ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

16 กฎแฟชั่นที่ผู้หญิงสมัยใหม่ยินดีที่จะแหกกฎ

นิตยสารแฟชั่นเต็มไปด้วยคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำได้และทำไม่ได้ในการจะเป็นคนทันสมัย บนหน้าจอโทรทัศน์ สไตล์ลิสจะพูดถึงกฎที่ผู้หญิงทุกคนควรทำตาม และหลาย ๆ คนก็เชื่อความคิดเห็นของคนพวกนั้นอย่างไม่ลืมหูลืมตาและลืมไปว่าพวกเราล้วนแตกต่างกัน และจริง ๆ แล้วเราไม่ได้ติดค้างอะไรกับใคร

ชีวิตสดใสได้ค้นพบความเชื่อและเคล็ดลับด้านแฟชั่นที่ไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไปซึ่งส่วนใหญ่อาจทำให้เราต้องกุมขมับได้

ความเชื่อข้อที่ 1 เสื้อผ้าแฟชั่นมีไว้สำหรับผู้หญิงผอมเท่านั้น

มันมีความคิดเห็นที่มองว่าหุ่นที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการแต่งตัวให้ออกมามีสไตล์ ถึงอย่างนั้น การที่จะแต่งตัวให้ออกมาดูดีนั้นไม่ได้อยู่ที่ว่าต้องมีหุ่นแบบไหน ในร้านขายเสื้อผ้าทันสมัยคุณจะได้พบกับเสื้อผ้าสวย ๆ ในทุกไซส์ คุณแค่ต้องเลือกสไตล์และสีที่เหมาะกับตัวของคุณ และคุณจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากเสื้อผ้าด้วย

ความเชื่อข้อที่ 2 ถ้าทรงผมไม่เนี้ยบถือว่าลุคโดยรวมยังไม่ดีพอ

หนึ่งในกฎที่ตกยุคไปแล้วที่พบได้บ่อยที่สุดก็คือคุณจำเป็นต้องทำผมให้เนี้ยบ มันถึงจะเป็นลุคที่เพอร์เฟกต์ แน่นอนว่าทรงผมช่วยทำให้ลุคมีความสมบูรณ์มากขึ้น แต่ปัจจุบันการทำผมให้ยุ่ง ๆ หน่อยก็กำลังเป็นที่นิยม ดังนั้นคุณไม่จำเป็นจะต้องใช้เวลาและความพยายามมากมายที่จะม้วนผมหรือหนีบผมให้ตรงเป๊ะ

การที่มีปอยผมหลุดออกมาเล็กน้อยหรือทรงผมยุ่ง ๆ เล็ก ๆ นั้น ดูน่าประทับใจ, มีเสน่ห์และยังช่วยเน้นให้เห็นถึงความบอบบาง, นุ่มนวลและความแจ่มใสของผู้หญิง แม้แต่ผมที่ยังไม่ได้เติมโคนก็ไม่ได้ทำให้ใครก็ตามรู้สึกตกใจ ยิ่งกว่านั้นมันยังกลายเป็นกระแสอีกด้วย แน่นอนว่าความงามที่ไม่สมบูรณ์แบบเป็นคนละเรื่องกับความไม่มีระเบียบเรียบร้อย ทรงผมยังคงควรที่จะสะอาดและได้รับการจัดแต่งอย่างดีส่วนอย่างอื่นไม่เกี่ยว

ความเชื่อข้อที่ 3 อายุขนาดนี้แล้ว คุณไม่ควรใส่...

หลายคนเชื่อว่าเมื่อคุณก้าวสู่ช่วงอายุหนึ่งแล้วคุณจะต้องเปลี่ยนแนวการแต่งตัว แล้วผู้หญิงก็เป็นคนคิดกฏข้อนี้ขึ้นมาเองด้วย ในโลกสมัยใหม่การแต่งตัวไม่ได้มีข้อจำกัดทางอายุและเสื้อผ้าก็ไม่ได้ถูกแบ่งว่าชุดแบบนี้เหมาะสำหรับคนอายุ 30+, 40+, 50+ ความคิดเหมารวมเกี่ยวกับข้อจำกัดทางอายุของแฟชั่นกลายเป็นเรื่องตกยุคไปแล้ว และกฎของสิ่งที่ต้องทำและห้ามทำเมื่อถึงช่วงอายุหนึ่ง ๆ ก็ด้วย

ทุกวันนี้คุณจะนึกภาพผู้หญิงสูงวัยที่ใส่กางเกงยีนส์ขาดหรือมินิสเกิร์ตออกได้อย่างง่าย ๆ สิ่งสำคัญก็คือการใส่ใจกับความเข้ากันของเสื้อผ้า แต่อย่ากลัวที่จะทดลองในสไตล์ที่คุณชอบ ถ้าคุณใส่ชุดเดรสมาทั้งชีวิตแล้วคุณก็นึกขึ้นได้ว่าคุณสวมมันเพราะแฟนของคุณชอบและตัดสินใจที่จะเปลี่ยนมาสวมกางเกงยีนส์แทน ถ้างั้น นี่ก็เป็นทางออกที่ดีสำหรับคุณ ท้ายที่สุดแล้วชีวิตของเราเป็นหนทางที่ไม่มีวันสิ้นสุดในการทำความรู้จักตัวของเราเอง

ความเชื่อข้อที่ 4 ชุดโอเวอร์ไซส์ทำให้คุณดูตัวใหญ่กว่าเดิม

เสื้อผ้าที่หลวมสร้างภาพลวงที่ทำให้หุ่นดูเพรียวบางมากขึ้น เพื่อให้บรรลุผลนี้คุณจำเป็นต้องทำตามกฎง่าย ๆ ในการใส่เสื้อผ้าแบบโอเวอร์ไซส์ซึ่งก็คือเสื้อผ้าควรจะรัดแน่นที่หนึ่งส่วนของร่างกายเป็นอย่างน้อย หรือไม่ก็ควรมีส่วนหนึ่งของร่างกายที่เผยให้เห็นผิว ผลลัพธ์จากการแต่งตัวแบบนี้ทำให้ชุดโอเวอร์ไซส์ชนะใจหญิงสาวนับล้านเพราะมันช่วยปรับหุ่นของคุณได้จริง เสื้อผ้าบางส่วนควรจะมีความพองและบางส่วนควรจะเน้นรูปร่าง นี่คือวิธีการนำเสนอรูปร่างที่ถูกต้อง

ความเชื่อข้อที่ 5 การสวมเสื้อผ้าตัวโคร่งจะช่วยซ่อนข้อบกพร่องของร่างกาย

เสื้อผ้าตัวโคร่งที่มีหลายเลเยอร์จะเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้นและเสื้อผ้าที่หลวมจะซ่อนรูปร่าง ซึ่งจะทำให้มันดูใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า เสื้อผ้าที่พอดีตัวหรือมีองค์ประกอบที่สวยงามจะดูดีกว่ามาก เช่น เข็มขัดจะช่วยดึงความสนใจไปที่เอวบาง ๆ

ความเชื่อข้อที่ 6 ห้ามไว้ผมยาวหลังอายุ 40 ปี

มันไม่ได้มีทรงผมมาตรฐานที่เหมาะกับผู้หญิงสูงอายุทุกคน ถ้าสุขภาพผมดีและความยาวของผมทำให้ใบหน้ามีความโดดเด่น มันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะตัดผมยาวทิ้งเพียงเพราะว่าคุณถึงวัยที่ต้องตัดผมสั้นแล้ว สิ่งสำคัญคือความสบายใจและความมั่นใจของคุณ นอกจากนี้ทรงผมยังไม่ได้แค่ช่วยเน้นจุดเด่นของคุณเท่านั้น แต่มันยังช่วยซ่อนข้อบกพร่องให้คุณด้วย เช่น ผมยาวเป็นทรงผมในอุดมคติของผู้หญิงที่มีใบหน้ากลมหรือค่อนข้างอวบอิ่มเนื่องจากมันจะทำให้ใบหน้าดูยาวขึ้น

ความเชื่อข้อที่ 7 กระเป๋าควรจะมีสีเดียวกับรองเท้า

หลายคนพยายามที่จะหากระเป๋าที่มีสีเหมือนกับรองเท้าของพวกเธอ ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าตำหนิหรือแปลกอะไร แต่ในกรณีส่วนใหญ่การคุมโทนสีอย่างจริงจังนั้นเป็นอะไรที่ตกยุคไปแล้ว ทุกวันนี้คุณมักจะเห็นการใส่รองเท้าผ้าใบคู่ใหญ่กับกระเป๋าถือที่ดูผู้หญิ๊งผู้หญิงได้บ่อย ๆ หรือไม่ก็อาจจะเป็นรองเท้าส้นสูงกับกระเป๋าคาดเอวไปเลย ทั้งสองชิ้นอาจจะเป็นคนละลายและคนละสีกันเลยก็ได้ ทุกวันนี้ไม่ได้มีข้อห้ามด้านแฟชั่นและเราจะแต่งตัวอะไรก็ได้อย่างที่ใจต้องการ

ความเชื่อข้อที่ 8 ลุคการแต่งตัวไม่ควรมีมากกว่า 3 สี

หลังจากการแต่งตัวด้วยสีที่ตัดกันกลายเป็นกระแส คุณก็ลืมกฏข้อนี้ไปตลอดกาลได้เลย การแต่งตัวมากกว่า 3 สีจะสร้างลุคที่ชวนมองและน่าสนใจ หลักสำคัญของมันคือการผสมผสานสีเครื่องแต่งกายของคุณด้วยบล็อกทรงเรขาคณิตบนเครื่องแต่งกายหนึ่งชิ้น หรือไม่ก็เลือกเครื่องแต่งกายหนึ่งอย่างต่อหนึ่งสีโดยใช้สีที่ตัดกันไปเลย เทคนิคการแต่งตัวด้วยสีที่ตัดกันนั้นยอดเยี่ยมสำหรับการผสมผสานที่โดดเด่นและตรงกันข้ามกัน

ความเชื่อข้อที่ 9 เสื้อผ้าสีสันสดใสไม่เหมาะกับฉัน

สีบางสีก็ไม่เหมาะกับคนบางคนจริง ๆ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกเฉดของสีนี้จะไม่เหมาะกับคุณเลย มันไม่คุ้มที่จะปฏิเสธทุกเฉดสีของสีนั้นเพราะแต่ละสีมีหลากหลายโทนและสิ่งสำคัญก็คือการหาโทนสีที่เหมาะกับตัวคุณ อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลก็ส่งผลกระทบต่อการรับรู้ของสีได้ด้วยเพราะสีผิวของเราก็เปลี่ยนไปตามฤดู ถ้าเฉดสีนั้น ๆ ไม่เหมาะกับประเภทสีหรือสไตล์ของคุณ นั่นก็แปลว่าคุณยังสวมใส่มันได้แต่แค่ต้องให้มันอยู่ห่างจากใบหน้า

ความเชื่อข้อที่ 10 ผู้หญิงควรจะแต่งตัวแบบผู้หญิง

คนบางคนคิดว่าผู้หญิงควรจะแต่งตัวตามแบบฉบับของผู้หญิงคลาสสิคเท่านั้นและไม่ใส่เครื่องประดับที่
ก๋ากั่นหรือดูเป็นสาวซ่า มันถึงเวลาแล้วที่จะทิ้งกฏข้อนี้ไว้ในอดีตเพราะการใส่กางเกงยีนส์หรือกางเกงยีนส์ที่มีรอยขาดที่หัวเข่าไม่ใช่เรื่องผิด หรือการเปลี่ยนจากเสื้อเทรนช์โค้ทที่น่าเบื่อให้เป็นเสื้อแจ็คเก็ตหนังสไตล์วอล์คเกอร์แล้วก็ไปประชุมผู้ปกครองก็ตามที

ความเชื่อข้อที่ 11 คุณจะใส่ทั้งสีเขียวและสีชมพูในหนึ่งลุคไม่ได้

กฏข้อนี้เกิดขึ้นมานานแล้วและพวกหนอนหนังสือมักจะทำตาม เมื่อเวลาผ่านไป การจับคู่สีนี้ถูกมองว่าเป็นรสนิยมที่แย่

ด้วยความเคารพ สิ่งที่ไม่เข้าตาคนบางกลุ่มอาจจะเป็นสิ่งที่คนอีกกลุ่มชื่นชอบก็ได้ ในธรรมชาติเรามักจะเห็นดอกไม้สีแดงและชมพูที่ล้อมด้วยกลีบดอกสีเขียวแล้วมันก็เป็นดอกไม้ที่สวยงาม

ความเชื่อข้อที่ 12 ชุดหนังเป็นอะไรที่แย่

สิ่งที่คุณต้องให้ความสนใจก็คือการตัดเย็บ, ความพอดีตัวและความเข้ากันกับเครื่องแต่งกายอื่น ๆ ในขณะนั้น บางทีการใส่สูทหนังกับรองเท้าบู๊ทเคลือบแล็กเกอร์ความยาวเหนือเข่าอาจจะดูแรงเกินไปหน่อย แต่เมื่อนำมาแยกส่วนกันอย่างกางเกงหนังพื้น ๆ, เสื้อเชิ้ตและแจ็คเก็ตมันก็ออกมาดูมีสไตล์สุด ๆ ได้ แม้จะเป็นการแต่งกายทั่วไปในชีวิตประจำวันก็ตาม

ความเชื่อข้อที่ 13 การแต่งตัวแนววินเทจทำให้คุณดูแก่

หลายคนหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าจาก “ตู้เสื้อผ้าของคุณยาย” และร้านขายเสื้อผ้ามือสองเพราะพวกเขากลัวว่ามันจะทำให้พวกเขาดูแก่กว่าเดิม จริง ๆ แล้วเสื้อผ้าไม่ได้ทำให้ดูแก่ขึ้น แต่มันจำเป็นต้องมิกซ์แอนด์แมทช์ให้เป็น

ความเชื่อข้อที่ 14 รอยสักควรจะถูกปกปิดเอาไว้

บางคนอยากจะแสดงความเป็นตัวของตัวเองและความคิดสร้างสรรค์หรือบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาด้วยรอยสัก อย่างไรก็ตามมันยังมีความคิดเห็นที่มองว่ารอยสักเป็นสัญลักษณ์ของความเหลาะแหละและความเป็นเด็ก ด้วยเหตุผลนี้หลาย ๆ อาชีพจึงจำเป็นจะต้องปกปิดรอยสักของพวกเขาเอาไว้และเจ้าของรอยสักบางคนก็ไม่ได้อยากเปิดเผยรอยสักของพวกเขาในชีวิตประจำวัน ภาพวาดที่ซับซ้อนบนร่างกายเกิดขึ้นมานานแล้วและเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์มนุษย์ ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอายและซ่อนมันไว้ใต้เสื้อผ้า

ความเชื่อข้อที่ 15 รองเท้าส้นสูงดูดีกับทุกคน

มันไม่ใช่ตัวเลือกของรองเท้าที่เหมาะกับทุกคนที่สุดถึงแม้ว่ามันจะดูมีสไตล์และดูสง่างามก็ตาม ผู้หญิงอวบควรจะดูดี ๆ เวลาเลือกรองเท้าส้นสูงที่ส้นเล็กเกินไป เพราะร่างกายที่ใหญ่เมื่อเดินบนรองเท้าส้นเข็มอาจจะดูแน่นเกินไปจากขนาดที่ดูขัดกัน การเลือกรองเท้าจากประเภทของสัดส่วนและลุคโดยรวมเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สมดุลของขนาดนั้นน่าจะดีกว่า

ความเชื่อข้อที่ 16 คุณจะต้องย้อมกลบผมหงอก

ผู้หญิงหลายคนรู้สึกว่าจำเป็นจะต้องทำตามทัศนคติเหมารวมในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการย้อมผมหงอก แต่ตอนนี้ความงามแบบสูงวัยได้รับความนิยมมาหลายฤดูกาลแล้ว และมันก็มีเหตุผลบางประการที่ไม่ได้ชัดเจนมากนัก ข้อแรกมันช่วยแสดงสถานะ ข้อสองมันแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเลือกที่จะเดินไปตามทางของตัวเอง ซึ่งตรงกันข้ามกับรูปแบบที่กำหนดไว้และพวกเธอก็ควรจะได้รับความเคารพ แต่สิ่งสำคัญก็คือผมและผิวควรจะได้รับการดูแลอย่างดี, เรียบเนียนและเงางาม และนั่นจะทำให้การมีผมหงอกดูเป็นสิ่งที่ดูเหมาะสม

กฎของแฟชั่นข้อไหนบ้างที่คุณทำตาม ?

เครดิตภาพพรีวิว AFP / East News
แชร์บทความนี้