จัสติน บีเบอร์เคยเชื่อว่าการแต่งงานจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างที่เขามีได้ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นนี่สิ
เมื่อคุณไม่ได้มีอายุมากมายอะไรนัก ชื่อเสียงสามารถส่งผลต่อมุมมองที่คุณมองโลกและผู้คนบนโลกใบนี้ได้เลยนะ ซึ่งไม่นานมานี้ จัสติน บีเบอร์ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงการที่เขาต้องต่อสู้กับบาดแผลในจิตใจและสุขภาพจิตของตัวเขาเอง แต่นักแสดงหนุ่มคนนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า เขาสามารถเอาชนะทุกสิ่งที่ทำให้เขาต้องล้มลุกคลุกคลานได้ และตอนนี้เขาก็กำลังมุ่งหน้าสู่อนาคตอันสดใสที่กำลังรออยู่
ชีวิตสดใสเชื่อมั่นมาก ๆ ว่าพลังแห่งความอุตสาหะและความรักจากคนใกล้ชิดของเราสามารถช่วยให้เราเอาชนะทุกความยากลำบากในชีวิตได้ และเราก็มั่นใจว่าจัสตินจะดีขึ้นได้อย่างแน่นอน ด้วยความรักของสาวเฮลีย์ (Hailey) ที่อยู่ข้างกายเขา
เขาโด่งดังมีชื่อเสียงตั้งแต่อายุเพียง 13 ปี
ตั้งแต่เพลงฮอตฮิตเพลงแรกของเขา เบบี้ (Baby) ที่ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตก จัสตินก็ใช้ชีวิตตลอด 12 ปีที่ผ่านมาตกอยู่ภายใต้การจับตามองของแฟน ๆ นับล้านรวมถึงสื่อทั้งหลายมาโดยตลอด “จากเด็กอายุ 13 ขวบที่มาจากเมืองเล็ก ๆ ผมกลายเป็นเด็กที่ได้รับการยกย่องไปทั่วโลก มีคนนับล้านคอยพูดบอกผมว่าพวกเขารักผมมากแค่ไหน และผมยอดเยี่ยมมากแค่ไหน” เขาเคยกล่าว
ในขณะที่เขายังเป็นเพียงแค่วัยรุ่น ชื่อเสียงของจัสตินก็โด่งดังมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปีที่ผ่านไป เมื่อเขาออกอัลบั้มเพิ่มเติมอย่าง มายเวิลด์ 2.0 (My World 2.0) และ บีลีฟ (Believe) แถมยังมีทัวร์คอนเสิร์ตไปยังนานาประเทศ ซึ่งทำให้เขาสร้างรายได้ให้แก่ตัวเองหลายสิบหลายร้อยล้านบาท เขาเติบโตขึ้นและค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปท่ามกลางสายตาของทุก ๆ คน ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ และเพราะชื่อเสียงยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ถึงทำให้มีสื่อสายหลักมากมายหลายแขนงติดตามเขาอย่างใกล้ชิดเรียกได้ว่าในทุกฝีก้าว และรวมถึงทุก ๆ ความผิดพลาดในชีวิตเขาด้วย
เรื่องราวความรักของเขากับเซเลน่า โกเมซ
และในขณะนั้นเอง นักร้องหนุ่มชาวแคนาดาชื่อดังคนนี้ก็ได้มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดลึกซึ้งกับนักร้องและนักแสดงสาวสวย เซเลน่า โกเมซ (Selena Gomez) ซึ่งเพลงของจัสตินมากมายหลายเพลงก็อุทิศให้กับสาวคนนี้นี่แหละ คู่รักคู่นี้เป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่จับตามองของทุกคน และเพราะความสัมพันธ์ที่เป็นที่จับตามองเนื่องจากทั้งสองเป็นบุคคลที่แสนจะโด่งดังนี้เอง ก็ทำให้มีทั้งข่าวลือและข่าวฉาวมากมายเกิดขึ้นตามมาด้วย ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ของเซเลน่าและจัสตินต้องรัก ๆ เลิก ๆ กันอยู่พักหนึ่ง
คู่รักทั้งสองพยายามต่อสู้ฟันฝ่าเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันอยู่นานหลายปี ก่อนที่จะเลิกรากันไปในปี 2014 ซึ่งเวลาหลายปีในช่วงนั้นเซเลน่าและจัสตินต่างคบหากับผู้คนมากหน้าหลายตา โดยในปี 2015 จัสตินก็ได้กล่าวไว้ว่า “เราตกหลุมรักกันและกันลึกซึ้งมาก จนไม่มีสิ่งไหนสำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว เรามีแค่เรื่องของกันและกันเท่านั้น”
และในระหว่างที่เรื่องราวความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องผจญกับการรัก ๆ เลิก ๆ อีกครั้งและอีกครั้ง จัสตินกับเฮลีย์ก็มีการไปแอบกุ๊กกิ๊กกันอยู่ช่วงหนึ่ง แต่พวกเขาก็ไม่ได้คบหากันไปมากกว่านั้น
ในปี 2018 จัสตินกับเซเลน่าก็กลับมาคบกันอีกครั้ง มีคนเห็นทั้งสองคนออกไปด้วยกันที่นั่นที่นี่ แต่อย่างไรก็ตาม การกลับมาคืนดีกันครั้งนี้ยาวนานเพียงแค่สองสามเดือน เพราะทั้งคู่แยกทางกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่จัสตินเริ่มที่จะไปออกเดตกับเฮลีย์
จัสตินแต่งงานและขอก้าวออกจากสายตาสาธารณชน
ในเดือนมิถุนายน 2018 เมื่อจัสตินและเฮลีย์กลับมาคบกันอีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็น “รักแรกพบ” เลยก็ว่าได้ ทั้งสองเริ่มที่จะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมากมาย และอาจมีคนเห็นพวกเขาสองคนอิงแอบเนบชิดกันได้ในทุกที่ ในขณะที่ทั้งคู่กำลังพักผ่อนวันหยุดอยู่ที่บาฮามาส จัสตินก็ขอหญิงสาวแต่งงาน โดยนักร้องหนุ่มได้ประกาศข่าวการหมั้นหมายของพวกเขาไว้ในอินสตาแกรม และอ้างถึงเฮลีย์ว่าเป็น “รักแท้ของชีวิตเขา”
ตอนแรกพวกเขาทั้งคู่แลกเปลี่ยนคำปฏิญาณต่อกันและกันอย่างลับ ๆ ไม่กี่เดือนหลังจากการหมั้นหมาย โดยจัดขึ้นที่ห้องพิจารณาคดีในมหานครนิวยอร์ก แต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2019 พวกเขาก็ปฏิญาณรักต่อกันอีกครั้งในพิธีแบบเป็นทางการ บางแหล่งข่าวให้ข้อมูลว่างานแต่งงานได้ถูกเลื่อนออกไปด้วยปัญหาทางด้านสุขภาพของจัสตินนั่นเอง “เป็นตอนที่ฉันเพิ่งเป็นศรีภรรยามือใหม่มาได้ไม่กี่เดือน ที่ต้องมาพยายามช่วยเขาคิดหาทางว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นตรงไหน และมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เฮลีย์ยอมรับ
ในปี 2019 เพื่อที่จะทุ่มเทเวลาให้แก่ตัวเองและสภาพจิตใจของตัวเองได้มากกว่าที่เคย จัสตินเลยประกาศว่าเขาขอพักงานดนตรีและการปรากฏกายสู่สายตาสาธารณชนสักพัก เขาเขียนแคปชั่นในอินสตาแกรมเพื่อให้ผู้ติดตามของเขาได้อ่านเอาไว้ว่า “ผมไม่คู่ควรกับสิ่งนั้น และพวกคุณก็ไม่คู่ควรกับสิ่งนั้น คุณจ่ายเงินมาเพื่ออยากจะมาคอนเสิร์ตที่มีแสงสีเสียง มีความสนุกสนานและเปี่ยมไปด้วยพลัง แต่ผมไม่อยู่ในสภาวะอารมณ์ที่จะมอบสิ่งเหล่านั้นให้แก่พวกคุณได้”
ก่อนหน้านั้นในปีนั้น นักร้องหนุ่มได้ออกมาเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องที่เขาต้องต่อสู้กับโรคซึมเศร้า โดยยอมรับว่าเขาเคยดิ้นรนอย่างยากลำบากอยู่พักนึงเลยทีเดียว ซึ่งบีเบอร์บอกว่าครั้งแรกที่ต้องเผชิญกับปัญหาพวกนี้ คือระหว่างเพอร์โพส ทัวร์ (Purpose tour) ในปี 2017 “ตอนนั้นผมโดดเดี่ยวมาก ผมต้องการเวลาสักพักจริง ๆ”
ภาวะจิตตกขั้นสุดหลังแต่งงาน
สืบเนื่องจากความกังวลทางด้านสุขภาพ ทำให้ไม่นานมานี้จัสตินได้ยกเลิกงานทัวร์คอนเสิร์ตที่เหลือไปด้วย ซึ่งก็คืองานทัวร์คอนเสิร์ตที่จะต้องจัดในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม 2022 ตอนนี้เขาต้องพักรักษาดูแลตัวเองภายใต้คำแนะนำของภรรยา อย่างไรก็ตาม ไม่นานมานี้นักดนตรีหนุ่มคนนี้ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงช่วงเวลาที่เขาจิตตกขั้นรุนแรงไม่นานหลังจากที่แต่งงานกับ เฮลีย์ บาลด์วิน (Hailey Baldwin)
ครั้งนั้นจัสตินได้สารภาพออกมาอย่างหมดเปลือก โดยเขาบอกว่าการแต่งงานของเขาเป็นการผลักดันให้เขาต้องปรับปรุงตัวเอง และทำให้เขาต้องเผชิญกับรอยแผลความเจ็บปวดจากในอดีต ถึงแม้ว่าจัสตินกับเฮลีย์จะรักกันอย่างลึกซึ้งมากมายแค่ไหน แต่บีเบอร์ก็เข้าใจดีว่าการแต่งงานจะไม่สามารถทำให้ปัญหาทุกอย่างจากในอดีตสิ้นสุดลงได้ ในการให้สัมภาษณ์เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์มาก “ผมสติแตกนิดหน่อยเพราะผมเคยคิดว่าการแต่งงานจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างของตัวเองได้”
นักดนตรีหนุ่มวัย 28 ปีมีมุมมองเกี่ยวกับตัวเองที่กลับตาลปัตรไปหมด แถมยังคาดหวังให้ภรรยาของเขา “ทำบางอย่างที่ตัวเขาไม่ทำ” อีกด้วย ไม่นานมานี้จัสตินได้ออกเดินทางสู่หนทางใหม่ที่กำลังช่วยเหลือให้เขาปรับปรุงและยอมรับในตัวตนของตัวเอง “วันแล้ววันเล่า ผมเริ่มดีขึ้นและดีขึ้นเรื่อย ๆ และพยายามที่จะไม่เข้มงวดกับตัวเองมากจนเกินไป”
แม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นในชีวิตคู่ แต่คู่แต่งงานใหม่ที่แสนจะน่ารักคู่นี้ก็ไม่เคยหยุดแบ่งปันและส่งต่อความรักของพวกเขา และช่วยประคับประคองกันทั้งในยามดีและยามร้าย การประนีประนอมและความเสียสละถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแต่งงานเลยทีเดียว และความรักของจัสตินกับเฮลีย์ก็แข็งแกร่งมากพอที่จะก้าวผ่านทุกอย่างไปได้ เฮลีย์เคยกล่าวไว้ว่า “ฉันรู้ว่าฉันรักคน ๆ นี้มานานมาก ๆ แล้ว นั่นคือเรื่องจริง และตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เวลาที่จะหมดหวังและปล่อยมือจากเขา”
แล้วคุณล่ะ ทำยังไงถึงทำให้ความรักของคุณหวานชื่นยิ่งขึ้นได้ ? ถ้าเป็นคุณ คุณจะพยายามช่วยคนรักของคุณมากแค่ไหนกันนะ ?