ในกองถ่าย ในขณะที่ในตัวจริงของเขาเป็นมังสวิรัติ แล้วหลังจากการเปิดตัวหนังเรื่องนี้ นักวิจารณ์เกือบทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันว่าดิคาปริโอคือผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์คนสำคัญในปี 2016

บทที่แย่ที่สุด: หนุ่มอเมริกันที่ชื่อริชาร์ด (Richard) จากเรื่อง เดอะ บีช (The Beach) ในปี 2001 นักแสดงหนุ่มถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโกลเด้น ราสเบอร์รี่ อะวอร์ดส สำหรับการแสดงที่แย่ที่สุด โดยสตีเฟ่น ฮันเตอร์ (Stephen Hunter) จาก วอชิงตัน โพสต์ (Washington Post) ได้อธิบายว่าตัวละครหลัก “มีความหล่อแบบซ้ำซากจำเจของหนุ่มดิคาปริโอ คือเป็นเด็กหนุ่มหัวโต เก๊กเสียงผู้ใหญ่ มีหุ่นเป็นเด็ก และไว้ทรงผมยุ่ง ๆ แบบฮัก ฟินน์ (Huck Finn)”

ทำไมคุณถึงคิดว่าแม้แต่นักแสดงที่มีประสบการณ์ก็ยังล้มเหลวได้ ?

Please note: This article was updated in May 2022 to correct source material and factual inaccuracies.
เครดิตภาพพรีวิว Star Wars: Episode II - Attack of the Clones / Lucasfilm
ชีวิตสดใส/ภาพยนตร์/10 คนดังที่ได้รับรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำยอดเยี่ยม แต่กลับล้มเหลวในบทบาทที่ธรรมดาสุด ๆ
แชร์บทความนี้