ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

นิโคล คิดแมนและคีธ เออร์เบิร์นยังคงอยู่ด้วยกันหลังจากแต่งงานกันมา 15 ปีแล้ว และคำแนะนำในขีวิตแต่งงานของทั้งคู่ก็เป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก

ชีวิตแต่งงานต้องใช้ความอดทนอย่างมาก แต่เมื่อคุณได้เจอคนที่เหมาะสมแล้ว มันก็จะทำให้การใช้ชีวิตกับคนรักของพวกคุณกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่อาจจะเคยเกิดขึ้นก็ได้ นิโคล คิดแมน (Nicole Kidman) ได้พบกับสามีของเธอในช่วงหลังของชีวิต แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม ตลอดเวลา 15 ปีของการแต่งงาน เรื่องราวของพวกเขาทำให้เราเห็นว่าด้วยรักแท้และความมุ่งมั่นนั้นจะทำให้ชีวิตแต่งงานอยู่ไปได้อย่างยืนยาว

เราที่ชีวิตสดใสเชื่อว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตครอบครัวที่มีความสุข ดังนั้นเราจึงแบ่งปันเรื่องราวความรักที่แสนสวยงามที่จะทำให้เห็นว่าเรื่องราวของนิโคล คิดแมนละคีธ เออร์เบิร์น (Keith Urban) ได้สอนอะไรเราบ้างเกี่ยวกับชีวิตแต่งงาน

1. พลังของความโรแมนติก

นิโคล คิดแมนพบกับคีธ เออร์เบิร์นในปี 2005 และทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ คีธใช้เวลา 4 เดือน กว่าจะกล้าโทรหานิโคลอีกครั้ง หลังจากทั้งคู่เจอกัน ในปี 2006 นักร้องหนุ่มได้เซอร์ไพรส์เธอด้วยดอกไม้มากมายตอนตีห้าในวันเกิดของเธอด้านนอกอพาร์ทเม้นท์ที่นิวยอร์ก

งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จนั้นควรจะมีปฏิสัมพันธ์ในด้านบวกมากกว่าด้านลบกับคนรักของคุณ ด้วยวิธีการนี้ ท่าทางเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าพลังงานและความรอบคอบของคุณได้จดจ่ออยู่ที่คนรักนั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญในความสัมพันธ์ที่มีความสุข

2. เป็นกำลังใจให้กันในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

หลังจากแต่งงานกันได้ไม่กี่เดือน พอคีธต้องไปเข้ารับการบำบัด นิโคลก็เป็นกำลังใจให้เขาและคอยช่วยเหลือเขาตลอดการบำบัด หลายปีต่อมา ตอนที่นักแสดงหญิงสูญเสียพ่อและกำลังจะก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก คีธก็อยู่เป็นกำลังใจให้เธอเช่นกัน นิโคลบอกว่าเขา “ทำให้เธอผ่านช่วงเวลา” ที่แสนยากเย็นนี้ไปได้

นี่เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนควรจะเรียนรู้จากมัน คู่รักที่ดีจะมีความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งมากขึ้นเมื่อได้ผ่านช่วงเวลาอันแสนท้าทาย พวกเขาทำได้โดยการยอมรับว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากซึ่งต้องการการเอาใจใส่ซึ่งกันและกันและการตั้งใจฟัง

3. ขอบเขตที่เข้มแข็ง

กุญแจสำคัญของทั้งคู่ในการใช้ช่วงเวลาที่มีคุณภาพด้วยกันก็คือการปิดโหมดการทำงานได้ พวกเขามี “ชีวิตที่เรียบง่าย, เงียบสงบและดีต่อใจ” ในแนชวิลล์และเมื่อทั้งคู่ไม่ต้องทำงาน พวกเขาก็ใช้เวลาที่นั่นด้วยกัน อันที่จริงพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในบ้านด้วยซ้ำ และนิโคลถึงกับกำจัดออฟฟิศในบ้านของเธอออกไปและไม่ใช้คอมพิวเตอร์บนเตียงและไม่มีโทรทัศน์ในห้องนอนทั้งคู่ด้วย

ความสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตและการทำงานอาจจะเป็นอุปสรรคของพวกเราทุกคนในความสัมพันธ์ มันเป็นเรื่องยากที่จะทิ้งความเครียดของเราไปและรักษาขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างเรื่องงานและเรื่องที่บ้าน แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องมั่นใจว่าคุณจัดลำดับความสำคัญของความสัมพันธ์และกำหนดขอบเขตเอาไว้อย่างชัดเจน รวมถึงการใช้เวลากับคนรักด้วย

4. ความรู้สึกขอบคุณ

นิโคลบอกว่าการได้พบกับคีธเป็น “สิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน” เธอโชคดีที่ได้เจอเขาและได้รู้ว่าทั้งคู่เป็นลูกครึ่งซึ่งทำให้ทั้งสองคนเหมาะสมกันมาก คีธเห็นด้วยและบอกว่าการแต่งงานกับคนที่เหมาะสมกับคุณเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

การแสดงความรู้สึกขอบคุณเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยส่วนใหญ่แล้วมันมาจากการแสดงให้เห็นว่าคุณรู้สึกห่วงใยและชื่นชมกับข้อดีของความสัมพันธ์ แต่การรู้สึกขอบคุณยังช่วยให้เรามีความสุข, ความพึงพอใจและกระตุ้นให้เรามีส่วนร่วมในการทำอะไรดี ๆ ได้ในอนาคต และโดยรวมแล้วมันจะเสริมสร้างความสัมพันธ์และสุขภาพจิตของเราได้ด้วย

5. สนับสนุนกัน

คำแนะนำที่ยอดเยี่ยมที่สุดของนิโคลเป็นคำแนะนำง่าย ๆ ซึ่งก็คือการสนับสนุนกัน เธอบอกว่าคำแนะนำเดียวของเธอคือการสนับสนุน “เรื่องของเรา” และการถามว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันโอเคกับเรารึเปล่า ?” เมื่อคุณแต่งงาน คุณจะสร้างคำว่า “เรา” ขึ้นมาและมันก็เป็นของคุณทั้งคู่ มันคือสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาและมันก็เป็นเอกลักษณ์ของคุณทั้งสองคน

นี่คือกุญแจสำคัญที่เราเรียนรู้จากเรื่องราวความรักของนิโคลและคีธ วิทยาศาสตร์บอกว่ากุญแจสำคัญสองอย่างในความสัมพันธ์ที่ดีก็คือการสื่อสารที่ดีและการทำงานเป็นทีมอย่างร่วมแรงร่วมใจ ความเชื่อใจและความเคารพกันในแบบที่คุณสื่อสารและทำงานในฐานะของ “เรา” จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ที่โรแมนติกของเรา

6. เชื่อในรักแท้

นิโคลบอกว่าเธอรู้ตั้งแต่แรก ๆ ที่คบกับคีธแล้วว่าเขาเป็นคนที่ใช่สำหรับเธอ เธอเป็นคนที่โรแมนติกอย่างมากและเธอเชื่อหมดใจว่าเขาคือคนนั้น โชคดีที่นักดนตรีหนุ่มก็รู้สึกแบบเดียวกัน เขาบอกว่านิโคลคือ “คนที่ผมตามหามาตลอดชีวิต” ด้วยความเชื่อของเขาในเรื่อง “ใครคนนั้น” คีธเปลี่ยนชีวิตของตัวเองไปอย่างมากคือจะคงความสัมพันธ์ที่แสนพิเศษของพวกเขาเอาไว้

ตอนนี้วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้แล้วว่ารักแท้มีอยู่จริง ! และมันก็แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ความรักที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่มันยังยาวนานตลอดชีวิตเลยด้วย การรู้และการเชื่อในสิ่งนี้จะช่วยให้เรามีพฤติกรรมที่เปิดกว้าง, เข้าอกเข้าใจและซื่อสัตย์ที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเราแข็งแรงขึ้น การมองว่าความรักเป็นคำกริยานั้นเป็นเรื่องดีเพราะการกระทำจะเป็นสิ่งที่ทำให้มันเติบโตขึ้นเอง

คำแนะนำเกี่ยวกับชีวิตแต่งงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของคุณคืออะไร ? สิ่งที่น่าปลื้มใจที่สุดในตัวคนรักของคุณคืออะไร ?

เครดิตภาพพรีวิว nicolekidman / Instagram, nicolekidman / Instagram
แชร์บทความนี้