เด็ก ๆ ควรมีอายุเท่าไหร่กันนะ ถึงจะเริ่มหัดให้ช่วยงานบ้านแต่ละอย่างได้
เด็ก ๆ ที่มีหน้าที่ที่ต้องทำงานบ้านจะใช้ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ได้ดีกว่า นี่เป็นสิ่งที่เหล่านักวิทยาศาสตร์บอกมาเชียวนะ เพราะงานบ้านเหล่านี้สามารถทำให้สุขภาพจิตของเด็ก ๆ ดีขึ้นได้ เพราะพวกเขาได้เข้ามามีส่วนร่วมและรู้สึกว่าตนเป็นคนสำคัญ อย่างไรก็ตาม ควรสอนให้เด็ก ๆ ทำงานบ้านแต่ละอย่างในช่วงอายุที่แตกต่างกันไป และไม่ควรเป็นการสอนเพื่อที่พ่อแม่จะได้ไม่ต้องรับภาระเหล่านี้อีกต่อไป แต่ควรจะใช้งานบ้านเหล่านี้เป็นการสอนบทเรียนชีวิตอันมีค่าให้แก่เด็ก ๆ ต่างหาก
ชีวิตสดใสขอสนับสนุนเหล่าคุณพ่อคุณแม่ที่แสนน่ารักที่พยายามเลี้ยงลูก ๆ อย่างสุดความสามารถ และเราก็อยากจะช่วยแบ่งปันช่วงอายุที่เหมาะสมต่อการทำงานบ้านแต่ละอย่าง และข้อดีเหล่านั้นให้คุณได้อ่านกัน
วัย 2 — 5 ขวบ: เรียนรู้การเรียงลำดับและการจัดระเบียบ
สำหรับเด็กเล็กแล้ว งานบ้านเป็นสิ่งที่สามารถช่วยให้พวกเขาได้พัฒนาทักษะใหม่ ๆ และเป็นการทำให้พวกเขาเห็นว่างานต่าง ๆ มีช่วงเริ่มต้น ช่วงกลาง และมีตอนจบ เช่นคุณมีการหยิบเสื้อผ้ามาสวม มีตอนที่กำลังสวมใส่เสื้อผ้าอยู่ และมีตอนที่ถอดเสื้อผ้าใส่ตะกร้าซักผ้า งานบ้านง่าย ๆ จะช่วยสอนให้พวกเขาสามารถย่อยภาพรวมใหญ่ ๆ ให้กลายเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ ได้ในอนาคต
หมายเหตุ: งานบ้านในช่วงวัยใหม่แต่ละช่วง จะหมายรวมถึงงานบ้านในช่วงวัยที่ผ่านมาทุกช่วงด้วย
- งานบ้านที่แนะนำ: ทำความสะอาดของเล่นและหนังสือ, เอาผ้าใส่ในตะกร้าซักผ้า, เก็บที่นอน และล้างถ้วยชามหลังจากกินเสร็จแล้ว
วัย 6 — 7 ขวบ: เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือและมีส่วนร่วมในการทำงานเป็นทีม
ในช่วงวัยนี้ เด็ก ๆ สามารถช่วยเหลืองานบ้านได้มากขึ้น นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะปลูกฝังให้เห็นความสำคัญของการทำงานเป็นทีมและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยเด็ก ๆ สามารถช่วยคุณทำอาหาร จัดโต๊ะ เขียนรายการซื้อของเข้าบ้าน และซื้อของที่จำเป็นมาจากร้านค้าได้ นอกจากนี้การช่วยดูแลสัตว์เลี้ยงของครอบครัวไม่เพียงแต่จะเป็นการสอนให้พวกเขารู้จักช่วยเหลือ ยังเป็นงานที่สนุกอีกด้วย ! ทั้งหมดนี้ เด็กน้อยจะรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมและมีโอกาสที่จะเพิ่มสายใยผูกพันกับคนในครอบครัวมากขึ้น
- งานบ้านที่แนะนำ: ช่วยเตรียมอาหาร, ช่วยจับจ่ายซื้อของเข้าบ้าน, ช่วยจัดโต๊ะอาหาร, ให้อาหารสัตว์เลี้ยงและรดน้ำต้นไม้
วัย 8 — 9 ขวบ: เข้าใจว่าทุกอย่างมีที่ทางของมัน
เมื่อเด็ก ๆ เติบโตขึ้น พวกเขาก็จะสามารถรับผิดชอบตัวเองได้มากยิ่งขึ้น เช่นสามารถจัดการข้าวของของตัวเอง เป็นต้น รอบตัวพวกเขาจะมีระบบหนึ่งที่เป็นการเรียนรู้ว่าทุกอย่างมีที่มีทางของมัน พวกเขาควรจะจัดพื้นที่อยู่อาศัยให้เป็นระเบียบ เพื่อที่ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์การเรียน ของเล่น และเสื้อผ้าของแต่งตัวต่าง ๆ จะถูกเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย เช่นนี้แล้ว เด็ก ๆ จะเรียนรู้ที่จะเป็นคนสม่ำเสมอและเรียนรู้ว่าจะทำให้พื้นที่อยู่อาศัยของตัวเองเป็นระเบียบเรียบร้อยได้อย่างไร
- งานบ้านที่แนะนำ: จัดข้าวของของตัวเองให้เป็นระเบียบ, เอาจานออกจากที่ล้างจาน และเก็บช้อนส้อมจานชามให้เข้าที่
วัย 10 — 11 ขวบ: เริ่มพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น
ตอนนี้ได้เวลาที่ลูกจะต้องสวมกางเกงเด็กโตและเตรียมพร้อมกับงานที่ใหญ่ขึ้นได้แล้ว ! เมื่อถึงจุดนี้ก็สามารถมอบงานบ้านที่แข่งกับเวลาเป็นสำคัญได้แล้ว เช่นการแพ็คอาหารกลางวัน หรือการเตรียมอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียน งานที่มีความซับซ้อนหลายขั้นตอนอย่างการเตรียมอาหารเช้า จะเป็นงานที่สนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้รู้จักวางแผนล่วงหน้า และคิดว่าต้องทำอะไรเป็นขั้นตอนต่อไปถึงจะทำงานได้สำเร็จ สิ่งนี้จะช่วยให้เด็ก ๆ มีทักษะในการบริหารเวลา อีกทั้งยังมีทักษะในการแก้ปัญหาอีกด้วย
- งานบ้านที่แนะนำ: ทำอาหารเช้า, แพ็คอาหารกลางวันไปโรงเรียน, เทขยะ, เอาถุงขยะไปทิ้ง, ปัดฝุ่น, ดูดฝุ่นและรับจดหมาย
วัย 12 — 15 ปี: เรียนรู้ที่จะจัดลำดับความสำคัญ
สำหรับวัยรุ่นแล้วนั้น งานบ้านสามารถช่วยสร้างความนับถือตนเองในแง่บวกได้หากพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาทำได้และได้รับความไว้วางใจ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ หากได้รับการปฏิบัติราวกับเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นการให้เด็ก ๆ ได้ทำงานบ้านที่เหมาะสมกับช่วงวัยใหม่นี้จะเป็นแรงจูงใจให้เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ สำคัญที่ว่าต้องสอนให้พวกเขามีระเบียบวินัยในตัวเอง และให้รู้ว่าจะจัดลำดับความสำคัญอย่างไร ดังนั้น การให้ทำงานบ้านที่มีความยืดหยุ่นและมีอิสระจึงเป็นความคิดที่ดี
- งานบ้านที่แนะนำ: ล้างรถ, ซักผ้า, ทำสวน, ทำความสะอาด, ตัดหญ้า, เปลี่ยนผ้าปูที่นอน, รีดผ้า, เย็บกระดุม, และเช็ดทำความสะอาดหน้าต่าง
อายุ 16 ปีขึ้นไป: เตรียมตัวสำหรับการใช้ชีวิตอย่างเป็นผู้ใหญ่
เมื่อเด็ก ๆ ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาค่อนข้างจะมีความสามารถและพึ่งพาตนเองได้มากพอแล้ว ดังนั้นงานบ้านสำหรับวัยนี้จึงรวมเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้ใหญ่ทั่วไปคนหนึ่งควรจะสามารถทำได้ ซึ่งนั่นรวมถึงการต้องรู้จักจัดการเงินอย่างแท้จริง และรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทักษะทั้งหมดนี้จะช่วยให้วัยรุ่นเหล่านี้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ในภายหลัง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณควรจะทิ้งงานบ้านทุกอย่างให้ลูกของคุณทำ เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น
- งานบ้านที่แนะนำ: ช็อปปิ้ง, ทำอาหาร, บำรุงรักษารถยนต์, ซื้อของเข้าบ้าน, เปลี่ยนหลอดไฟ, ทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างจริงจัง (เช่นการละลายน้ำแข็งในตู้แช่แข็ง) เป็นต้น
ในบ้านของคุณนั้นคุณแบ่งหน้าที่การทำงานบ้านกันอย่างไรบ้าง ?