ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

19 ช่วงเวลาสำคัญที่เราได้พลาดไปในการ์ตูนที่เราโตมากับมัน

การ์ตูนคือส่วนหนึ่งของวัยเด็กที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้ แต่ตอนที่เรายังเด็ก ๆ เราก็ไม่เข้าใจรายละเอียดอะไรมาก เพราะเด็ก ๆ ก็มักจะจดจ่ออยู่กับภาพรวมของเรื่องมากเกินไป จึงทำให้ไม่ได้สังเกตความลับที่น่าสนใจที่ซ่อนอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในเรื่อง โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ตัวการ์ตูนแพทริค สตาร์ (Patrick Star) นั้นมีผม หรือชื่อของบาร์ต ซิมป์สัน (Bart Simpson) หมายถึงเด็กน้อยที่น่ารังเกียจ และเฮลก้า ปาตากิ (Helga Pataki) ที่สุดท้ายแล้วก็ได้จูบกับอาร์โนลด์ (Arnold)

ชีวิตสดใสเราได้ค้นหาข้อเท็จจริงที่ถูกเก็บเป็นความลับ ที่ผู้สร้างการ์ตูนเรื่องโปรดในวัยเด็กของเราได้ซ่อนมันไว้ และเราก็ดีใจที่จะแสดงให้คุณเห็นสิ่งที่เราค้นพบทั้งหมด อีกทั้งในตอนท้ายบทความ เรายังมีของแถมที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวการ์ตูนสพันจ์บ็อบ (SpongeBob) ที่เตรียมไว้สำหรับคุณโดยเฉพาะเลยล่ะ !

แพทริคกับแกรี่มีความเกี่ยวข้องกัน

กลายเป็นว่าแพทริคเพื่อนซี้ของสพันจ์บ็อบกับแกรี่ (Gary) สัตว์เลี้ยงตัวโปรดมีความเกี่ยวข้องกัน โดยแผนภูมิวงศ์ตระกูลของแพทริคนั้นใหญ่มาก ทำให้เราสามารถรู้ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับตัวการ์ตูนสุดฮาตัวนี้ได้ เพียงแค่ศึกษาดูเครือญาติของเขา แล้วก็จะเห็นว่าแกรี่กับแพคทริคเป็นลูกพี่ลูกน้องกันในลำดับแรกเลยล่ะ !

อาร์โนลด์สวมเสื้อ ไม่ใช่กระโปรงสั้นแบบชาวสก๊อต

เฮ้! อาร์โนลด์ (Hey Arnold!) เป็นการ์ตูนที่ทำให้เราหลายคนนึกถึงวัยเด็ก โดยพวกเราส่วนใหญ่ต่างคิดมาตลอดว่าเสื้อผ้าของอาร์โนลด์นั้นดูค่อนข้างแปลก คือเขาใส่กางเกง เสื้อกันหนาว และ... กระโปรงสั้นแบบชาวสก๊อต แต่ความจริงแล้วอาร์โนลด์สวมเสื้อเชิ้ตตัวยาว และลุคนี้ของเขาก็มาจากลุคของนีล ยัง (Neil Young) ซึ่งเป็นนักร้องชื่อดังชาวแคนาดา

แพทริคมีผมสีชมพู

เราอาจคิดว่าแพทริค สตาร์นั้นก็แค่หัวโล้นเป็นมันเงา แต่มีสิ่งหนึ่งที่บอกเราว่าเรานั้นล้วนคิดผิด เพราะมีอยู่ตอนนึงที่แพทริคได้โชว์ใบขับขี่ของเขา ซึ่งเราสามารถเห็นข้อมูลของตัวเขาได้ และหากเราลองสังเกตดูดี ๆ จะเห็นว่าแพทริคมีผมเป็นสีชมพู

ชื่อของบาร์ต ซิมป์สันมีความหมาย

ชื่อเต็มของบาร์ต ซิมป์สันคือ บาร์โธโลมิว โจโจ้ ซิมป์สัน (Bartholomew Jojo Simpson) และชื่อเล่นของเขาคือการสลับตัวอักษรเป็นแบรต (BRAT) ที่หมายถึงเด็กที่ประพฤติตัวไม่ดี ซึ่งหากเรามองดูว่าบาร์ตทำตัวยังไงในเรื่อง เราก็จะเห็นด้วยกับสิ่งนี้ คือชื่อของเขาเข้ากับบุคลิกของเขาได้เป็นอย่างดี

เฮลก้ากับอาร์โนลด์ได้จูบกันในที่สุด

ตั้งแต่ปี 1996 เราต่างเฝ้ารอให้อาร์โนลด์ค้นพบสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความหยาบคายภายนอกของเฮลก้า และความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา แต่หลังจากที่ซีรีส์ต้นฉบับได้จบลงไปแล้ว เราก็ยังคงเฝ้ารอให้ช่วงเวลานี้มาถึง ต่อมาในปี 2017 ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง เฮ้! อาร์โนลด์: เดอะ จังเกอร์ มูฟวี่ (Hey Arnold!: The Jungle Movie) ได้ออกฉาย ทำให้ในที่สุดเราก็มีโอกาสได้เห็นความรู้สึกของตัวการ์ตูนตัวโปรดของเราว่าพัฒนาไปยังไง คือสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้จูบกัน !

ฟีบี้กับเจอรัลด์ก็ได้จูบกันเช่นกัน

ดูเหมือนผู้สร้างการ์ตูนเรื่อง เฮ้! อาร์โนลด์ ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะให้ตัวการ์ตูนตัวโปรดของเราได้เปิดเผยความรู้สึกของพวกเขา เพราะในหลายตอน เราสามารถเห็นได้ว่าฟีบี้ (Phoebe) เพื่อนซี้ของเฮลก้าแอบชอบเจอรัลด์ (Gerald) แล้วในเรื่อง เฮ้! อาร์โนลด์: เดอะ จังเกอร์ มูฟวี่ เราก็ได้เห็นฟีบี้หอมแก้มเจอรัลด์ ดูน่ารักดีว่ามั้ย ?

ครัสตี้ เดอะคลาวน์ เดิมถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นความลับของโฮเมอร์

คุณเคยสังเกตไหมว่าครัสตี้ (Krusty) แทบจะดูเหมือนโฮเมอร์ (Homer) แบบเป๊ะ ๆ แต่มีการแต่งหน้าแบบตัวตลกเท่านั้นเอง โดยแมตต์ โกรนิ่ง (Matt Groening) ผู้สร้างการ์ตูนเรื่องนี้ได้กล่าวว่า “แนวคิดเสียดสีที่ผมพูดในตอนนั้นก็คือ การ์ตูนเรื่อง เดอะซิมป์สันส์ (The Simpsons) เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กที่ไม่เคารพพ่อของเขา แต่กลับบูชาตัวตลกที่หน้าตาเหมือนพ่อของเขาเป๊ะ ๆ ” แต่ว่าไอเดียนี้ก็ถูกพับทิ้ง เพราะว่ามันมืดมนและซับซ้อนเกินไปนั่นเอง

“ไอเดียต้นฉบับที่อยู่เบื้องหลังตัวตลกครัสตี้ก็คือ เขาปลอมตัวเป็นโฮเมอร์ แต่โฮเมอร์ก็ยังไม่ได้รับความเคารพจากลูกชายของเขาที่บูชาครัสตี้ หากคุณดูที่ตัวครัสตี้ เขาก็แค่โฮเมอร์ที่มีผมยาวและมีกระจุกผมอยู่บนหัว พวกเราเร่งรีบในตอนต้นของซีรีส์และผมนั้นคิดว่า ‘โอ้ มันดูซับซ้อนเกินไปนะ’ เราเลยพับไอเดียนี้ทิ้งไป แต่เมื่อผมมองดูครัสตี้ก็คิดว่า ‘นั่นมันโฮเมอร์ชัด ๆ’”

นักพากย์เสียงมิกกี้เมาส์กับมินนี่เมาส์ได้แต่งงานกันในชีวิตจริง

ตั้งแต่ปี 1986 เวย์น อัลล์ไวน์ (Wayne Allwine) ทำหน้าที่เป็นนักพากย์เสียงให้กับตัวการ์ตูนมิกกี้เมาส์ (Mickey Mouse) ร่วมกับรุสซี่ เทย์เลอร์ (Russi Taylor) นักพากย์เสียงตัวการ์ตูนมินนี่เมาส์ (Minnie Mouse) ในขณะที่เรานั้นสนใจในความสัมพันธ์ของตัวการ์ตูนสุดฮา 2 ตัวนี้มาก ๆ นักพากย์ทั้งสองก็ได้แต่งงานกันด้วย

เด็ก ๆ ในเรื่อง รักแร็ตส ทั้งชายและหญิงถูกพากย์เสียงโดยผู้หญิง

การ์ตูนเรื่อง รักแร็ตส (Rugrats) เป็นเรื่องที่โดนใจพวกเราหลายคนเมื่อตอนยังเป็นเด็ก โดยมีทอมมี่ (Tommy) ผู้นำที่กล้าหาญ ชัคกี้ (Chucky) ที่ขี้กลัวอยู่เสมอ และฟิล (Phil) กับลิล (Lil) ฝาแฝดสุดฮา ทำให้รู้สึกเหมือนว่าเรารู้เรื่องพวกเขาทุกอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เราอาจไม่ได้สังเกตเห็นก็คือเสียงของพวกเขา เพราะทุกคนถูกพากย์เสียงโดยผู้หญิง โดยมีทั้งดาราดังและคนที่มีชื่อเสียง

ฟลีได้พากย์เสียงดอนนี่ในเรื่อง เดอะไวลด์ทอร์นเบอร์รี่ส์

ดอนนี่ (Donnie) ในเรื่อง เดอะไวลด์ทอร์นเบอร์รี่ส์ (The Wild Thornberrys) ถูกเลี้ยงดูโดยอุรังอุตังบนเกาะบอร์เนียวและได้รับการเลี้ยงดูโดยทอร์นเบอร์รี่ส์ (Thornberrys) ในภายหลัง เด็กจอมซนคนนี้ไม่ยอมพูด ได้แต่ทำเสียงตลก ๆ เท่านั้น ซึ่งพากย์โดยฟลี (Flea) หรือไมเคิล ปีเตอร์ บัลซารี่ (Michael Peter Balzary) มือเบสชื่อดังของวงเรดฮอตชิลีเพปเปอส์ (Red Hot Chili Peppers)

เด็กซ์เตอร์พูดติดสำเนียงเพราะ “นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทุกคนมีสำเนียงในการพูด”

เด็กซ์เตอร์ (Dexter) มาจากครอบครัวชาวอเมริกันทั่วไป แต่เราได้ยินมาว่าเขาพูดติดสำเนียงอย่างมากที่มีต้นกำเนิดไม่แน่นอน ทำให้แฟน ๆ ทุกคนต่างสงสัยว่าทำไมเขาถึงพูดติดสำเนียง ซึ่งผู้สร้างการ์ตูนเรื่องนี้ได้อธิบายว่า “เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ แล้วเขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องมีสำเนียงบางอย่าง” อีกทั้งพวกเขายังกล่าวเสริมอีกว่า “ไม่ใช่สำเนียงเยอรมันจริง ๆ แต่เป็นแค่ยุโรปตะวันออก”

เอริค คาร์ทแมน คืออาร์ชี่ บังเกอร์ ในวัยเด็ก

เอริค คาร์ทแมน (Eric Cartman) เป็นเด็กที่น่ารังเกียจที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแมตต์ คาร์ปแมน (Matt Karpman) เพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนมัธยมปลายของผู้สร้างการ์ตูนเรื่องนี้ โดยบุคลิกของเขาอิงมาจากตาแก่อาร์ชี่ บังเกอร์ (Archie Bunker) จากเรื่อง ออล อิน แฟมมิลี่ (All in the Family) ซึ่งเป็นซิทคอมเรื่องโปรดของผู้สร้าง ง่าย ๆ ก็คือพวกเขานั้นคิดว่าคาร์ทแมนคือสิ่งที่อาร์ชี่ บังเกอร์เป็นในตอนเด็ก

โดนัลด์ดั๊กไม่เคยใส่กางเกงเลย...ยกเว้นในสระน้ำ

มิกกี้เมาส์ มินนี่ กู๊ฟฟี่ (Goofy) ทุกคนใส่กางเกงหมดเลย ยกเว้นโดนัลด์ดั๊ก (Donald Duck) ยิ่งไปกว่านั้นตัวการ์ตูนโดนัลด์ดั๊กถูกห้ามฉายในฟินแลนด์ เพียงเพราะว่ามันไม่ใส่กางเกง แต่ในบางตอนเราก็ได้เห็นว่ามันใส่กางเกงในตอนที่ว่ายน้ำในที่สุด !

ลูกหมาทุกตัวในเรื่อง ทรามวัยกับไอ้ด่าง มีจุดอยู่บนตัว 32 จุด

เราจะเห็นได้ว่าเหล่าน้องหมาดัลเมเชี่ยน (Dalmatians) ทุกตัวมีจุดนับไม่ถ้วนอยู่ตามตัวของพวกมัน ว่าแต่จะมีใครถึงขั้นไปนับมันกันล่ะ ? แต่จริง ๆ แล้วคือมีจุดอยู่บนตัวหมาทุกตัวรวมกันได้ 6,469,952 จุดในเรื่อง ทรามวัยกับไอ้ด่าง (101 Dalmatians) ดังนั้นจุดจำนวน 72 จุดเป็นของพองโก้ (Pongo) และอีก 68 จุดเป็นของเพอร์ดิต้า (Perdita) ส่วนที่เหลือนั้นเป็นของบรรดาลูกหมา โดยแต่ละตัวมีจุด 32 จุด

เรื่อง พาวเวอร์พัฟฟ์ เกิลส์ อิงมาจากเรื่อง เจ้าหญิงนิทรา

นางฟ้าผู้แสนดีทั้ง 3 คนในเรื่อง เจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beauty) ของดิสนีย์ในปี 1959 เป็นแรงบันดาลใจให้กับเรื่อง พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ (The Powerpuff Girls) โดยพวกเธอไม่เพียงแต่แบ่งปันรูปแบบของสีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียวเท่านั้น แต่ยังมีชื่อที่สอดคล้องกันอีกด้วย โดยเหล่านางฟ้ามีชื่อว่าฟลอร่า (Flora), ฟอน่า (Fauna) และแมรี่เวทเตอร์ (Merryweather) ในขณะที่สาว ๆ ในเรื่อง พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ คือ บลอสซั่ม (Blossom), บับเบิ้ลส์ (Bubbles) และบัทเตอร์คัพ (Buttercup) ที่แปลว่า “ผู้น่ารัก” “ผู้กล้าหาญ” และ “ผู้แข็งแกร่ง”

สีลิ้นของตัวการ์ตูนในเรื่อง เอ็ด เอ็ดด กับ เอ็ดดี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลูกชายของอันโทนุคชี่ (ผู้สร้าง) กับเพื่อน ๆ ของเขาขณะที่กินลูกอมหลากสี

เด็ก ๆ ในการ์ตูนเรื่องมีลิ้นหลากสี แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อเพิ่มความบ้าให้กับตัวการ์ตูน เพราะผู้สร้างการ์ตูนเรื่องนี้เคยเห็นลูกชายของเขากับเพื่อน ๆ กินลูกอมหลากสีที่ทำให้ลิ้นของพวกเขามีสีต่าง ๆ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะใช้สิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจและนำไปใช้ในการ์ตูนของเขา

ซีรีย์เรื่อง โปเกม่อน มีอายุมากกว่า 20 ปี และเรื่องก็ยังคงดำเนินต่อไป

เมื่อวันที่ 1 เมษายน ปี 1997 ซีรีส์แอนิเมชั่นที่ฉายทางโทรทัศน์เรื่อง โปเกม่อน (Pokémon) ได้ออกอากาศเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น แล้วนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีแฟนคลับมากมายจากทั่วโลก โดยเรื่องนี้มีมากกว่า 1,000 ตอน และออกฉายในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาทุกสัปดาห์ นอกจากนี้นักพากย์หญิงชาวญี่ปุ่นที่ชื่อริกะ มัตสึโมโตะ (Rica Matsumoto) ยังได้พากย์เสียงตัวการ์ตูนแอช เคตชัม (Ash Ketchum) หรือในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ซาโตชิ (Satoshi) มาโดยตลอดในหลายปีที่ผ่านมา !

ผมของเอเรียลได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักบินอวกาศ

ทรงผมที่ดูน่าทึ่งของเอเรียล (Ariel) เป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ การ์ตูน ถึงแม้หลายคนจะบ่นในเรื่องฟิสิกส์ของทรงผมของเธอที่ดูแปลกและก็ดูไม่สมจริงเมื่ออยู่ใต้น้ำ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าผมนุ่มสลวยของเธอนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักบินอวกาศที่ชื่อแซลลี่ ไรด์ (Sally Ride) ในระหว่างขั้นตอนการสร้างแอนิเมชั่น ผู้สร้างการ์ตูนเรื่องนี้ได้ศึกษาภาพถ่ายของแซลลี่ในอวกาศ เพื่อสร้างแบบจำลองทรงผมของเอเรียล

ชื่อจริงของมู่หลานคือเรื่องตลกที่ซ่อนอยู่

เพื่อให้เราเข้าใจความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังชื่อจริงของมู่หลาน (Mulan) เราต้องพิจารณาสำนวนจีนให้ละเอียดยิ่งขึ้น โดยนามสกุลของเธอคือ ฟา (Fa) แต่เนื่องจากหลักไวยากรณ์ทางภาษา เธอจึงต้องใช้นามสกุลขึ้นต้นเป็นอันดับแรก แล้วในการ์ตูนตอนที่มู่หลานทำท่าทางเป็นผู้ชาย เธอได้แนะนำตัวเองว่าฟาผิง (Fa Ping) ซึ่งคำนี้แปลว่า ’แจกันดอกไม้’ และมีอีกความหมายหนึ่งว่า ’อาหารตา’

โบนัส: สตีเฟน ฮิลเลนเบิร์ก ผู้สร้างเรื่อง สพันจ์บ็อบ สแควร์แพ้นท์ เป็นนักชีววิทยาทางทะเลในชีวิตจริง

คุณชอบดูการ์ตูนในวัยเด็กของคุณเรื่องไหนมากที่สุด ? แล้วคุณรู้ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับมันบ้างมั้ย ? เล่าให้พวกเราฟังได้ในช่องคอมเมนต์ด้านล่างนะ !

เครดิตภาพพรีวิว Hey, Arnold! / Nickelodeon
ชีวิตสดใส/ภาพยนตร์/19 ช่วงเวลาสำคัญที่เราได้พลาดไปในการ์ตูนที่เราโตมากับมัน
แชร์บทความนี้