แม่สามีของฉันหวังว่าจะได้รับค่าจ้างจากการใช้เวลากับหลานของเธอ

20% ของลูกสะใภ้จะพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่สามีจะแย่ลงหลังจากที่คลอดลูก การเป็นพ่อแม่เป็นเรื่องท้าทายในตัวของมันเองและพวกเราบางคนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการกลับไปทำงานให้ได้เร็วที่สุด ผู้อ่านชีวิตสดใสคนหนึ่งได้พบกับความตึงเครียดในชีวิตของเธอหลังจากที่แม่สามีขอค่าจ้างในการดูแลหลาน

ชีวิตสดใสเราได้รับจดหมายฉบับนี้และเราอยากจะช่วยแนะนำเอมี่ เราหวังว่ามันจะช่วยให้สถานการณ์ของเธอดีขึ้นและเราก็สงสัยว่าคุณจะจัดการกับปัญหานี้กันอย่างไร

สวัสดี เอมี่ ! ขอบคุณสำหรับจดหมายของคุณ ! ทีมงานชีวิตสดใสได้รวมตัวและถกเถียงกันถึงสถานการณ์นี้ และนี่คือคำแนะนำที่ดีที่สุดที่เราคิดได้

• ลองทำความเข้าใจว่าทำไมแม่สามีของคุณจึงขอค่าจ้างเพื่อแลกเปลี่ยนกับการดูแลหลาน คุณบอกว่าแม่สามีเพิ่งเกษียณมาซึ่งจากคำกล่าวของผู้เชี่ยวชาญ คนที่เกษียณอายุจะกังวลว่าเงินเก็บของพวกเขาจะอยู่ได้นานแค่ไหน มันอาจจะเป็นเหตุผลในกรณีของแม่สามีของคุณ วิธีการเดียวที่จะรู้ได้ก็คือการพูดแบบเปิดใจ ซึ่งจะนำเราไปสู่จุดต่อไป

• พูดคุยกับแม่สามีของคุณ ลองจัดเวลาสำหรับการคุยกันแบบเปิดใจ, ตรงไปตรงมาและใจเย็นแบบที่ผู้ใหญ่คุยกัน บอกเธอว่าคุณรู้สึกยังไง การพูดคุยอาจจะไม่เป็นไปตามแผนและออกนอกทางได้ ดังนั้นเราจึงเตรียมคำแนะนำ 3 ขั้นตอนในการหลีกเลี่ยงไม่ให้บทสนทนาของคุณให้กลายเป็นการทะเลาะหรือการถกเถียงกัน

• ขั้นที่ 1: อย่าคิดเอาเองว่าแม่สามีจะมีปฏิกิริยาที่ไม่ดี
• ขั้นที่ 2: พูดความรู้สึกของคุณโดยที่ไม่จำเป็นต้องให้เหตุผลอะไร เช่นพูดว่า “ฉันรู้สึกเข้าใจผิด” แทนที่จะพูดว่า “ฉันรู้สึกเข้าใจผิดเพราะคุณร้องขอสิ่งนี้” การพูดแบบประโยคแรกจะเป็นการชวนให้แม่สามีมาพูดคุยโดยไม่เป็นการบังคับให้เธอเป็นฝ่ายที่ต้องตั้งรับ
• ขั้นที่ 3: เน้นถึงสิ่งที่คุณทำ ไม่ใช่สิ่งที่คุณไม่ทำ

• คนแปลกหน้าที่มีคุณวุฒิเหมาะสมหรือญาติอันเป็นที่รัก คุณจะเลือกคนไหน ? จำไว้ว่าการจ้างพี่เลี้ยงเด็กที่มีคุณวุฒิอาจจะแพงกว่าค่าจ้างที่แม่สามีคุณขอก็ได้ ท้ายที่สุดแล้วลองคิดดูว่าคุณและสามีจะรู้สึกสบายใจกับสิ่งไหนมากกว่ากัน ยิ่งไปกว่านั้นลองคิดดูว่าแม่สามีเป็นคนเลี้ยงคนที่คุณใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย เพราะฉะนั้นเธอต้องผ่านอะไรมามากมายแล้วในแง่ของการเลี้ยงลูก

• ลองหาวิธีการอื่น สถานที่รับเลี้ยงเด็กมีทั้งข้อดีและข้อเสีย มันมีราคาที่แพงกว่าและมีความเครียด นอกจากนี้มันอาจจะมีสิ่งที่คุณทั้งสองคนต้องทำเพิ่มขึ้น (อย่างเช่นการพาลูกไปส่งและไปรับจากสถานรับเลี้ยงเด็ก) ยิ่งกว่านั้นมันยังมีวันที่ลูกของคุณต้องอยู่ที่บ้านด้วย แล้วคุณก็ต้องหาคนที่คุณไว้ใจได้และเลี้ยงลูกให้ในตอนนั้นอยู่ดี

• ส่วนใหญ่แล้วญาติผู้ใหญ่ไม่ได้หวังค่าจ้างจากการเลี้ยงหลาน แต่มันก็สมเหตุสมผลที่พวกเขาจะได้รับค่าจ้าง การดูแลเด็กก็เหมือนเป็นงานประจำ เพราะพวกเขาต้องป้อนข้าว, เปลี่ยนผ้าอ้อมและดูแลเด็ก ๆ ตลอดเวลาซึ่งมันไม่ใช่งานที่ง่ายเลย โดยเฉพาะในช่วงอายุที่มากแล้ว

เราหวังว่าคำแนะนำนี้จะช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์ของคุณได้ และไม่ว่ายังไงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแม่สามีก็จะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น

พ่อแม่ของคุณเคยดูแลลูกให้คุณไหม ? คุณเคยคิดที่จะจ่ายเงินหรือชดเชยอะไรให้กับเวลาของพวกเขาบ้างหรือเปล่า ? คุณจะตอบกลับยังไงถ้าสมาชิกในครอบครัวขอค่าจ้างในการเลี้ยงเด็กจากคุณ ? บอกให้เรารู้ในช่องคอมเมนต์ทีนะ