ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

11 เหตุผลที่นักท่องเที่ยวมักจะผิดหวังกับปารีส

ในขณะที่มักจะมีประโยคที่กล่าวว่า “เห็นปารีสแล้วตายตาหลับ (To see Paris and die)” ซึ่งหมายความถึงคนที่ในที่สุดแล้วทำความฝันอันสูงสุดของตัวเองให้เป็นจริงได้ โดยการได้มาเห็นเมืองนี้ คนนั้นก็จะสามารถตายได้อย่างมีความสุข แต่ผู้คนทุกวันนี้กลับแปลความหมายประโยคนี้ตรงตัวกว่านั้น เพราะพวกเขาผิดหวังกับเมืองนี้มากจนอยากจะตายไปเลยจริง ๆ หลังจากได้มาเยือนปารีส มันไม่ใช่เมืองที่เคยเห็นในภาพยนตร์ ที่เคยอ่านในหนังสือ หรือที่เคยได้ยินมาจากเอเจนซี่ทัวร์ทั้งหลายเลย ซึ่งผลปรากฏว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกเลยแหละ

ชีวิตสดใสหงุดหงิดมากเมื่อเราพบว่ามีแม้แต่สิ่งที่เรียกว่าอาการปารีสซินโดรม (Paris syndrome) ซึ่งเป็นความผิดปกติเมื่อผู้คนได้รับความผิดหวังจากเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสแห่งนี้ โดยเราได้อธิบายเรื่องนี้ไว้ในช่วงโบนัสแล้ว

1. แถวยาว ๆ เพื่อขึ้นสู่จุดชมวิวบนหอไอเฟลกับสนามหญ้าที่แห้งตาย

ก่อนที่จะมาถึงปารีส ทุกคนคงต้องเคยฝันถึงการที่จะได้เห็นจุดที่สำคัญที่สุดของเมืองแห่งนี้ นั่นก็คือหอไอเฟล (the Eiffel Tower) และนักท่องเที่ยวมากมายก็อยากจะขึ้นไปดูจุดชมวิวบนนั้นอีกด้วย ความรู้สึกผิดหวังแรกที่จะได้เจอคือเมื่อคุณต้องเข้าแถวยาวเฟื้อยของบรรดานักท่องเที่ยวที่อยากจะขึ้นไปเยี่ยมชมหอไอเฟลเช่นกัน ความผิดหวังที่สองก็คือต้องมีรปภ.มาเช็กคุณที่ทางเข้าแบบละเอียดยิบอย่างกับกลับไปที่สนามบินอีกครั้ง สุดท้ายแล้วคุณจะต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงในการต่อแถวกว่าที่จะได้ขึ้นไปบนนั้น

หลังจากความเครียดทั้งหมดผ่านพ้นไป คุณอาจจะอยากพักผ่อนและปิกนิกบนสนามหญ้า แต่อย่ารีบเร่งจนเกินไป ยังมีการค้นพบบางอย่างที่อาจไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่นักรอคอยคุณอยู่ ยกตัวอย่างเช่นบริเวณรอบสนามหญ้าอาจจะถูกกั้นรั้วรอบขอบชิดหากมีงานบางอย่าง หรือที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือเมื่อมีการประท้วงทั้งหลายเกิดขึ้น บางทีคุณอาจจะได้พื้นที่สนามหญ้าบางส่วน แต่หญ้าบนนั้นกลับร่วงโกร๋นเป็นหย่อม ๆ ก็เป็นได้

  • เพลิดเพลินกับวิวของหอไอเฟลจากที่ไกล ๆ นั้นดีกว่ากันเยอะเลย เราจึงขอแนะนำให้ไปที่ย่านมงมาร์ต (Montmartre) และปีนบันไดขึ้นไปบนมหาวิหารซาเคร-เกอร์ (Sacré-Cœur) หรือก็คือมหาวิหารพระหฤทัย ที่ตรงนั้นเป็นจุดชมวิวที่คุณสามารถเห็นได้ทั้งเมืองปารีสเลยทีเดียว

2. ฝูงชนที่ทางเข้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์

แน่นอนว่าอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมต้องเป็นที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre) นักท่องเที่ยวหลายคนที่ไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้าได้แนะนำให้มาเข้าแถวก่อนที่พิพิธภัณฑ์จะเปิดทำการ ซึ่งก็มีเหตุผลนะ แต่ก็ยังไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ต้องยืนขาแข็งเข้าแถวหลายชั่วโมงกว่าจะได้เข้าไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนื่อยมาก และยากที่จะเพลิดเพลินกับภาพศิลปะภายในได้อีกหลังจากต้องฝ่าฟันกับการเข้าแถวขนาดนั้นแล้ว หลังจากการเข้าแถว คุณจะไม่สามารถจำได้เลยด้วยซ้ำว่าทำไมถึงมาที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์แห่งนี้ตั้งแต่แรก

  • ดีที่สุดคือให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าทางช่องทางออนไลน์ เพื่อจะได้ต่อแถวผู้เข้าเยี่ยมชมที่มีตั๋วได้เลย อีกวิธีนึงคือให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าจากร้านขายหนังสือพิมพ์เล็ก ๆ ธรรมดาทั่วไปที่มีตั้งอยู่ทั่วทั้งเมือง พวกเขาจะขายตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์มากมายในปารีสเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณทำแบบนั้นไม่ได้ ยังมีวิธีที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นอีกวิธีที่คุณควรรู้ นั่นก็คือคุณสามารถเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ได้โดยแทบจะไม่ต้องต่อคิวเลยหากคุณเข้าพิพิธภัณฑ์นี้ผ่านทางห้างการูแซลดูลูฟวร์ (Carrousel du Louvre) โดยที่ร้านชีเวตเตดูการูแซล (La Civette Du Carrousel) คุณสามารถซื้อตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์และพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ ได้เร็วกว่าจุดอื่น ให้เดินตามป้ายบอกทางที่จะนำพาคุณไปสู่รูปปิรามิดคว่ำ ซึ่งจะมีทางเข้าพิพิธภัณฑ์อยู่ด้านหน้า คุณจะได้เข้าไปทางโถงชั้นใต้ดินซึ่งจะมีหน้าต่างขายตั๋วอยู่ตรงนั้น ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังต่อคิวเข้าแถวกันอยู่ด้านบน แต่ที่นี่คุณสามารถซื้อตั๋วได้อย่างง่ายดายหากวิธีทั้งหมดก่อนหน้านี้ไม่ได้ผลกับคุณ

3. ฝูงชนจำนวนมากพยายามจะถ่ายรูปภาพโมนาลิซ่า แถมบนกระจกยังมีแสงสะท้อนอีกด้วย

หลังจากผ่านพ้นการเข้าแถวเพื่อเข้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ไปแล้ว ผู้คนก็จะรีบเข้าไปชมสาวน้อยยิ้มหวานผู้แสนลึกลับกันทันที โมนาลิซ่า (Mona Lisa) ซึ่งเห็นได้ชัดว่าใคร ๆ ก็ล้วนแต่อยากจะเห็นภาพวาดนี้ใกล้ ๆ กันทั้งนั้น แต่มันเป็นไปได้ยากมาก เพราะจะมีคนจำนวนมากที่พยายามจะถ่ายรูปภาพวาดนั้นหรือพยายามที่จะเข้าไปใกล้ แต่เมื่อในที่สุดคุณสามารถเข้าไปใกล้ภาพวาดนั้นได้แล้ว คุณก็จะเห็นเงากระจกของกระจกป้องกันความปลอดภัยที่ทำให้คุณไม่อาจถ่ายรูปมันได้ การจะหามุมที่เหมาะเจาะนี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากนี้ในชีวิตจริง ภาพวาดนี้ก็เล็กมาก แถมคุณยังไม่สามารถเข้าใกล้มันพอที่จะเพลิดเพลินไปกับผลงานชิ้นเอกชิ้นนี้ได้อีกด้วย

  • ภาพวาดนี้ไม่ได้เป็นเพียงภาพวาดเดียวที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีหรอกนะ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ยังมีคอลเลกชั่นงานศิลปะทั่วโลกที่ยิ่งใหญ่อีกมากที่คุณสามารถใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ ในการชมได้ นอกจากนี้ ตัวพิพิธภัณฑ์เองก็ยังคู่ควรแก่การเที่ยวชม ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งภายใน เพดาน หรือแม้กระทั่งวิวนอกหน้าต่างก็ยังน่าประทับใจสุด ๆ แถมยังจัดเตรียมม้านั่งไว้ข้างหน้าต่างให้คุณได้เพลิดเพลินกับภาพวิวได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

4. ผู้หญิงฝรั่งเศสจริง ๆ ดูไม่เหมือนเหล่าสตรีที่ปรากฏโฉมในภาพยนตร์ต่าง ๆ แม้แต่น้อย

ภาพยนตร์ที่มีนักแสดงสาวชาวฝรั่งเศสร่วมแสดงมักจะแต่งให้พวกเธอออกมาดูมีสไตล์เก๋ไก๋และเป็นสาวลึกลับที่ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลอยู่เสมอ โดยพวกเธอมักจะสวมเสื้อผ้าที่แสนจะเพอร์เฟกต์ (พร้อมหมวกเบเร่ต์) เป็นผู้หญิงที่ดูแลตนเองได้ และยังดูงดงามจนน่าทึ่ง สาว ๆ มากมายอยากจะดูเหมือนสาวฝรั่งเศส โดยสาว ๆ เหล่านั้นอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับสไตล์ต่าง ๆ ของสาวฝรั่งเศสมากเหลือเกิน แต่คนเหล่านั้นก็ต้องพบกับความสับสนเมื่อมาเยือนปารีส เพราะพวกเขาจะได้เห็นสาว ๆ ที่นี่สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา ไม่แต่งหน้า แถมยังไม่ทำเล็บอีกด้วย

  • ในชีวิตจริงสาว ๆ เหล่านี้ก็เป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วไปนี่แหละ ที่ไม่ได้ยึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองตลอดเวลาขนาดนั้น แต่ก็ยังมีเรื่องที่ถูกอยู่บ้างนะ นั่นก็คือสาว ๆ ฝรั่งเศสส่วนใหญ่มักเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่อายุราว ๆ 50 พวกเธอก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง พวกเธอจะเริ่มสวมใส่เสื้อผ้าหรูหรา แต่งหน้าและทำเล็บ แถมยังดูน่าทึ่งมาก ๆ และเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์มากมายที่พร้อมจะส่งต่อให้ผู้อื่นได้เรียนรู้อีกด้วย

5. สถานที่บางแห่งก็ถูกรื้อออกไปหรืออาจอยู่ระหว่างการปรับปรุง

สะพานเลอปงเดซาร์ (Le Pont des Arts) อันแสนยิ่งใหญ่คือสถานที่ที่ไม่เพียงแต่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังดึงดูดเหล่าผู้คนที่มีความรักให้มาที่นี่อีกด้วย โดยคู่รักมีธรรมเนียมที่มักจะมาคล้องกุญแจแห่งความรักไว้ที่นี่ เมื่อเวลาผ่านไป สะพานที่มีแม่กุญแจนับพันคล้องไว้ก็ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่อันเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดผู้คนให้มาที่แห่งนี้ได้ราวกับแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยแม่กุญแจทั้งหลายนั้นมีน้ำหนักถึง 45 ตันซึ่งทำให้เป็นอันตรายถึงขนาดที่สะพานนี้อาจถล่มลงมาได้ ดังนั้นในปี 2015 เจ้าหน้าที่ประจำเมืองจึงตัดสินใจที่จะถอดกุญแจเกือบทั้งหมดออกไป ทิ้งไว้เพียงแค่บางส่วนเพื่อให้เป็นอนุสรณ์ว่าที่นี่เคยเป็นเช่นไรเท่านั้น แต่ผู้คนที่ไม่ได้รับการแจ้งเตือนก็ยังรู้สึกผิดหวังเพราะพวกเขาอยากเห็นมันเต็มไปด้วยแม่กุญแจคล้องไว้นี่นา

  • ก่อนการเดินทาง คุณควรทำรายการสิ่งที่คุณอยากมาเห็น และค้นหาดูว่าสถานที่บางแห่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงหรือถูกรื้อถอนไปแล้วหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ที่แห่งนี้คุณยังสามารถเดินไปบนสะพานและชื่นชมวิวสวย ๆ ของเมืองได้อยู่นะ

6. มีสถานที่ไม่กี่แห่งที่มีคนพูดภาษาอังกฤษ

คนฝรั่งเศสพูดภาษาอังกฤษได้ดีมากนะ แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ พวกเขากลับไม่อยากที่จะพูดเสียอย่างนั้น ซึ่งคุณอาจจะเจอกับเหตุการณ์ที่พนักงานในร้านอาหารไม่พูดภาษาอังกฤษหรือพูดภาษาอังกฤษในสำเนียงที่เข้าใจได้ยากมาก ๆ นอกจากนี้ บางร้านอาจไม่มีเมนูภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ มีแต่ภาษาฝรั่งเศสล้วน ๆ เท่านั้น ดังนั้นคุณอาจต้องเดาเอาเองว่าอะไรเป็นอะไร อย่างน้อยก็ไม่น่าเบื่อเกินไปเนอะ

  • ก่อนอื่นให้ลองพยายามพูดภาษาอังกฤษ หากพวกเขาไม่เข้าใจคุณ คุณก็ควรมีแผนสองรอบรับไว้ เช่น ดาวน์โหลดพจนานุกรมภาษาอังกฤษ-ฝรั่งเศสไว้บนมือถือ และจะยิ่งดีหากคุณเรียนรู้ที่จะพูดประโยคง่าย ๆ ที่จะทำให้คุณได้รับความไว้ใจจากคนเหล่านั้น เมื่อพนักงานเสิร์ฟเห็นว่าคุณพยายามจะพูดภาษาของพวกเขาแล้ว พวกเขาจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้คุณได้มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดแน่นอน

7. ปริมาณอาหารหนึ่งเสิร์ฟในร้านอาหารนั้นน้อยมาก และอาหารที่นี่ก็แพงมากด้วย

อย่าคิดว่าจะได้กินอาหารจนจุใจได้ในร้านอาหารที่ฝรั่งเศส ปริมาณอาหารที่เสิร์ฟมานั้นจะน้อยมาก ๆ แถมยังแพงสุด ๆ ด้วย

  • มีทางแก้ปัญหานี้อยู่หลายวิธีเลยทีเดียว ตั้งแต่วิธีการแพ็คของปิกนิกธรรมดา ๆ ไปด้วย โดยมีไวน์ ชีสและขนมปังบาแกตต์อยู่ในนั้น ปกติแล้วตามร้านอาหารมักจะมีอาหารพิเศษประจำวันที่มีราคาถูกกว่าเมนูอื่น ๆ มาก นอกจากนี้ อย่าไปที่ร้านกาแฟที่อยู่แถบในเมือง และดูให้ดีว่าเป็นร้านที่ไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอยู่รอบ ๆ ยกตัวอย่างเช่น ร้านขายกาแฟกับขนมหวานที่อยู่ใกล้พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre) จะต้องจ่ายเงินราว ๆ เกือบ 700 บาท (€18) ในขณะที่ถ้าสั่งแบบเดียวกันอาจมีราคาแค่ประมาณไม่ถึง 300 บาท (€7) หากเป็นร้านแถว ๆ วิหารแพนธีออน (Pantheon) ในปารีส ซึ่งจริง ๆ คุณยังหาที่ที่มีราคาถูกกว่านั้นได้อีกนะในแถบนั้น ซึ่งหากเป็นที่ที่มีสถานศึกษามากมายรวมถึงแถบซอร์บอร์น (Sorbonne) ที่เหล่านี้จะมีนักเรียนนักศึกษาอยู่มาก ร้านกาแฟก็จะมีราคาถูกตามไปด้วย

8. ความฝันที่จะได้ถ่ายรูปในที่ที่ไม่มีผู้คนจะแตกสลาย

จะมีนักท่องเที่ยวนับพับอยู่ในสถานที่ใกล้เคียงกับสถานที่ท่องเที่ยวทุกที่ในตัวเมือง อย่างแถบทรอคาเดโร (Trocadéro) เป็นจุดที่จะให้ภาพวิวสวย ๆ ของหอไอเฟลได้ ซึ่งจุดนี้มักจะเต็มไปด้วยผู้คน เช่นเดียวกับอาสนวิหารนอเทรอดามแห่งปารีส (Notre-Dame de Paris) ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถถ่ายรูปภาพโดยไม่ติดผู้คนเข้าไปในนั้นได้

  • หากคุณอยากได้รูปภาพสวย ๆ เตรียมตัวที่จะต้องสละบางสิ่งบางอย่างไปสักหน่อย ซึ่งในกรณีนี้คุณต้องเสียสละเวลานอนเพราะสถานที่เหล่านี้จะไม่ค่อยมีผู้คนก็ต่อเมื่อมันเป็นช่วงเช้ามาก ๆ หรือดึกมาก ๆ เท่านั้น แต่ใครจะมัวมาสนเวลานอนหลับกันอยู่อีกหากมีโอกาสดี ๆ ที่จะได้ถ่ายรูปสวย ๆ ได้ นอกจากนี้ ทริปนี้ก็ไม่ได้จะคงอยู่ตลอดไปเสียหน่อย ดังนั้นคุณควรไขว่คว้าทุกโอกาสที่คุณจะคว้าไว้ได้ให้มากที่สุด

9. โถปัสสาวะที่อยู่ใกล้บริเวณถนนหลักกลางเมืองทั้งหลาย

นักท่องเที่ยวในเมืองมักจะช็อกมากกับภาพโถปัสสาวะริมถนนที่ตั้งอยู่แทบจะกลางถนนเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเข่น มีโถปัสสาวะมากมายที่ตั้งอยู่ไม่ไกลอาสนวิหารนอเทรอดามแห่งปารีส ส้วมสาธารณะเหล่านี้ค่อนข้างเป็นสิ่งที่ใหม่มากในกรุงปารีส พวกมันปรากฏขึ้นในปี 2018 เพื่อพยายามรักษาความสะอาดบนท้องถนน แน่นอนว่าเมืองต่าง ๆ ในยุโรปก็มีโถปัสสาวะเหล่านี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้น่าดึงดูดมากไปกว่าที่นี่ คำถามที่ใหญ่ที่สุดก็คือ ทำไมโถปัสสาวะใหม่เหล่านี้ถึงดูมินิมอลและเปิดโล่งมากถึงขนาดนั้น ? ซึ่งส้วมสาธารณะในประวัติศาสตร์ของเมืองนี้มันเคยมีรูปแบบที่ดีกว่านี้มากเลยนะ

10. ที่ปารีสมีขยะเยอะมาก

นักท่องเที่ยวมากมายบ่นว่าปารีสเป็นเมืองที่สกปรกมาก แม้กระทั่งถนนหลักใจกลางเมืองยังมีขยะกองสุมอยู่เต็มไปหมด โดยไม่เห็นมีใครทำท่าอยากจะขจัดมันทิ้งไป

  • บางทีเราก็ไม่ควรจะไปสนใจกองขยะมากนัก แต่ถ้ามันทำให้คุณรำคาญใจมาก ให้เริ่มจากการออกไปเดินรอบเมืองในช่วงเช้า ๆ แทน ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่เมืองจะได้รับการทำความสะอาดจนหมดจด

11. ความรู้สึกไม่ปลอดภัย

ในเมือง มีผู้อพยพต่างเชื้อชาติอยู่มากมาย โดยผู้อพยพบางกลุ่มก็จะมาสร้างความรำคาญให้กับนักท่องเที่ยวอยู่แทบทุกสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อพยายามขายของไร้ประโยชน์ต่าง ๆ แถมยังโมโหโกรธาเป็นอย่างอย่างมากหากไม่มีใครซื้อ จริง ๆ แล้วเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้น่าอันตรายอะไรนัก แต่ก็ยังมีบางย่านที่คุณไม่ควรไปเป็นอันขาด พื้นที่ที่อันตรายมากที่สุดอยู่ทางสถานีรถไฟสายเหนือ หรือแกร์ ดู นอร์ (Gare du Nord) และสถานีรถไฟสายตะวันออก หรือ แกร์ เดอ เลสต์ (Gare de L’Est) รวมถึงแถบซองต์-เดอนี (Saint-Denis)

  • หากคุณเดินเล่นรอบ ๆ เส้นทางยอดนิยมของบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลาย ส่วนใหญ่คุณก็จะได้พบกับนักท่องเที่ยวคล้าย ๆ กับคุณ แต่คุณควรจะลองไปย่านที่คนชั้นสูงในฝรั่งเศสอยู่อาศัย ซึ่งก็คือแถบเขตที่ 3 ดอมป์ (Temple), เขตที่ 4 ออแตลเดอวีล (Hôtel de Ville), เขตที่ 6 ลุกซอมบวร์ก (Luxembourg), เขตที่ 7 ปาเล บูร์บง (Palais Bourbon) และเขตที่ 16 ปาสซี (Passy)

โบนัส: ปารีสซินโดรมกับความผิดหวัง

นักท่องเที่ยวหลายคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าปารีสไม่ใช่เมืองที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ดีที่สุดในโลก ผู้คนมักเห็นว่าพนักงานในปารีสมักจะไม่ค่อยยินดีต้อนรับนัก นี่คือสาเหตุของอาการปารีสซินโดรม นักท่องเที่ยวตั้งความหวังไว้สูงมากกับเมืองนี้รวมไปถึงผู้คนที่นี่ ความผิดปกติทางจิตใจนี้ได้รับการวินิจฉัยครั้งแรกในปี 1986 โดยฮิโรอากิ โอตะ (Hiroaki Ota) นักจิตวิทยาชาวญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาการที่แพร่อยู่ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่ไม่ได้เตรียมใจจะมาพบกับชาวฝรั่งเศสที่ไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวขนาดนี้

  • พึงระลึกไว้ว่าปารีสเป็นเมืองที่น่าทึ่งซึ่งเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมอันงดงามไร้ที่ติ และเสน่ห์ในตัวมันเอง ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ถึงขนาดตกหลุมรักเมืองแห่งนี้ แต่อย่างน้อยคุณก็ควรลองมาที่นี่สักครั้งหนึ่งในชีวิต และพยายามอย่าไปใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะยังไงที่นี่ก็ยังเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยงามที่สุดในโลก “ปารีสเป็นเมืองที่พิเศษและยิ่งใหญ่มาก เพราะคนทั้งโลกต่างหลงรักเมืองนี้กันมารุ่นต่อรุ่น ถึงแม้ผู้คนจะแทบไม่รู้จักมันเลยก็ตาม” มีฮาอิล เกียร์มัน (Mikhail German) ได้เคยกล่าวเอาไว้

คุณเคยไปที่ปารีสไหม ? ถ้าเคย คุณประทับใจอะไรบ้างที่เมืองแห่งนี้ ?

Illustrated by Ekaterina Gapanovich สำหรับ ชีวิตสดใส
แชร์บทความนี้