12 คนดังที่ไม่คิดแบ่งทรัพย์สินหลายล้านเอาไว้ให้ลูก ๆ ของพวกเขา
บางครั้งคนที่เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยและมีเชื่อเสียงก็อาจจะมีชีวิตที่ยากลำบากกว่าคนที่มีพ่อแม่เป็นคนธรรมดาก็ได้ คน ๆ หนึ่งจะเข้าใจได้อย่างไรว่าเขาประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง หรือว่าเป็นเพราะชื่อเสียงของครอบครัวของเขาที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการที่จะเลี่ยงสถานการณ์หนีเสือปะจระเข้นี้ นิโคลาส เคจ (Nicolas Cage) ถึงขั้นเปลี่ยนนามสกุลเดิมของเขา คอปโปลา (Coppola) เพื่อประสบความสำเร็จด้วยตัวเขาเอง
บางทีพ่อแม่ที่มีชื่อเสียงก็ไม่ส่งต่อทรัพย์สินให้ลูก ๆ เพื่อให้พวกเขาได้พยายามประสบความสำเร็จด้วยตัวเองอีกด้วย ที่ชีวิตสดใส เราพบ 12 ตัวอย่างของคนเหล่านี้และอยากจะเอามาเล่าให้คุณฟัง และในส่วนโบนัส เรายังจะบอกคุณถึงเรื่องของทายาทสาวคนหนึ่งที่พ่อของเธอไม่ได้ให้มรดกเอาไว้เลย แต่ญาติ ๆ ของเธอก็ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและชดเชยให้กับเธอในที่สุด
มาร์ลอน แบรนโด
นักแสดงท่านนี้มีลูกทั้งหมด 11 คนที่เขาจะสามารถแบ่งสมบัติให้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม แม้แต่ในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ เขาได้กันคนสองคนออกจากพินัยกรรมของเขา ซึ่งก็คือลูกเลี้ยงที่ชื่อเพตรา (Petra) ซึ่งเรารับเลี้ยงตั้งแต่อายุ 14 และหลานชายของลูกสาวที่เสียชีวิตไปแล้วของเขา ที่ชื่อเชเยนน์ (Cheyenne)
สาเหตุอย่างเป็นทางการของเขาไม่เคยถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่มีความเห็นว่าการตัดสินใจเรื่องเพตรานั้นเกิดขึ้นเพราะแม่ของเธอฟ้องเอาเงินจากแบรนโด (Brando) ส่วนเหตุผลว่าทำไมนักแสดงดีกรีออสการ์คนนี้ถึงลงโทษหลานชายเขานั้นก็ไม่มีใครรู้ได้เหมือนกัน
แดเนียล เครก
นักแสดงเจ้าของบทบาทสายลับ 007 คนนี้เป็นคนร่ำรวย เห็นได้จากการประมาณรายได้แล้ว เขามีทรัพย์สินประมาณ 5167 ล้านบาท (160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งส่วนใหญ่เครก (Craig) ได้มาจากการรับบทเจมส์ บอนด์ (James Bond) แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ลูกสาวสองคนของเขาดูเหมือนจะไม่ได้เงินจากตรงนี้ไปเลย
เพราะมาจากครอบครัวที่ยากจน (พ่อของเครกเป็นกะลาสีเรือ และแม่เขาเป็นครูสอนศิลปะ) เขาเชื่อว่าคน ๆ หนึ่งจะต้องใช้ความพยายามในการหาเลี้ยงชีพตัวเอง นักแสดงคนนี้บอกว่าแนวคิดเรื่อง “การส่งต่อมรดก” ค่อนข้างเป็นเรื่องไม่น่าพอใจ ตามปรัชญาของเขาแล้ว คน ๆ หนึ่งควรจะใช้เงินที่พวกเขามีในชีวิตนี้ให้หมดเลย
ฌอน คอนเนอรี
ตั้งแต่ปี 2020 เมื่อฌอน คอนเนอรี (Sean Connery) ได้เสียชีวิตไป โลกเอาแต่เฝ้าคอยว่าพินัยกรรมของนักแสดงท่านนี้จะถูกประกาศเมื่อไร เพื่อจะได้รู้ว่าลูกชายเขาได้อะไรบ้าง แม้แต่ในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ คอนเนอรีก็พูดซ้ำ ๆ ว่าเขาจะไม่ให้มรดกแก่ลูกของเขาเพื่อสอนบทเรียนให้กับลูกชาย “เขาไม่รู้ว่าความลำบากเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่สายเกินไปที่เขาจะเรียนรู้ชีวิตหรอกนะ”
ในปี 2007 นักแสดงบอกกับสื่อว่าเขาอยากจะให้ลูกชายวัย 45 ปีของเขา “หาเลี้ยงชีวิตด้วยตนเอง ไม่ใช่ด้วยสมบัติของพ่อ”
เคิร์ก ดักลาส
แม้แต่ในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ นักแสดงคนนี้ก็อุทิศเวลาส่วนใหญ่ของเขาให้กับการช่วยคนที่ขาดแคลน เขาและภรรยาก่อตั้งองค์กรที่มีเป้าหมายในการ “ช่วยคนที่ช่วยตัวเองไม่ได้” ขึ้นมา จึงไม่น่าประหลาดใจเลยที่เขาจะเน้นย้ำในพินัยกรรมว่าเงินของเขาจะต้องไปสู่การกุศลทั้งหมด
แอนดรูว์ ลอยด์ เวบเบอร์
นักแต่งเพลงและผู้เขียนบทละครเพลง ปีศาจแห่งโรงอุปรากร (The Phantom of the Opera), แคทส์ (Cats) และละครเพลงอีกหลาย ๆ เรื่องท่านนี้ มีรายได้มากกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท (1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ในตลอดชีวิตการทำงานของเขา แต่ถึงอย่างนั้น ลูก ๆ ทั้ง 5 คนของเขาจะไม่มีทางได้เห็นเงินเป็นฟ่อน ๆ แน่นอน เพราะเวบเบอร์ (Webber) เชื่อว่าทุกคนควรจะหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเอง
“มันเป็นเรื่องของการมีจริยธรรมในการทำงาน ผมไม่เชื่อในเรื่องการได้รับมรดกเลย ผมไม่สนับสนุนให้ลูก ๆ ได้เงินไปง่าย ๆ ทีละเยอะ ๆ เพราะเดี๋ยวพวกเขาจะไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน” นักแต่งเพลงท่านนี้ได้กล่าวไว้
50 เซนต์
ความไม่ลงรอยกันระหว่างแร็ปเปอร์ 50 เซนต์ (50 Cent) กับลูกชายของเขา มาร์ควิส (Marquise) เป็นเรื่องที่สื่อเอามาพูดคุยกันมานานมากแล้ว ความจริงก็คือชายคนนี้กับลูกชายวัยรุ่นของเขามักจะหาทางออกให้ความสัมพันธ์ที่ยากลำบากของพวกเขาด้วยการคุยกันผ่านข้อความออนไลน์ ดังนั้นแล้ว แร็ปเปอร์ท่านนี้ก็เลยขู่ออกสื่อว่าเขาจะตัดลูกออกจากกองมรดก
ไซมอน โคเวลล์
เจ้าพ่อวงการดนตรีที่เป็นผู้ผลิตรายการอย่าง เดอะ เอ็กซ์ แฟคเตอร์ (The X Factor), อเมริกัน ไอดอล (American Idol) และ อเมริกา ก็อตทาเลนต์ (America’s Got Talent) ก็ไม่ได้วางแผนจะยกมรดกให้ลูก ๆ ของเขาเช่นเดียวกัน จากคำบอกเล่าของเขา เขาเห็นว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่คน ๆ หนึ่งจะให้กับลูก ๆ ได้ก็คือเวลาและโอกาสที่จะสอนสิ่งที่เขารู้ให้กับลูก ๆ
โปรดิวเซอร์คนนี้ไม่เชื่อในเรื่องการยกทรัพย์สมบัติให้ลูกเลย โคเวลล์ (Cowell) กล่าวว่าเขายินดีบริจาคเงินเหล่านี้เข้าการกุศลที่จะเอาไปช่วยเด็ก ๆ หรือเจ้าตูบดีกว่า
แอนเดอร์สัน คูเปอร์
นักข่าวโทรทัศน์ชาวอเมริกันผู้มีชื่อเสียงคนนี้จะไม่ให้มรดกกับลูกของเขาเลย เขาพูดถึงเรื่องนี้ไว้เมื่อเร็ว ๆ นี้ในรายการวิทยุ โดยเขายึดคำสอนของพ่อแม่ของเขาเองเป็นหลัก ทั้งคู่จ่ายแค่ค่าเล่าเรียนระดับมหาวิทยาลัยให้เขาเท่านั้น โดยนักข่าวท่านนี้ยังกล่าวว่าคน ๆ หนึ่งควรจะได้มาซึ่งสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตด้วยตัวของตัวเอง
ลอรีน พาวเวลล์ จ็อบส์
ภรรยาของสตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิลที่ล่วงลับไปแล้วนามว่าลอรีน (Laurene) ยังคงทำสิ่งที่สามีของเธอทำอยู่ต่อไป ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้วางแผนที่จะให้มรดกแก่ลูก ๆ ของเธอเหมือนกับที่สามีของเธอก็ต้องการเช่นนั้น กลับกัน เป้าหมายของเธอคือการ “กระจายทรัพยากรที่มีออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ” แทน
นักธุรกิจหญิงท่านนี้ลงทุนในบริษัทที่สามารถเปลี่ยนโลกได้เป็นจำนวนเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2015 เธอได้เปิดตัวโครงการที่จะช่วยให้นักศึกษาที่มีรายได้ต่ำสามารถจ่ายเงินค่าเรียนมหาวิทยาลัยได้ เป็นต้น
โจน ครอว์ฟอร์ด
ดาวเด่นแห่งฮอลลีวูดยุคเก่า โจน ครอว์ฟอร์ด (Joan Crawford) เป็นคุณแม่ที่รับเลี้ยงลูกบุญธรรมถึง 4 คน เมื่อนักแสดงหญิงท่านนี้เสียชีวิตลง กลายเป็นว่าลูก ๆ ที่โตแล้วของเธอไม่ได้เงินเลยสักบาทเดียว ทรัพย์สินของครอว์ฟอร์ดทั้งหมดของเธอตกเป็นของฝาแฝดที่อายุน้อยกว่า นี่นำไปสู่การเป็นคดีความกัน และสุดท้ายผลก็ออกมาว่าลูกบุญธรรมที่อายุมากกว่าได้รับความยุติธรรมไปในที่สุด
เดวิด แคสสิดี้
ตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการที่พ่อแม่สามารถรักลูกคนหนึ่งมากกว่าลูกอีกคน เห็นได้จากกรณีของนักแสดงเดวิด แคสสิดี้ (David Cassidy) ในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งของเขา เขาบอกว่าเขาไม่คิดว่าตัวเองเป็นพ่อของลูกสาวชื่อเคที่ แคสสิดี้ (Katie Cassidy) (ซึ่งคุณคงเคยเห็นเธอในซีรีส์ Gossip Girl) เพราะเขาไม่ได้เลี้ยงดูเธอ
แต่แคสสิดี้เรียกลูกชายของเขาซึ่งเติบโตมากับเขาว่าเป็นหนึ่งในคนที่ดีที่สุดที่เขาเคยรู้จัก เมื่อนักแสดงถึงแก่กรรม ปรากฏว่าเขาไม่ได้ทิ้งเงินให้ลูกสาวสักบาทเดียว และทรัพย์สินทั้งหมดก็ถูกส่งต่อให้ลูกชายของเขา
ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมน
พินัยกรรมของนักแสดงมือรางวัลออสการ์คนนี้ใส่ชื่อคนแค่คนเดียวที่จะได้รับทรัพย์สินทั้งหมดของเขา (ซึ่งมีจำนวนมากถึง 1,100 ล้านบาท (35 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ)) และนั่นก็คือคนรักของเขา มาเรียนน์ โอดอนเนล (Marianne O’Donnell) ซึ่งเป็นนักออกแบบเครื่องแต่งกาย ฟิลลิป (Philip) มีลูกกับเธอสามคน และนักแสดงคนนี้ก็ไม่ได้วางแผนที่จะทิ้งเงินไว้ให้ลูก ๆ ของพวกเขาเลย นักบัญชีของเขากล่าวว่า เขาไม่อยากให้ทายาทของพวกเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกคนรวยที่มีพ่อแม่คอยหนุนหลังทางการเงินให้อยู่ตลอดเวลา
โบนัส: ฮีธ เลดเจอร์
ลูกสาวของฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) ไม่ได้รับมรดกเลย เพราะนักแสดงคนนี้ทำพินัยกรรมเอาไว้สองสามปีก่อนที่เธอจะเกิด ในปี 2008 นักแสดงชายคนนี้เสียชีวิตลง และมรดกทั้งหมดของเขาตกไปสู่พี่สาว 3 คนของเขาและพ่อกับแม่ แต่อย่างไรก็ตาม ครอบครัวเลดเจอร์ก็ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง และให้เงินทั้งหมดของฮีธแก่มาทิลด้า (Matilda) ลูกสาวของเขาที่ตอนนั้นอายุได้เพียง 2 ขวบไป
คุณจะทิ้งเงินไว้ให้ลูก ๆ ไหม หรือว่าคุณจะจากพวกเขาไปโดยไม่มีอะไรไว้ให้เลย ? ลองเล่าให้เราฟังในคอมเมนต์หน่อยสิ