ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

9 ข้อเท็จจริงน่าสงสัยที่จะทำให้เราดูภาพยนตร์เรื่องโปรดอีกครั้งจากมุมมองที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของพวกเราตลอดกาลและเราก็พร้อมที่จะเอามาดูอีกเป็นร้อยเป็นพันรอบ ถึงอย่างนั้น แม้แต่ตอนที่เราเพลิดเพลินกับภาพยนตร์เรื่องโปรดของเราอยู่ เราก็ไม่ค่อยจะได้สนใจรายละเอียดของเรื่องและวิธีที่เขาสร้างเรื่องราวขึ้นมาเท่าไรนัก และนี่ก็คือข้อเท็จจริงที่จะสามารถเปลี่ยนความคิดที่เรามีต่อตัวละครและการกระทำของพวกเขาได้เลยล่ะ

พวกเราที่ชีวิตสดใสได้ไปเจอข้อเท็จจริงแปลก ๆ เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องโปรดของพวกเราเข้า และเราก็อยากจะแนะนำให้คุณลองไปดูดูสักหน่อย

ครอบครัวคัลเลนเป็นภูต

แฟน ๆ ภาพยนตร์เรื่องทไวไลท์ สงสัยกันว่าครอบครัวคัลเลน (Cullens) จะเป็นแวมไพร์จริงหรือเปล่า พวกเขาคิดว่าจริง ๆ แล้วครอบครัวนี้น่าจะเป็นภูต เพราะตามตำนานแล้ว แวมไพร์จะไม่สะท้อนแสงวิบวับเวลาโดนแสงแดด พวกมันจะไหม้แล้วก็กลายเป็นผุยผงแทน แต่พวกภูตจะส่องประกายเวลาโดนแสงแดดเข้า

ในการถกเถียงนี้ก็มีการเสนอว่าจริง ๆ แล้วภูตบางชนิดก็ดื่มเลือด และพวกเขาชอบคนมาก นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเอ็ดเวิร์ด (Edward) ถึงชอบเบลล่า (Bella) มาก ๆ และสุดท้าย พวกเขามีพลังพิเศษซึ่งไม่เหมือนกับแวมไพร์ อย่างที่คุณน่าจะจำได้ เอ็ดเวิร์ดอ่านใจคนได้และน้องสาวของเขาก็เห็นอนาคตได้ด้วย

เบลล่า สวอนอาจมีเชื้อสายหมาป่า

อีกทฤษฎีหนึ่งของแฟน ๆ ทไวไลท์ ก็คือพวกเขาบอกว่าเบลล่ามีเชื้อสายหมาป่า หนึ่งในข้อถกเถียงหลักก็คือพลังพิเศษที่หมาป่ามีทำให้เบลล่าสามารถตั้งท้องลูกแวมไพร์ได้ จำเรื่องของลูกครึ่งแวมไพร์ที่ชื่อ นาอูเอล (Nahuel) ที่อลิส (Alice) กับแจสเปอร์ (Jasper) ไปเจอในป่าได้ไหม ? แม่ของเขาเป็นคนธรรมดาและเธอก็ไม่รอดจากการตั้งท้องลูกของแวมไพร์

อีกข้อถกเถียงบอกว่าเจคอบ (Jacob) ประทับตราลงบนเรเนสเม่ (Renesmee) ลูกสาวของเบลล่าแล้ว แฟน ๆ เชื่อว่าเขาทำแบบนั้นไม่ได้ถ้าเกิดเธอไม่ได้มียีนหมาป่ามาจากแม่ของเธอ

แจ็คไม่เคยบอกว่ารักโรสเลย

ไททานิค อาจจะเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่โรแมนติกที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้จะไม่มีใครสงสัยเลยว่าแจ็ค (Jack) ตกหลุมรักกับโรส (Rose) ทันทีที่เห็นหน้าเธอ แต่เขาไม่เคยบอกเธอว่ารักเธอเลยตลอดทั้งเรื่อง ไม่แม้กระทั่งตอนท้าย ๆ เรื่องที่พวกเขากำลังจะแข็งตายแล้วโรสบอกว่า “ฉันรักเธอ”

ข้อเท็จจริงนี้มีคำอธิบายง่าย ๆ ได้ว่า แจ็คเป็นคนที่แสดงออกความรู้สึกผ่านการกระทำ เขาห่วงใยโรสและปกป้องเธอ เขาให้โอกาสเธอได้รู้สึกรักและให้อิสระในการเลือกกับเธอ เขาโน้มน้าวให้เธอไม่ยอมแพ้ที่จะมีชีวิตยืนยาว เป้าหมายของเขาคือการช่วยให้โรสเป็นอิสระ และเขาก็ทำได้

ออฟฟิศ เดอะ รันเวย์ ได้ต้นแบบมาจากออฟฟิศของโว้กเป๊ะ ๆ

ต้นแบบของนิตยสารรันเวย์ใน นางมารสวมปราด้า ก็คือนิตยสารที่โด่งดังระดับโลกอย่างโว้ก หนึ่งในโปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เข้าไปในออฟฟิศนั้นได้คือผู้ออกแบบการผลิต เจส กอนชอร์ เขาเข้าไปในออฟฟิศของ แอนนา วินทัวร์ บรรณาธิการหลักของ โว้ก อเมริกา และสร้างเลียนแบบมันขึ้นมาอย่างละเอียดจนมีข่าวลือว่าหลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย แอนนาถึงขั้นตกแต่งออฟฟิศใหม่เลย

จันทร์เจ้า หางหนอน เท้าปุย และเขาแหลม ตายในลำดับย้อนกลับ

แฟน ๆ ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) น่าจะจำสี่สหายนักเรียนฮอกวอตส์ ได้แก่ รีมัส ลูปิน (Remus Lupin) (จันทร์เจ้า) ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ (Peter Pettigrew) (หางหนอน) ซีเรียส แบล็ก (Sirius Black) (เท้าปุย) และ เจมส์ พอตเตอร์ (James Potter) (เขาแหลม) ได้ ในหนังสือและในภาพยนตร์ คุณจะเห็นว่าชื่อของแผนที่เริ่มด้วย จันทร์เจ้า หางหนอน เท้าปุย และ เขาแหลม มีตรรกะในข้อเท็จจริงที่ว่าเพื่อนทั้งสี่คนนี้ตายในลำดับย้อนกลับของชื่อเหล่านี้

เจมส์ พอตเตอร์ ตายตอนที่ แฮร์รี่ ลูกชายของเขายังเป็นเด็กอ่อน ซีเรียส แบล็ก ตายด้วยฝีมือของเบลลาทริกซ์ (Bellatrix) ในตอนจบของภาคีนกฟินิกส์ ปีเตอร์ แพ็ตติกรูว์ ตายต่างกันระหว่างในหนังสือและในภาพยนตร์ แต่ก็เกิดในช่วงเดียวกันของเรื่อง ส่วน ลูปิน ตายคนสุดท้ายในสงครามฮอกวอตส์

เซเวอรัส สเนปแอบช่วยภาคีนกฟินิกส์อย่างลับ ๆ

ในภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เครื่องรางยมฑูต ภาค 2 มีฉากที่พิสูจน์ความเห็นของผู้คนที่เชื่อว่าสเนป (Snape) เป็นคนใจดีอยู่ด้วย ตอนที่แฮร์รี่แอบเข้าไปในปราสาท เซเวอรัส (Severus) เรียกรวมนักเรียนฮอกวอตส์มาแล้วยืนยันให้ส่งตัวแฮร์รี่มาให้ พอตเตอร์เผยตัวออกมาเองแล้วก็ท้าทายสเนป ทำให้ศาสตราจารย์มักกอนากัล (McGonagall) และทุกคนยกเว้นคนบ้านสลิธีรินเลือกเข้าข้างแฮร์รี่

มักกอนากัลกับสเนปสู้กันสั้น ๆ และแม้ว่าอาจารย์ใหญ่จะหายตัวไปหลังจากนั้น เขาก็ได้สะท้อนคาถาคาถาหนึ่งไปโดนพวกผู้เสพความตายที่อยู่ด้านหลังเขา สเนปเป็นคนที่ปกป้องตัวเองอย่างเดียวและไม่ได้ใช้เสกคาถาทำร้ายใครในปราสาทเลย เขาพยายามจะช่วยภาคี และเขาก็ขอให้ส่งตัวแฮร์รี่มาเพื่อที่จะได้ไม่มีใครทำร้ายแฮร์รี่ได้

นักแสดงจากเรื่อง สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ ต้องไปเรียนวิธีใช้เวทมนตร์

แน่นอน นักแสดงทั้งชายหญิงของภาพยนตร์เรื่องสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ ไม่ได้เรียนวิธีใช้เวทย์มนตร์จริง ๆ แต่โรงเรียนสอนใช้ไม้กายสิทธิ์ก็เป็นภาคบังคับสำหรับนักแสดงในเรื่อง นักแสดงทั้งหมดจะต้องเข้าค่ายเพื่อไปเรียนวิธีขยับตัวและใช้ไม้กายสิทธิ์ให้ถูกวิธี

ความจริงที่ว่าพ่อแม่ของเควินลืมตั๋วของเขาเป็นสิ่งที่อธิบายได้

ในตอนเริ่มเรื่องโดดเดี่ยวผู้น่ารัก เควิน (Kevin) ทะเลาะกับบัซ (Buzz) พี่ชายของเขา พวกเขาทำนมหกใส่พาร์ตสปอร์ตและตั๋วเครื่องบิน พ่อที่พยายามทำความสะอาดและจัดการกระดาษไม่ให้เสียหายได้พลาดโยนตั๋วของเควินไป คุณจะเห็นชื่อของเขาบนตั๋วที่อยู่ในถังขยะได้เลย เจ้าเด็กน้อยถูกขังไว้บนห้องใต้หลังคาตอนพวกเขาโดยสารเครื่องบินไป พวกเขารู้ดีว่าเควินไม่ได้ไปกับพวกเขาด้วย

การที่ไม่มีใครสังเกตเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อธิบายได้ง่ายมาก ในตอนเช้า พวกเขานับเด็ก ๆ แล้วก็เข้าใจว่าลูกของเพื่อนบ้านเป็นเควิน และเมื่อพวกเขาไปถึงสนามบิน พนักงานก็ตรวจจำนวนผู้โดยสารและตั๋วครบ ไม่มีใครหายไปเพราะตั๋วมันถูกโยนทิ้งไปแล้วนั่นเอง

เกรซ จากในเรื่อง อาร์มาเก็ดดอน วันโลกาวินาศ และนักแสดงที่รับบทนี้ต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับพ่อของเธอ

ลิฟ ไทเลอร์ (Liv Tyler) ที่รับบทเป็นเกรซ (Grace) ใน อาร์มาเก็ดดอน วันโลกาวินาศ มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับพ่อของเธอ สตีเวน ไทเลอร์ (Steven Tyler) นักร้องชื่อดัง เธอไม่รู้เลยว่าเขาเป็นพ่อที่แท้จริงของเธอจนกระทั่งเธออายุ 11 ปี เมื่อพวกเขาได้เจอกันในที่สุด พวกเขาก็เริ่มใช้เวลาด้วยกันมากขึ้นเพื่อจะได้เชื่อมสัมพันธ์กัน

ในภาพยนตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาวในเรื่องก็ถูกเอามานำเสนอเช่นเดียวกัน ช่วงเริ่มต้น พ่อของเธอไม่ชอบคนที่เธออยากแต่งงานด้วย แต่ทั้งหมดก็ไม่มีความหมายเมื่อพวกเขารู้ว่าพ่อจะไม่ได้เดินทางกลับมาจากภารกิจที่อันตราย เพลงประกอบหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มาจากวง แอโรสมิธ ที่ สตีเวน ไทเลอร์ เป็นคนร้อง เพลง “I Don’t Want to Miss a Thing” ซึ่งเนื้อเพลงนั้นมีวรรณศิลป์ดีพอตัว

ข้อเท็จจริงข้อไหนที่คุณรู้แล้วรู้สึกว้าวที่สุด ? รายละเอียดอะไรที่คุณสังเกตเห็นเองได้บ้าง ?

เครดิตภาพพรีวิว Titanic / 20th Century Studios, Home Alone / 20th Century Studios
ชีวิตสดใส/ภาพยนตร์/9 ข้อเท็จจริงน่าสงสัยที่จะทำให้เราดูภาพยนตร์เรื่องโปรดอีกครั้งจากมุมมองที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
แชร์บทความนี้