ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

แค่ยืดเหยียดเพียง 10 นาทีต่อวัน ก็เห็นผลการเปลี่ยนแปลงขนาดนี้

ตั้งแต่เข้าเรียนวิชาพละเป็นครั้งแรกสมัยที่อยู่โรงเรียนประถม ฉันก็มักจะได้ยินข้อดีมากมายเกี่ยวกับการออกกำลังกายยืดเหยียดกล้ามเนื้อต่าง ๆ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไรนักหรอก พออายุเข้า 30 ปี ฉันก็เริ่มมีอาการปวดหลังเป็นครั้งคราว ไม่มียาอะไรที่จะช่วยได้มาก ดังนั้นจึงต้องมองหาทางแก้ปัญหาแบบใหม่ ๆ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ฉันตัดสินใจที่จะทำการทดลองและนำเอาท่าออกกำลังกายยืดเหยียดกล้ามเนื้อเข้ามาปรับทำในชีวิตประจำวัน ฉันทำการยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพียงแค่วันละ 10 นาทีเป็นเวลา 1 เดือน และตอนนี้ก็สามารถมองเห็นผลลัพธ์ที่ไม่เคยคาดคิดต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเป็นอย่างมาก

ชีวิตสดใสชอบแชร์ผลของการทดลองต่าง ๆ เพื่อหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งนี้จะสามารถผลักดันให้นักอ่านทั้งหลายของเราอยากจะทำตามแบบอย่างนี้ดูบ้าง

กิจวัตรการยืดเหยียดกล้ามเนื้อของฉัน:

  • ท่าเหยียดข้างศีรษะจรดเข่า: นั่งลงกับพื้นโดยเหยียดขาด้านขวาออกไปด้านข้าง งอเข่าซ้ายโดยให้ฝ่าเท้าซ้ายอยู่ใกล้ต้นขาขวาด้านใน เอียงลำตัวไปทางขวาโดยใช้สองมือจับเท้าข้างขวาเอาไว้ ค้างไว้ 60 วินาทีและเปลี่ยนข้าง
  • ท่ากบ: นั่งลงกับพื้นโดยให้เท้าทั้งสองข้างอยู่ใต้ก้นในขณะที่กางเข่าออกจากกัน โดยเท้าทั้งสองข้างยังคงอยู่บนพื้น ในขณะที่ยกก้นขึ้นและใช้มือคลานไปบนพื้นให้ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้ คุณสามารถแยกขาได้กว้างจนกว่าจะรู้สึกว่าต้นขาของคุณตึงขึ้น ค้างท่านี้ไว้เป็นเวลา 2 นาที
  • ท่างูเห่า: นอนคว่ำ ยืดขาไปด้านหลังในขณะที่วางมือไว้บนพื้นใต้หัวไหล่ ยกส่วนบนของลำตัวขึ้นจากพื้นโดยการค่อย ๆ เหยียดศอกให้ตรง ค้างไว้ท่านี้เป็นเวลา 2 นาที
  • ท่าสุนัขก้มหน้า: วางมือและเท้าของคุณลงบนพื้น โดยให้เท้าและมือทั้งสองข้างอยู่ห่างกันเท่ากับความกว้างของหัวไหล่ เหยียดขาและแขนให้ตรง ค้างไว้ท่านี้เป็นเวลา 2 นาที
  • ท่านั่งบิดตัว: นั่งลงกับพื้นและเหยียดขาทั้งสองข้างไปด้านหน้า งอเข่าซ้ายและวางข้อศอกข้างขวาไปบนเข่าด้านซ้ายนั้น วางมือซ้ายไว้บนพื้นด้านหลังคุณและให้มองผ่านไหล่ซ้ายของคุณไป ค้างไว้ 60 วินาที เปลี่ยนข้างและทำซ้ำ

ผลลัพธ์:

8. ฉันเริ่มนอนหลับได้ดีขึ้น

ก่อนการทดลองนี้ฉันไม่ได้มีแค่อาการปวดหลังเพียงอย่างเดียวหรอกนะ ปัญหาด้านการนอนหลับยังเป็นสิ่งที่กวนใจฉันอีกด้วย อาการนอนไม่หลับ ปัญหาในการนอนหลับ การรู้สึกเหนื่อยล้าหลังจากเพิ่งตื่นนอนใหม่ ๆ ฉันรู้จักเรื่องพวกนี้ดีเชียวแหละ แต่ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าแค่การยืดเหยียดกล้ามเนื้อจะสามารถช่วยให้ฉันพักผ่อนในยามค่ำคืนได้ดีขึ้นด้วย

ผลปรากฏว่าการยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนนอนสามารถผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อได้ และยังช่วยป้องกันอาการตะคริวซึ่งอาจเข้ามารบกวนเวลานอนหลับอีกด้วย เมื่อไม่มีอะไรจะมารบกวนการนอนของคุณในยามค่ำคืน คุณก็สามารถนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้นและรู้สึกสดชื่นมากขึ้นเมื่อตื่นนอน ดังนั้นฉันไม่ต้องดื่มชาคาโมมายล์ก่อนเข้านอนอีกแล้ว การยืดเหยียดเป็นการรักษาที่ดีที่สุด !

7. ในที่สุดฉันก็สัมผัสได้ถึงร่างกายของตัวเองอีกครั้ง

แน่นอนว่าการยืดเหยียดเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบที่จะทำให้คุณมีร่างกายที่ยอดเยี่ยม แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น สำหรับฉันการออกกำลังกายยืดเหยียดกลายเป็นวิธีที่ทำให้ฉันได้ร่างกายของฉันกลับคืนมา

เมื่อคุณต้องนั่งทำงานกับโต๊ะตลอดทั้งวัน ตอนกลับบ้านบางทีคุณก็จะไม่รู้สึกถึงขาทั้งสองข้างของคุณอีกแล้ว มันเคยเกิดขึ้นกับฉันจริง ๆ แต่เมื่อฉันได้เริ่มยืดเหยียดร่างกาย ฉันก็รู้ตัวว่าร่างกายของฉันต้องการความใส่ใจจากฉันมากกว่าที่เคยคิด การที่ฉันสามารถพัฒนาการรับรู้ถึงทุกส่วนในร่างกายของตัวเองได้ดียิ่งขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากการยืดเหยียดนี้ ทำให้ฉันสามารถออกกำลังกายยืดเหยียดต่อไปได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น ฉันจะเน้นกล้ามเนื้อที่เคยอ่อนแอกว่ากล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ และกล้ามเนื้อที่ต้องการให้กระชับมากขึ้น

6. ฉันรู้สึกเฉื่อยชาน้อยลง

ฉันเคยมีปัญหาที่จะต้องพยายามทำให้ตัวเองตื่นตลอดเวลาในวันที่งานหนักและลากยาวมาก ช่วงกลางวันฉันจะรู้สึกเกียจคร้านและหงอยเหงาจนทำได้เพียงแต่คิดว่าจะแอบไปงีบที่ไหนดีจึงจะปลอดภัยที่สุด ในขณะที่เจ้านายของฉันกำลังยุ่งกับเรื่องอื่นอยู่

แต่การยืดเหยียดหลังโต๊ะทำงานเพียงแค่ 10 นาทีต่อวันช่วยเพิ่มความกระตือรือร้นให้ฉันได้อย่างมากจริง ๆ ฉันไม่รู้สึกขี้เกียจอีกต่อไป ในทางตรงกันข้าม ฉันกลับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำให้ฉันมีนิสัยที่จะต้องออกไปเดินเล็ก ๆ น้อย ๆ ในช่วงพักกลางวันเสมอ ลาก่อนความเหนื่อยล้าในตอนกลางวัน !

5. อาการปวดหลังหายไป

อาการปวดหลังที่มาเยือนอยู่บ่อย ๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันเริ่มทำการทดลองนี้ ฉันเคยได้ยินมาเสมอว่าการยืดเหยียดสามารถช่วยรักษาและป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่างได้ โดยกล้ามเนื้อจะมีความแข็งแรงมากขึ้นและยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดกล้ามเนื้อฉีกขาดได้ น่าแปลกใจมากที่นี่เป็นเรื่องจริง

ในฐานะที่เป็นคนที่ต้องนั่งทำงานแทบตลอดเวลา ซึ่งทำให้แทบไม่มีเวลาไปออกกำลังกายอย่างเต็มรูปแบบได้ทุกวัน ฉันเลยต้องเลือกทำบางอย่างที่จะสามารถลดอาการหลังแข็งและคืนความคล่องตัวให้กับกล้ามเนื้อสะโพกของฉันโดยต้องไม่เสียเวลาไปมากมายนัก ผลปรากฏว่าการยืดเหยียดเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมมาก

หลังจากการออกกำลังกายยืดเหยียดเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในที่สุดฉันก็รู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายและไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป นอกจากนั้น กล้ามเนื้อของฉันยังแข็งแรงขึ้นและไม่รู้สึกว่าที่ไหล่มีกล้ามเนื้อจับตัวกันเป็นก้อนอีกต่อไป

4. ผลเลือดออกมาดีขึ้น

มีผลการศึกษาบางอย่างที่ชี้ว่าการออกกำลังกายยืดเหยียดกล้ามเนื้อยังสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและรักษาระดับกลูโคสในร่างกายให้ดีอยู่เสมอ โดยป้องกันการเกิดภาวะผนังหลอดเลือดแดงหนาตัว และยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะภายในต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้ด้วยเช่นกัน

ก่อนการทดลอง ฉันไม่ค่อยได้ใส่ใจสุขภาพของตัวเองสักเท่าไหร่ ทั้งขาดการออกกำลังกายเป็นประจำ มีนิสัยการกินที่ไม่ค่อยดีนัก แถมยังมีไลฟ์สไตล์ที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว ทุกอย่างนี้ทำให้ฉันมีระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลสูง อย่างไรก็ตาม การยืดเหยียดกล้ามเนื้อเป็นกิจวัตรประจำวันทุกวันช่วยฉันได้มากเลย ผลเลือดของฉันออกมาเป็นปกติแล้ว

3. การประสานงานของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายดีขึ้น

การยืดเหยียดสามารถป้องกันการหดตัวของกล้ามเนื้อและทำให้ร่างกายของคุณกลับมารู้สึกสมดุลกันมากขึ้น” นี่คือสิ่งที่ฉันอ่านเจอเมื่อเดือนก่อน ฉันคงบอกไม่ได้หรอกว่าแต่ก่อนฉันมีปัญหาร่างกายทำงานไม่ประสานกันรึเปล่า ก็ถ้าคุณได้แต่นั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเก้าอี้ตลอดทั้งวัน คุณก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกถึงความสมดุลอันสมบูรณ์แบบอะไรมากมายหรอกใช่ไหม ?

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่ปีก่อนฉันรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติไปตอนที่ฉันพยายามจะขี่จักรยาน ฉันรักษาสมดุลไว้ไม่ได้ และเริ่มจะเอียงไปทางนั้นทีทางนี้ทีซ้ำไปซ้ำมา มาในวันนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมแค่งานง่าย ๆ ถึงเคยเป็นงานที่ยากลำบากสำหรับฉันมากขนาดนั้น และตอนนี้ฉันก็ภูมิใจมากที่จะพูดว่าในที่สุดฉันก็ได้ทำให้แรงโน้มถ่วงบนโลกใบนี้เห็นแล้วละว่าที่แท้ใครคือเจ้านายกันแน่ !

2. ฉันรู้สึกเครียดน้อยลง

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกตึงเครียด เป็นไปได้มากว่ากล้ามเนื้อของคุณกำลังตึงตัว สิ่งนี้เรียกว่าโรคเครียด หรือภาวะการเจ็บป่วยของร่างกายที่มีสาเหตุมาจากกลไกทางจิตใจ (psychosomatics) โดยทางทฤษฎีแล้วนั้นมันก็ฟังดูสมเหตุสมผลดีหรอก แต่ฉันไม่เคยคิดจริง ๆ ว่าการยืดเหยียดจะได้ผลดีกว่ายากล่อมประสาทใด ๆ เสียอีก

ฉันเคยบอกไปแล้วว่าผลผลิตในการทำงานของฉันดียิ่งขึ้น แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะฉันมีความกระตือรือร้นมากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่การยืดเหยียดยังช่วยให้ฉันใจเย็นลงและคืนความรู้สึกของความเป็นอยู่ที่ดีกลับคืนมา การทำให้จิตใจเย็นลงนี้เองที่เป็นตัวช่วยที่แท้จริงที่ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย และช่วยขจัดสิ่งเศร้าหมองออกไปจากจิตใจได้โดยไม่ต้องมีความคิดด้านลบหรือความคิดที่น่ารำคาญแต่อย่างใด

1. ฉันไม่รู้สึกหนาวตลอดเวลา

คุณอาจจะรู้อยู่แล้วว่าการยืดเหยียดเป็นการเพิ่มให้เลือดไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจะมีประโยชน์ไม่เพียงต่อกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงอวัยวะภายในทุกส่วนตลอดจนทุกส่วนของร่างกายด้วย

ตอนที่ฉันไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกายมากเกินไป ฉันเคยรู้สึกหนาวตลอดเวลา โดยเฉพาะมือและเท้าของฉัน ไม่ว่าฉันจะพยายามทำให้มันอุ่นด้วยวิธีไหน มันก็ไม่สามารถช่วยได้ในระยะยาวแม้แต่น้อย มือของฉันจะหนาวจนแข็งอีกครั้งทันทีหลังผ่านการออกกำลังไปไม่กี่นาที

การยืดเหยียดจนเป็นกิจวัตรช่วยเสริมประสิทธิภาพในการลำเลียงออกซิเจนและเลือดที่อุดมไปด้วยสารอาหารให้ส่งไปทั่วร่างกายของฉันได้ ตอนนี้ ระบบไหลเวียนในร่างกายที่ดีขึ้นนี้ช่วยรักษาให้อุณหภูมิในทุกส่วนของร่างกายฉันเป็นปกติได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ปกติแล้วคุณยืดเหยียดกล้ามเนื้อของคุณบ่อยแค่ไหน ? การออกกำลังกายยืดเหยียดช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างรึเปล่า ? ลองบอกเล่าประสบการณ์ของคุณให้เราฟังหน่อยสิ !

Please note: This article was updated in April 2022 to correct source material and factual inaccuracies.
แชร์บทความนี้