ลูกค้าที่แสนจะน่ารัก 15 แบบที่ทำให้พนักงานบริการทั้งหลายแทบอยากเป็นบ้า
เพเนโลเป ครูซ (Penélope Cruz) เคยรับบทนักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่อง ด้อนท์ เทมป์ มี (Don’t Tempt Me) โดยเธอต้องแสดงเป็นบริกรสาวที่ทำงานในบาร์ที่มีลูกค้ามากมาย โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้หยิบยกเรื่องนี้มาเป็นตัวอย่างของวงเวียนในขุมนรก ใช่แล้ว การทำงานกับผู้คนบางทีก็เป็นเรื่องทรมานทรกรรมสุด ๆ
ชีวิตสดใสจะมาบรรยายลักษณะของลูกค้าที่เอาใจยากสุด ๆ และในบางกรณี คุณอาจจะต้องกินยากล่อมประสาทก่อนจะต้องไปสื่อสารกับคนประเภทนี้เลยทีเดียว แต่เราทุกคนล้วนเคยทำผิดพลาดกันได้ และต่างคนต่างก็มีบทบาทหน้าที่ของตนเองในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต บางทีคุณเห็นลักษณะลูกค้าเหล่านี้แล้วคุณอาจจะคิดถึงเพื่อนของคุณขึ้นมาก็ได้นะ หรืออาจจะคิดถึงตัวเองขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ
ลูกค้าจอมเอาแต่ใจ
ลูกค้าประเภทนี้ไม่เคยพอใจกับอะไรสักอย่าง พวกเขาจะคอยข่มขู่คุณว่าจะยื่นเรื่องร้องเรียนไปที่บริษัท และเที่ยวบอกว่าคุณจะต้องถูกไล่ออกแน่ ทางที่ดีเวลาเจอลูกค้าประเภทนี้ให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันตรง ๆ จะดีกว่า และพยายามพูดคุยกับพวกเขาโดยใช้เหตุผลเข้าไว้
ลูกค้าผู้ชอบกำหนดเดดไลน์
ลูกค้าบางคนมักอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างในทันที ต้องการให้งานเสร็จอย่างรวดเร็วทันใจที่สุด จนคนทำงานต้องเสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อเติมเต็มความต้องการเหล่านี้ของพวกเขา ซึ่งบางครั้งความเสียสละที่ว่าเนี่ยไม่ได้สำคัญอะไรเลยแม้แต่น้อย หรือเพิ่งจะมารู้ทีหลังว่าเดดไลน์จริง ๆ มันอยู่อีกตั้ง 2-3 วันก็ยังมี ปกติแล้วคนที่มักตกเป็นเหยื่อของลูกค้าประเภทนี้ก็จะเป็นพวกดีไซเนอร์ ก๊อปปี้ไรท์เตอร์ หรือพวกเชี่ยวชาญด้านงานสื่อโฆษณาทั้งหลายแหล่นั่นแหละ
ลูกค้าผู้ไม่รู้อะไรสักอย่าง
ลูกค้าประเภทนี้ไม่รู้หรอกว่าจริง ๆ แล้วตัวเองต้องการอะไร พวกเขามักจะขอดูแต่ของใหม่ ๆ และสุดท้ายก็เดินออกจากร้านไปทั้ง ๆ ที่ไม่ซื้ออะไรแม้แต่น้อย
ลูกค้าผู้รู้ดีทุกเรื่อง
วลีติดปากของคนเหล่านี้ ต่อให้พวกเขาจะไม่พูดมันออกมาให้เราได้ยินก็ตาม มักจะเป็น “ฉันรู้ดีกว่าหล่อนย่ะ” ลูกค้าประเภทนี้มักจะเป็นคนสั่งผู้เชี่ยวชาญให้พวกเขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ และก็มาบ่นทีหลังว่าตัวเองไม่ได้สิ่งที่ต้องการน่ะ
ลูกค้าที่อะไร ๆ ก็ต้องพิเศษ
ลูกค้าประเภทนี้มักจะพยายามทำตัวให้โดดเด่นออกมาจากฝูงชน และพยายามที่จะแตกต่างจากคนอื่น ๆ อยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น ในร้านคาเฟ่ก็จะต้องถามหาอาหารที่มีสูตรแปลก ๆ และก็มาไม่พอใจทีหลัง
ลูกค้าขี้จิ๊ก
คติของคนเหล่านี้ก็คือ “โกยให้ได้มากที่สุดเพราะมันฟรี” คนเหล่านี้จะไม่พกผ้าขนหนูติดตัวไปเมื่อไปพักร้อน แต่จะได้ผ้าขนหนูติดกลับมาบ้าน 2 ผืนเสมอ และพวกเขาชอบกินบุฟเฟ่ต์มาก เพราะอะไรก็รู้ ๆ กันอยู่
ลูกค้าผู้มาสายตลอดศก
มันเป็นมารยาทขั้นพื้นฐานเลยนะ ที่คนเราควรจะมาให้ตรงต่อเวลาและไม่ทำให้ผู้อื่นต้องมาเสียเวลาไปกับเราโดยเปล่าประโยชน์น่ะ อย่างไรก็ตาม มนุษย์ผู้มาสายตลอดศกเหล่านี้มักจะคุ้นชินกับการมาสายไปกับทุกเรื่อง แม้แต่สมัยที่ต้องไปโรงเรียนก็ตาม ต่อให้อายุจะเพิ่มมากขึ้นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย คนพวกนี้จะมาสายเวลานัดกับคุณหมอ นัดกับช่างทำผม หรือมาสายกระทั่งงานแต่งงานของตัวเองก็ยังมี
ลูกค้าช่างเจรจา
ปกติแล้วคนเหล่านี้เป็นคนที่เป็นมิตรมากนะ แต่ก็ยังเป็นปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง คือเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาได้เริ่มอ้าปากพูด พวกเขาจะเริ่มเล่าอัตชีวประวัติทั้งชีวิตของตัวเอง โดยอาจจะไม่ซื้ออะไรเลยแม้แต่น้อย คุณจะสามารถพบเจอคนประเภทนี้ได้ทุกที ไม่ว่าจะเป็นตามร้านขายยาหรือตามซูเปอร์มาร์เก็ต
ลูกค้าจอมตืด
พวกเขามักชอบพูดว่า “มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท” และเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ พวกเขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพวกเขาจะต้องให้ทิปกับการบริการในแต่ละอย่างด้วย แถมคนเหล่านี้มักจะชอบโมโหว่าทำไมค่าบริการบางอย่างถึงได้มีราคาแพงมากมายนัก
ลูกค้าเหนียวแน่นหนึบเกาะติดเป็นเงาตามตัว
พวกเขามีความเชื่อฝังหัวไปแล้วว่าคนที่ทำงานบริการก็คล้าย ๆ กับเป็นนักบำบัดหรือที่ปรึกษาส่วนตัวที่ไม่ต้องเสียค่าใข้จ่ายแต่อย่างใด เหล่านายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ตลอดจนผู้จัดการบริษัททัวร์ทั้งหลายต่างต้องทุกข์ทรมานกับลูกค้าประเภทนี้กันมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น หากในห้องพักที่โรงแรมไม่มีผ้าเช็ดตัวที่ใหม่เอี่ยมหอมสดชื่น มนุษย์จอมเรียกร้องเหล่านี้ก็จะต้องโทรมาหาคุณทันที แม้มันจะเป็นเวลาตีหนึ่งแล้วก็ตาม
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
ผู้ให้บริการบางคนก็ทำงานโดยได้รับเงินจากค่าคอมมิชชั่นเป็นหลักนะ อย่างเช่นนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ดังนั้นจึงเป็นปัญหาหนักมาก ๆ เวลาที่มีลูกค้าประเภทนี้มาขอเยี่ยมชมคอนโดหลายแห่งแล้วพยายามครุ่นคิดตัดสินใจ แต่สุดท้ายแล้วก็เปลี่ยนใจ
ลูกค้าผู้ชอบอยู่เงียบ ๆ
ลูกค้าที่เข้าร้านมาเงียบ ๆ อาจจะเป็นคนที่อยากจะซื้อของจริง ๆ ก็ได้นะ แต่พวกเขาเป็นประเภทกลัวพนักงานขายน่ะ (หรืออาจจะเป็นคนกลัวมนุษย์โดยทั่ว ๆ ไปอยู่แล้ว) เพราะพวกเขามั่นใจและกลัวว่าคนเหล่านั้นจะมาบีบคั้นให้พวกเขาต้องซื้อของที่พวกเขาไม่อยากได้ โดยลูกค้าประเภทนี้มักจะเข้ามาในร้านค้าโดยไม่ “เข้าหา” พนักงานขาย และมักเดินกลับออกไปมือเปล่าเพราะพวกเขาตัดสินใจเลือกเองไม่ได้นี่สิ
“เดี๋ยวค่อยจ่ายทีหลังนะ”
มีบางคนเชื่อจริง ๆ นะว่าการขอจ่ายทีหลังนี่เป็นเรื่องปกติทั่วไปที่คนเขาทำกัน ที่น่าสนใจก็คือคนเหล่านั้นอาจเป็นคนที่ร่ำรวยคนนึงเลยก็ได้ ปกติแล้วคนที่ต้องทุกข์ระทมกับลูกค้าประเภทนี้ก็คือเหล่าช่างซ่อมบำรุงหรือช่างทำเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายนี่แหละ
ลูกค้าผู้นิยมของฟรี
ลูกค้าประเภทนี้จะไม่เคยพลาดโปรโมชั่นใด ๆ เลยแม้แต่อย่างเดียว นอกจากนี้ พวกเขายังชอบซื้ออาหารลดราคาอีกด้วย ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ชอบอาหารนั้นเลยก็ตาม แถมยังชอบขอส่วนลดเพิ่มเติมอีกนะ ถึงแม้สินค้าชิ้นนั้นจะลดราคาอยู่แล้วก็ตาม อีกทั้งยังชอบขอบัตรส่วนลดไปเผื่อเพื่อนของตัวเองอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วร้านเขาให้เป็นรายบุคคลเท่านั้น
ลูกค้าจอมประหยัด
ลูกค้าประเภทนี้จะดูที่ราคาเป็นหลัก โดยไม่สนใจคุณภาพ พวกเขาจะตามล่าหาอะไรก็ตามที่จัดโปรโมชั่นอยู่ และยังไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ถึงต้องมีราคาแพงมากกว่านัก และหลังจากนั้น พวกเขามักต้องมาหงุดหงิดและบ่นว่าทรงผมหรือเล็บที่ไปทำมานั้นออกมาดูไม่ดีพอทุกที
คุณเคยเจอลูกค้าที่มีลักษณะเหล่านี้บ้างไหม ? เล่าเรื่องราวของคุณให้เราฟังในคอมเมนต์ได้เลย
ตอนนี้ชีวิตสดใสมีช่องทางพอดแคสต์เป็นของตัวเองแล้วนะ คุณจะสามารถค้นหาบทความน่าสนใจได้ทุกที่ และสามารถรับฟังเรื่องราวใหม่ ๆ ได้ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ ตามแต่ใจต้องการเลยแหละ