ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

นักแสดงกว่า 14 คนที่เกือบจะได้เล่นเป็นตัวละครหลักใน “แฮร์รี่ พอตเตอร์”

หลายปัจจัยได้เข้ามามีบทบาทในตอนที่โปรดิวเซอร์คัดเลือกนักแสดงให้กับหนังยอดฮิตเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) ตัวเลือกเหล่านี้มักถูกคัดสรรเป็นอย่างดีจนผู้ชมนั้นสร้างความผูกพันอันทรงพลังกับตัวละคร แล้วความสัมพันธ์อันทรงพลังนี้เองที่ทำให้ยากต่อการแยกภาพลักษณ์ของนักแสดงออกจากบทบาทในจอของพวกเขา ตัวอย่างเช่น ให้คุณลองนึกภาพแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เล่นโดยคนอื่นที่ไม่ใช่แดเนียล แรดคลิฟฟ์ (Daniel Radcliffe) หรือไม่ก็เฮอร์ไมโอนี่ (Hermione) ที่ไม่ได้เล่นโดยเอ็มม่า วัตสัน (Emma Watson) ออกกันมั้ย ? แม้ว่าพวกเราหลายคนจะคิดว่านักแสดงเหล่านี้ล้วน “เกิดมา” เพื่อเล่นบทพวกนี้ แต่ก็เป็นไปได้ว่าหลายครั้งที่ผู้สร้างหนังไม่เห็นด้วยในตอนแรก แถมพวกเขายังจะเลือกคนอื่นเสียด้วยซ้ำ ซึ่งมันยากที่จะเชื่อ แต่เป็นเรื่องจริงเลยล่ะ

ที่ชีวิตสดใส พวกเราทุกคนคือติ่งผู้คลั่งไคล้แฮร์รี่ พอตเตอร์ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราชอบที่จะแบ่งปันข้อเท็จจริงสนุก ๆ เกี่ยวกับ “โลกพ่อมด” ที่เราค้นพบในนั้น นอกจากนี้เรายังชอบที่จะเชื้อเชิญไปยังจักรวาลคู่ขนานที่นักแสดงคนอื่น ๆ เกือบจะได้เล่นเป็นพ่อมดชื่อดังที่สุดโลกและได้รับบทจริง ๆ ในเรื่อง อีกทั้งอย่าลืมตรวจดูโบนัสท้ายบทความด้วยนะ !

1. เอียน แมคเคลเลน — อัลบัส ดัมเบิลดอร์

เซอร์ เอียน แมคเคลเลน (Sir Ian McKellen) ผู้โด่งดังมาจากผลงานการแสดงอันน่าทึ่งของเขาในหนังเรื่อง อภินิหารแหวนครองพิภพ (The Lord of the Rings) และรหัสลับระทึกโลก (The Da Vinci Code) ตลอดจนในหนังหลายเรื่อง ๆ ได้ถูกขอให้มารับบทเป็นพ่อมดชื่อดังอัลบัส ดัมเบิลดอร์ (Albus Dumbledore) หลังจากที่นักแสดงริชาร์ด แฮร์ริส (Richard Harris) ที่เล่นเป็นดัมเบิลดอร์คนก่อนในตอนนั้นได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 2002 แต่แมคเคลเลนต้องเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลังจากนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจปฏิเสธโอกาสนี้ไป

ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อย้อนกลับไปในสมัยที่ริชาร์ด แฮร์ริสได้กล่าวว่าแม้ว่าเขาจะพบว่าแมคเคลเลนเป็นนักแสดงที่เก่งในด้านเทคนิค แต่เขาก็ขาดความหลงใหลในการแสดง ดังนั้นแมคเคลเลนจึงต้องตัดสินใจว่าเขาจะรับเล่นบทของผู้ชายที่ไม่เห็นด้วยกับการเป็นนักแสดงของเขาหรือไม่ ซึ่งเราทุกคนก็รู้ว่าเรื่องราวจบลงอย่างไร คือแมคเคลเลนได้ปฏิเสธ โดยบอกว่าเขา “ไม่สามารถรับบทต่อจากนักแสดงที่ไม่เห็นด้วยกับผมได้” ในขณะที่เราทุกคนคิดว่าเขาน่าจะได้เล่นเป็นดัมเบิลดอร์ที่น่าทึ่ง แต่ทว่าไมเคิล แกมบอน (Michael Gambon) คือผู้ที่ได้รับบทนี้ไปในที่สุด

2. เซอร์ช่า โรนัน — ลูน่า เลิฟกู๊ด

นักแสดงสาวเซียร์ช่า โรนัน (Saoirse Ronan) ได้รับความนิยมหลังจากที่เธอปรากฏตัวในหนังเรื่องสัมผัสแค้นจากสวรรค์ (The Lovely Bones) และสี่ดรุณี (Little Women) แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเธอได้คัดเลือกให้รับบทเป็นลูน่า เลิฟกู๊ด (Luna Lovegood) ในนิยายเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้รับบทนี้ ซึ่งสุดท้ายแล้วอีวานน่า ลินช์ (Evanna Lynch) ก็ได้รับบทนี้ไป เพราะเธอถูกเลือกโดยเฉพาะจากเจ. เค. โรว์ลิ่ง (J.K. Rowling) ผู้สร้างนิยาย โดยเธอกล่าวว่าลินช์คือคนที่เหมาะที่จะเล่นเป็นตัวละครตัวนี้

อย่างไรก็ตามเซียร์ช่ายอมรับว่าเธอรู้สึกผิดหวังเมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้ถูกเลือก ในระหว่างการให้สัมภาษณ์เธอกล่าวว่าตัวเธอ “ยังเด็กเกินไป แต่ตอนนั้นฉันคิดว่า ’ฉันชอบที่จะอยู่ในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์’’ เมื่อฉันยังเด็ก ฉันเคยคิดว่าพวกเขามีงานที่ดีที่สุดในโลก” แล้วทุกวันนี้ จากการถูกเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์มากกว่า 3 ครั้งจากผลงานการแสดงของเธอ เราก็ต่างสงสัยว่าตัวละครลูน่าที่เล่นโดยเซียร์ช่าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และบรรยากาศที่เธอจะมอบให้กับแฟรนไชส์หนังทั้งเรื่องจะเป็นแบบไหนกันนะ

3. เลียม ไอเคน — แฮร์รี่ พอตเตอร์

ในตอนแรกเลียม ไอเคน (Liam Aiken) นักแสดงจากนิยายเรื่องเลโมนี สนิกเก็ต อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย (A Series of Unfortunate Events) ควรจะได้แสดงในบทแฮร์รี่ พอตเตอร์บนจอหนัง แต่ทว่าเจ.เค. โรว์ลิ่งได้เปล่งเสียงของเธออีกครั้ง และนั่นก็ได้เปลี่ยนทุกอย่าง โดยนักเขียนสาวต้องการให้นักแสดงทั้งเรื่องเป็นนักแสดงชาวอังกฤษเท่านั้น แล้วสิ่งนี้เองที่ทำให้หนุ่มไอเคนหลุดออกไปในทันที และได้เป็นการเปิดประตูให้กับนักแสดงชาวอังกฤษแดเนียล แรดคลิฟฟ์ (Daniel Radcliff) เข้ามารับบทที่ได้กำหนดเส้นทางอาชีพของเขาเมื่อมีอายุได้เพียง 11 ขวบ

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์อังกฤษเดอะ การ์เดี้ยน (The Guardian) เจ.เค. โรว์ลิ่งถึงขั้นโทรไปหาคริส โคลัมบัส (Chris Columbus) โปรดิวเซอร์ที่รับผิดชอบในการดัดแปลงหนังสือของเธอให้เข้ากับบทภาพยนตร์ เพื่อให้แน่ใจว่าไอเคนจะไม่ได้บทนั้น โดยเชื่อกันว่าเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของโรว์ลิ่งก็คือการทำให้แน่ใจว่าหนังยังคงไว้ซึ่งความซื่อสัตย์ต่อหนังสือของเธอ ซึ่งควรจะเป็นภาษาอังกฤษไม่ว่าจะแง่มุมไหนก็ตาม แล้วก็ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าไอเคนจะถ่ายทอดผลงานการแสดงได้ดีกว่าแรดคลิฟฟ์ที่ทำผลงานเอาไว้ได้ดีในทุกกรณีหรือไม่

4. โรบิ้น วิลเลียมส์ — รูเบอัส แฮกริด

เป็นอีกครั้งที่เจ.เค. โรว์ลิ่งยืนกรานอย่างหนักแน่นที่จะไม่ยอมให้หนังพ่อมดสุดโด่งดังคัดเลือกนักแสดงชาวอเมริกันมารับบท... เนื่องจากตัวเธอเองเป็นชาวอังกฤษ เธอจึงกดดันทีมผู้ผลิตอย่างมากเพื่อให้ได้สิ่งที่เธอต้องการ แล้วในท้ายที่สุดเธอก็ได้ตามที่หวัง คือสุดท้ายแล้วนักแสดงทุกคนล้วนเป็นคนอังกฤษ ซึ่งจริง ๆ แล้วสิ่งนี้ได้ให้ความรู้สึกที่พิเศษต่อหนัง ดังนั้นนอกจากเลียม ไอเคนแล้ว โรบิ้น วิลเลียมส์ (Robin Williams) ก็ถูกเลือกให้มารับบทเป็นรูเบอัส แฮกริด (Rubeus Hagrid) แต่ก็ถูกคัดค้านให้ออกจากนิยายเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แล้วในที่สุดตัวละครขวัญใจนี้ก็ถูกแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมโดยร็อบบี้ โคลเทรน (Robbie Coltrane) แต่เราก็มั่นใจว่าวิลเลียมส์จะทำได้ดีมากเหมือนกับที่โคลเทรนทำเช่นกัน !

5. เฮเลน แมคครอรี่ — เบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์

เบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ (Bellatrix Lestrange) แม่มดผู้ยิ่งใหญ่และน่ากลัวเดิมทีจะถูกแสดงโดยเฮเลน แมคครอรี่ (Helen McCrory) ซึ่งไม่มีเสียงคัดค้านจากเจ.เค. โรว์ลิ่ง เนื่องจากแมคครอรี่เป็นชาวอังกฤษ แต่ทว่าในช่วงที่ถ่ายทำหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์ นักแสดงสาวจากซีรีส์ดราม่าทางช่องเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) เรื่องพีกี้ ไบลน์เดอร์ส (Peaky Blinders) รายนี้ก็เกิดตั้งครรภ์ ดังนั้นคงไม่มีเหตุผลใดที่จะดีไปกว่าการยกเลิกรับบทเป็นตัวละครที่น่าทึ่งนี้ไป แล้วในที่สุดเฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ (Helena Bonham Carter) ก็ได้เข้ามาแทนที่แมคครอรี่ และเธอก็ได้ถ่ายทอดหนึ่งในการแสดงที่ดีที่สุดของนิยายเรื่องนี้ ถึงอย่างนั้นแมคครอรี่ก็ไม่ได้ให้คำตอบสุดท้ายในเรื่องนี้ ซึ่งก็นับว่าโชคดีสำหรับเรา เพราะเธอสามารถกลับมารับบทในหนังสามภาคสุดท้ายได้ แต่คราวนี้เป็นตัวละครนาร์ซิสซ่า มัลฟอย (Narcissa Malfoy)

6. เฮนรี่ คาวิลล์ — เซดริก ดิกกอรี่

ก่อนที่คาวิลล์ (Cavill) จะได้ฝันถึงการเป็นซูเปอร์แมน (Superman) ผู้โด่งดังที่ชนะใจผู้ชมหลายพันคนทั่วโลก สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้ดูสดใสสำหรับเขานัก อันที่จริงแล้วคาวิลล์ได้ทำบทหลุดมือไปให้กับโรเบิร์ต แพตตินสัน (Robert Pattinson) ที่ไม่เพียงแค่บทเดียวเท่านั้น แต่ถึง 2 บทด้วยกัน โดยบทแรกอาจไม่ค่อยมีคนรู้กัน เขาได้พยายามที่จะเข้าไปอยู่ในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี (Harry Potter and the Goblet of Fire) ด้วยการออดิชั่นเพื่อเล่นเป็นเซดริก ดิกกอรี่ (Cedric Diggory) ส่วนบทที่สองที่เขาเสียให้กับแพตตินสันก็เป็นเรื่องที่คนรู้จักกันดี โดยคาวิลล์เกือบได้รับบทเป็นเอ็ดเวิร์ด คัลเลน (Edward Cullen) พระเอกในเรื่องแวมไพร์ ทไวไลท์ (Twilight)

อันที่จริงแล้วในบทหลัง เขาถึงขั้นเป็นตัวเลือกคนแรกของนักเขียนสเตฟานี่ เมเยอร์ (Stephenie Meyer) ผู้สร้าง “จักรวาลคัลเลน (Cullen)” แต่ทว่าอย่างที่คุณรู้กันทั้งสองบทก็ตกไปเป็นของแพตตินสันในที่สุด ซึ่งคาวิลล์คิดง่าย ๆ ว่าการปฏิเสธนั้นเป็น “สิ่งที่ดี” ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสมและไม่มีเหตุผลที่จะต้องเร่งรีบอะไร

7. แฮตตี้ โจนส์ — เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์

สำหรับบทเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ (Hermione Granger) แล้ว โปรดิวเซอร์มีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการตัดสินใจเลือกระหว่างนักแสดงสาว 2 คนที่มีความเหมาะสมพอ ๆ กันที่จะมารับบทเป็นแม่มดสุดฉลาดของฮอกวอตส์ ซึ่งก็คือแฮตตี้ โจนส์ (Hatty Jones) นักแสดงจากหนังเรื่องยาวเรื่องเมเดไลน์ (Madeline) กับเอ็มม่า วัตสัน (Emma Watson) ซึ่งในตอนนั้นเธอยังเป็นนักแสดงที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ที่น่าสนใจก็คือการตัดสินใจได้ขึ้นอยู่กับความประทับใจของเจเน็ต เฮอร์เชนสัน (Janet Hirshenson) ผู้กำกับการแสดงที่มีต่อเอ็มม่า โดยเฮอร์เชนสันเชื่อว่าเด็กสาวจะนำด้านที่ “จืดชืด” ที่จำเป็นมาสู่เนื้อเรื่องทั้งหมดได้ แล้วในท้ายที่สุดดูเหมือนว่าเธอก็ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะวัตสันสามารถขโมยหัวใจและจิตวิญญาณของผู้ชมด้วยฝีมือการแสดงและความเป็นธรรมชาติที่เอาใจใส่ของเธอไปได้

“ดาราคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น” เฮอร์เชนสันได้กล่าวไว้ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ แล้วการตัดสินใจของเฮอร์เชนสัน นั้นถือว่าแม่นยำมาก เพราะจนทุกวันนี้จินตนาการไม่ออกเลยว่าจะมีนักแสดงคนอื่น ๆ มาเล่นเป็นเฮอร์ไมโอนี่ได้

8. เจมี่ แคมป์เบล โบเวอร์ — ทอม ริดเดิ้ล (ลอร์ดโวลเดอมอร์ในวัยหนุ่ม)

นักแสดงหนุ่มเจมี่ แคมป์เบล โบเวอร์ (Jamie Campbell Bower) น่าจะเป็นแฟนตัวยงของพ่อมดมากที่สุด เพราะดาราหนุ่มขวัญใจคนนี้ไม่เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งของนักแสดงในเรื่องแวมไพร์ ทไวไลท์เท่านั้น แต่เขายังแสดงในเรื่องนครรัตติกาล: เมืองกระดูก (The Mortal Instruments: City of Bones) ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าตอนนั้นเขารู้เพียงเล็กน้อยว่าเขาจะได้ปรากฏตัวอยู่ในหนังเรื่องอื่นที่สร้างมาจากผลงานเขียนของเจ. เค. โรว์ลิ่ง อย่างเรื่องสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ (Fantastic Beasts and Where to Find Them) หนังแฟรนไชส์ที่เป็นหนังภาคแยกสำหรับโลกของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาได้เล่นเป็นกรินเดลวัลด์ (Grindelwald) ทั้งในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1 (Harry Potter and the Deathly Hallows — Part 1) กับเรื่องสัตว์มหัศจรรย์: อาชญากรรมของกรินเดลวัลด์ (Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald)

แล้วที่เราพูดถึงนี้ก็เป็นเพราะว่าเราต้องการชี้แจงเรื่องบางอย่างที่หลายคนยังไม่รู้ คือก่อนที่เจมี่ แคมป์เบล โบเวอร์จะมารับบทนั้น เขาได้ออดิชั่นเพื่อเล่นเป็นทอม ริดเดิ้ล (Tom Riddle) หรือลอร์ดโวลเดอมอร์ (Lord Voldemort) ในเวอร์ชั่นหนุ่มในหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคที่หก แล้วก็ไม่เพียงเท่านั้น เขายังถึงขั้นมีชื่อขึ้นแสดงอยู่ในนิตยสารทีน โว้ก (Teen Vogue) อีกด้วย แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ถูกเลือกให้เล่นบทนี้ แล้วเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการปฏิเสธของเขาก็ยังคงไม่เป็นที่ชัดเจน แล้วก็อย่างที่คุณรู้กัน บทนี้ได้ตกไปอยู่ในมือของแฟรงค์ ดิลเลน (Frank Dillane)

9. เอ็ดดี้ เรดเมย์น — ทอม ริดเดิ้ล เวอร์ชั่นอื่น (ลอร์ดโวลเดอมอร์ตอนเป็นวัยรุ่น)

เจมี่ แคมป์เบล โบเวอร์ไม่ใช่นักแสดงเพียงคนเดียวที่สนใจเล่นเป็นลอร์ดโวลเดอมอร์เวอร์ชั่นหนุ่ม หรือที่รู้จักในชื่อทอม ริดเดิ้ล ผู้เป็นศัตรูตัวฉกาจของแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่แล้วเอ็ดดี้ เรดเมย์น (Eddie Redmayne) ก็เหมือนกับหนุ่มแคมป์เบลล์ โบเวอร์ คือเขาไม่ได้รับบทเป็นจอมวายร้ายสุดยิ่งใหญ่ได้ แต่ความอดทนของเขาก็ได้รับการตอบแทนเช่นกัน เพราะเขาได้รับเลือกให้แสดงในหนังแฟรนไชส์เรื่องสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ซึ่งครั้งนี้เป็นหนังภาคหลักในบทของนิวท์ สคามันเดอร์ (Newt Scamander)

ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ เอ็ดดี้ได้เผยว่าแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับเสียงตอบรับใด ๆ หลังจากการออดิชั่น แต่ตลอดหลายปีผ่านไปเขาก็ยังคงมีแสงแห่งความหวังที่ส่องประกายอยู่ที่ไหนสักแห่งในจิตวิญญาณของเขา อย่างน้อยเขาก็น่าจะได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัววีสลีย์ (Weasley) ซึ่งแน่นอนว่าอย่างที่เรารู้ ๆ กันว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา แต่โชคดีที่นักแสดงหนุ่มมากฝีมือคนนี้ได้แสดงบทบาทของเขาในจักรวาลหนังที่สร้างมาจากเจ. เค. โรว์ลิ่ง และเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งท้ายที่สุดแล้วคริสเตียน โคลสัน (Christian Coulson) คือผู้ที่ได้เล่นเป็นทอม ริดเดิ้ลในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ (Harry Potter and the Chamber of Secrets)

10. ทิลด้า สวินตัน — ซีบิล ทรีลอว์นีย์

เอ็มม่า ทอมป์สัน (Emma Thompson) เจ้าของรางวัลออสการ์ได้รับบทเป็นศาสตราจารย์ซีบิล ทรีลอว์นีย์ (Professor Sybill Trelawney) แต่ทว่าก่อนที่ข้อตกลงระหว่างโปรดิวเซอร์และทอมป์สันจะเรียบร้อย ตัวละครนี้ถูกเสนอให้กับเพื่อนผู้ชนะรางวัลรูปปั้นทองคำอย่างทิลด้า สวินตัน (Tilda Swinton) เป็นคนแรก ซึ่งเธอได้ปฏิเสธข้อเสนอนี้ไป ในขณะที่การตัดสินใจของเธออาจฟังดูแปลก ๆ เมื่อมองย้อนกลับไป สวินตันได้อธิบายในการให้สัมภาษณ์โดยอ้างถึงเรื่องราวชีวิตในโรงเรียนประจำที่ทำให้ดูโลกสวย และเธอไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนั้น

“ฉันคิดว่านี่เป็นสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายมากที่เด็ก ๆ ต้องเติบโตขึ้นมา และฉันไม่คิดว่ามันเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาของพวกเขา” เราไม่แน่ใจทั้งหมดว่าสวินตันคิดถูกหรือไม่ที่ปฏิเสธบทนี้ไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนเห็นด้วยก็คือเอ็มม่า ทอมป์สันนั้นเหมาะสำหรับบทนี้ไม่ต่างจากสวินตัน หากเธอจะตัดสินใจเข้าร่วมแสดง

11. เจสัน ไอแซคส์ — กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต

เจสัน ไอแซคส์ (Jason Isaacs) ที่รู้จักกันในปัจจุบันว่าเล่นเป็นลูเซียส มัลฟอย (Lucius Malfoy) ในตอนแรกเขาต้องการเล่นบทที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง นั่นก็คือบทกิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต (Gilderoy Lockhart) พ่อมดเลือดผสม แต่ทว่าโปรดิวเซอร์รู้สึกว่าไอแซคส์น่าจะเหมาะกับบทพ่อของเดรโก มัลฟอย (Draco Malfoy) และเป็นหนึ่งในศัตรูตัวฉกาจที่พอตเตอร์ต้องรับมือตลอดทั้งเรื่อง แล้วที่น่าตลกก็คือนักแสดงหนุ่มมีกำหนดจะรับบทเป็นกัปตันฮุค (Captain Hook) ในเรื่องปีเตอร์ แพน (Peter Pan) ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเชื่อมโยงภาพลักษณ์ 2 วายร้ายของเด็ก ๆ เข้าด้วยกัน นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาปฏิเสธบทนี้ไปตั้งแต่แรก

โชคดีสำหรับเราและติ่งแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพราะครอบครัวของไอแซคส์เข้ามาโน้มน้าวให้เขาเล่นเป็นพ่อมดที่ขึ้นชื่อเรื่องผมสีบลอนด์ที่ยาวสลวยนี้ โดยเขากล่าวว่า “ในช่วงสุดสัปดาห์ ทุกคนที่รู้จักผมโทรหาผม ทั้งหลานสาว หลานชาย ลูกทูนหัว และพ่อแม่ของพวกเขา” และกล่าวเสริมด้วยเสียงหัวเราะว่า “พวกเขาทั้งหมดพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมรับงานนี้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาห่วงใยผมหรอก แต่เพราะพวกเขาอยากไปเยี่ยมผมที่กองถ่าย !”

12. เคท วินสเล็ต — เฮเลน่า เรเวนคลอ

เมื่อหนังสุดโด่งดังเรื่องหนึ่งกำลังจะจบลง โปรดิวเซอร์คิดว่าพวกเขาต้องหาวิธีอำลาที่ยอดเยี่ยม โดยพวกเขาต้องการให้ทุกรายละเอียดสมบูรณ์แบบและรวมไปถึงการหานักแสดงสาวที่สามารถนำความยิ่งใหญ่มาให้กับตัวละครเฮเลน่า เรเวนคลอ (Helena Ravenclaw) ซึ่งเป็นตัวละครที่มีส่วนร่วมในการเล่าเรื่องสั้น ๆ แต่มีความสำคัญมากที่สุด โดยชื่อที่อยู่บนสุดของรายการตัวเลือกก็คือ เคท วินสเล็ต (Kate Winslet) แต่น่าเสียดายที่ตัวแทนของเธอปฏิเสธบทก่อนที่จะตรวจดูว่าเธอสนใจที่จะมีส่วนร่วมในโปรเจกต์หรือไม่ แล้วนั่นก็ทำให้บทสุภาพสตรีสีเทา (Grey Lady) ถูกเล่นโดยเคลลี่ แมคโดนัลด์ (Kelly Macdonald) ที่ยอดเยี่ยมพอ ๆ กันในที่สุด

13. โธมัส โบรดี้-แซงสเตอร์ — รอน วีสลีย์

โธมัส โบรดี้-แซงสเตอร์ (Thomas Brodie-Sangster) เปิดเผยว่าเขาอยากที่จะเล่นเป็นรอน วีสลีย์ (Ron Weasley) ในหนัง แล้วก็ไม่เพียงแค่นั้น แต่จริง ๆ แล้วเขาได้ลองทำและลงเอยด้วยการเสียโอกาสนั้นให้กับรูเพิร์ต กรินต์ (Rupert Grint) หนุ่มน้อยผมแดงที่ตอนนี้เป็นที่รู้จักในหมู่แฟน ๆ ของนิยายเรื่องนี้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามแม้จะไม่ผ่านการทดสอบ นักแสดงหนุ่มจากเรื่องแนนนี่ แมคฟี่ พี่เลี้ยงมะลึกกึ๊กกึ๋ย (Nanny McPhee) ยังกล่าวด้วยว่าประสบการณ์ที่ “ยาก” ครั้งแรกในการถูกปฏิเสธในวงการบันเทิง “ทำให้เขาสามารถรักษาทัศนคติ ’มองโลกในแง่ดี’ ไว้ได้ในระหว่างกระบวนการออดิชั่นสำหรับบทในอนาคต” ดังคำกล่าวที่ว่า “ท่ามกลางความเลวร้ายย่อมมีสิ่งดี ๆ เสมอ”

14. ทอม เฟลตัน — รอน วีสลีย์และแฮร์รี่ พอตเตอร์

คุณอาจพบว่าสิ่งนี้ยากที่จะเชื่อ แต่มันคือเรื่องจริง โดยก่อนที่ทอม เฟลตัน (Tom Felton) จะกลายมาเป็นเดรโก มัลฟอย (Draco Malfoy) จอมเกเร เขาได้ออดิชั่นเพื่อเล่นเป็นรอน วีสลีย์ หรือแม้กระทั่งแฮร์รี่ พอตเตอร์ แม้จะไม่ได้ถูกเลือกให้แสดงทั้งสองบท แต่นักแสดงหนุ่มอ้างว่าไม่เคยมีความอิจฉาหรือการแข่งขันกันเบื้องหลังระหว่างตัวเขากับแรดคลิฟฟ์หรือกรินต์ แต่กลับตรงกันข้าม เพราะเขารู้สึกขอบคุณที่มีโอกาสได้ร่วมแสดงในหนัง เขาได้กล่าวว่า “ผมรู้สึกซาบซึ้งมากกว่าที่ได้รับบทเป็นเดรโก มีความรู้สึกดีที่ได้อยู่ในทีม” และดูเหมือนว่าตัวเลือกนี้จะเหมาะจริง ๆ อย่างที่เฟลตันพูดถึง เพราะนั่นทำให้นักแสดงแต่ละคนได้กลายเป็นตำนานที่มีชีวิตในบทที่ตนเองได้แสดง

โบนัส: ผู้สร้างจักรวาลแฮร์รี่ พอตเตอร์ นักเขียนเจ. เค. โรว์ลิ่งได้ถูกโปรดิวเซอร์ขอให้เล่นเป็นลิลลี่ แม่ของเด็กชายผู้รอดชีวิต

ไม่มีประเด็นใดที่จะปฏิเสธได้ว่าเจ.เค.โรว์ลิ่ง กับเจอรัลดีน ซอมเมอร์วิลล์ (Geraldine Somerville) มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมโปรดิวเซอร์ของนิยายเรื่องนี้ถึงต้องการให้ผู้เขียนรับบทเป็นลิลลี่ พอตเตอร์ (Lily Potter) ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ (Harry Potter and the Philosopher’s Stone) เนื่องจากเธอเหมาะสมกับ “ภาพโครงร่าง” มาก ๆ แต่ทว่าโรว์ลิ่งได้ปฏิเสธคำเชิญอย่างสุภาพ “คนทำหนังขอให้ฉันเล่นเป็นลิลลี่ พอตเตอร์ในหนังภาคแรก แต่ฉันไม่เหมาะที่จะเป็นนักแสดงมาก ๆ แม้กระทั่งเล่นเป็นคนที่ต้องยืนอยู่ตรงนั้นและโบกมือ ฉันคงทำมันพังไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งล่ะ” ยากที่จะเชื่อว่าบางทีเราเกือบมีโอกาสได้เห็นเจ. เค. โรว์ลิ่งอยู่ในหนัง แต่มันคือเรื่องจริง แล้วเราก็คิดว่าเธอจะทำมันได้อย่างยอดเยี่ยม !

คนส่วนใหญ่คิดว่าโปรดิวเซอร์ได้ตัดสินใจเลือกนักแสดงสำหรับหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้อย่างถูกต้องไปเลย แล้วคุณล่ะ เห็นด้วยมั้ย หรือมีคนที่คุณคิดว่าจะทำได้ดีกว่านี้ ? แล้วมีใครที่คุณอยากเห็นเขามาร่ายมนตร์อยู่บนจอหนังกันบ้างนะ ?

ชีวิตสดใส/ภาพยนตร์/นักแสดงกว่า 14 คนที่เกือบจะได้เล่นเป็นตัวละครหลักใน “แฮร์รี่ พอตเตอร์”
แชร์บทความนี้