11 “สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ” ที่เราทำที่สามารถทำลายสิ่งแวดล้อมได้อย่างมหาศาล
เมื่อพูดถึงแนวคิดในการ “กอบกู้โลก” เรามักจะรู้สึกว่าจำเป็นต้องลงมือทำมันอย่างยิ่งใหญ่ แถมแก้ปัญหาทั้งหมดในครั้งเดียวราวกับว่าเรานั้นเป็นซูเปอร์ฮีโร่ แต่วันนี้เรารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำหรือพยายามจะไม่ทำมันในทุกวัน
เนื่องจากเราทุกคนต้องการให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น พวกเราที่ชีวิตสดใสอยากแสดงให้คุณเห็นสิ่งเล็กน้อย 11 อย่างที่คุณไม่รู้เลยว่ากำลังทำลายสิ่งแวดล้อมอยู่ พร้อมทั้งข้อแนะนำว่าควรทำอย่างไรดี
1. ใช้ยาสีฟันที่ผสมเม็ดพลาสติก
ยาสีฟันบางยี่ห้อโอ้อวดเรื่องการทำความสะอาดด้วยอนุภาคขนาดเล็ก ว่ามันสามารถเข้าถึงจุดที่ยากที่แปรงสีฟันธรรมดา ๆ ไม่สามารถทำได้ แต่เม็ดเหล่านี้ทำมาจากโพลิเอทิลีนและมีลักษณะคล้ายไข่ปลา เมื่อมันไปยังมหาสมุทร ก็จะถูกสัตว์ทะเลมากมายกินเข้าไป ทำให้สุขภาพของพวกมันเสีย และก็ดูเหมือนว่าเม็ดไมโครบีดส์เหล่านี้จะส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์ด้วยเช่นกันโดยมันจะติดอยู่ที่เหงือกของเราและอาจเป็นกับดักขนาดใหญ่สำหรับแบคทีเรีย ซึ่งทำให้เกิดการติดเชื้อ
เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ ให้มองหาโพลิเอทิลีนในรายการส่วนประกอบเมื่อซื้อยาสีฟัน มันจะดีต่อทุกคนเลยล่ะ
2. มีกางเกงยีนส์หลายตัว
ลองนึกภาพการอาบน้ำ 104 ครั้ง เมื่อพูดเป็นตัวเลขแล้ว นั่นคือน้ำ 1,800 แกลลอน ซึ่งเป็นปริมาณเดียวกับที่ใช้ในการผลิตกางเกงยีนส์ตัวเดียว หากคุณเป็นคนตามเทรนด์แฟชั่น คุณก็อาจจะมีมันมากกว่าหนึ่งตัว
คุณไม่จำเป็นต้องเลิกใช้กางเกงยีนส์ในชีวิตก็ได้ แต่การช้อปปิ้งอย่างมีสตินั้นคือการเริ่มต้นที่ดี โดยพยายามลงทุนในกางเกงยีนส์ที่ดีมากกว่าตัวที่มีคุณภาพต่ำ นอกจากนี้ยังมีบางยี่ห้อที่ลงทุนในกระบวนการผลิตแบบยั่งยืน ดังนั้นควรมองหายี่ห้อเหล่านั้นก่อนตัดสินใจซื้อเสื้อผ้า
3. ใช้กาแฟแคปซูล
การมีเครื่องชงกาแฟพร้อมกาแฟแคปซูลเป็นหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกร่วมสมัยซึ่งดูเหมือนจะขาดไม่ได้ แต่ซักวันนึงเราจะต้องจัดการกับสิ่งอำนวยความสะดวกนี้ เพราะได้รับการพิสูจน์แล้วว่ากาแฟแคปซูลไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสิ่งแวดล้อม แล้วควรพิจารณาการใช้งานมันใหม่โดยเร็วที่สุด
ตั้งแต่มันได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก เราจึงต้องเผชิญกับกาแฟแคปซูลจำนวนมหาศาลที่ไม่ได้นำกลับมาใช้ใหม่หรือย่อยสลาย เพราะแคปซูลเหล่านี้ทำมาจากวัสดุประเภทต่าง ๆ และไม่ควรทิ้งลงในถังขยะทั่วไป
เราควรหาแบรนด์ที่ใช้แคปซูลที่ย่อยสลายทางชีวภาพหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยพยายามรีไซเคิลเท่าที่คุณทำได้ หรือใช้วิธีการชงกาแฟแบบเก่าที่ดีด้วยน้ำเดือดและตัวกรองกาแฟ ซึ่งคุณก็รู้จัก
4. กินอาหารด้วยตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้ง
เมื่อพูดถึงอุปกรณ์ใช้ทานอาหาร เราก็ควรทำตามกฎเดียวกันกับที่ทำกับอาหารตะวันตกเมื่อสั่งอาหารเอเชียกลับบ้านคือหลีกเลี่ยงสิ่งของแบบใช้แล้วทิ้งทุกวิถีทาง! เพราะตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้งนั้นเป็นต้นเหตุการทำลายต้นไม้ 3.8 ล้านต้นในจีนแค่แห่งเดียว
วิธีแก้ปัญหานั้นง่ายมาก ถ้าคุณมักจะซื้ออาหารมากมายจากร้านเอเชียกลับบ้าน ให้พกตะเกียบแบบนำกลับมาใช้ใหม่ได้ติดตัวไปด้วย ซึ่งมีหลายประเภทที่ทำจากวัสดุที่ต่างกัน อย่างเช่น โลหะ
5. ใช้สบู่เหลว
สบู่เหลวไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดในการรักษาสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ เพราะมันใช้พลังงานในการผลิตมากกว่า 5 เท่า มีบรรจุภัณฑ์เพิ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีฉลากคาร์บอนที่ใหญ่กว่าในรูปแบบก้อน นอกจากนี้เรายังมีแนวโน้มที่จะใช้สบู่เยอะขึ้นเมื่อมันเป็นของเหลว ซึ่งไม่ได้รับประกันว่าผิวจะสะอาดขึ้นด้วยซ้้ำ เมื่อไม่แน่ใจก็ให้เลือกสบู่ก้อน
6. โกนด้วยมีดโกนแบบใช้แล้วทิ้ง
ด้วยขยะพลาสติกจำนวนมาก มีดโกนแบบใช้แล้วทิ้งจึงเป็นตัวเลือกที่แย่ที่สุดในการกำจัดขนที่ไม่ต้องการ เพราะชิ้นส่วนพลาสติกของมันไม่สามารถรีไซเคิลได้ และการผลิตมันก็ต้องใช้น้ำเป็นจำนวนมาก เมื่อพูดถึงน้ำแล้ว การโกนหนวดก็ไม่ใช่แนวทางปฏิบัติที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากอาจต้องใช้น้ำถึงหนึ่งแกลลอนในแต่ละครั้งที่คุณโกนหนวด
นอกจากนี้ยังมีมีดโกนซึ่งมักจะไม่ได้ผลิตโดยอุตสาหกรรมเดียวกัน ดังนั้นการขนส่งจึงสามารถทิ้งรอยเท้าคาร์บอนได้เช่นกัน
หากคุณคิดว่าเครื่องโกนหนวดไฟฟ้าไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อมเพราะใช้ไฟฟ้าแล้วล่ะก็ อันที่จริงผลกระทบมันน้อยกว่าการโกนด้วยน้ำร้อนเสียอีก ดังนั้นหากคุณต้องการตัวเลือกการโกนที่ดีกว่า ให้เลือกใช้แบบไฟฟ้า!
7. ปล่อยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อยู่ในโหมดสแตนด์บาย
ไม่มีประโยชน์อะไรในการปล่อยให้เหล่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคุณอยู่ในโหมดสแตนด์บาย เนื่องจากการใช้พลังงานในช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้งานนี้มีความสำคัญมาก เพราะในระดับโลก นี่อาจหมายความว่าโหมดสแตนด์บายคิดเป็น 1% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดของโลก ส่วนในระดับภายในประเทศ คิดเป็น 8% ของค่าไฟของเรา ซึ่งมันไม่คุ้มกันเลย ดังนั้นควรถอดปลั๊กทั้งหมดออกจะดีกว่า
8. ทิ้งกระดาษห่อของขวัญแทนการใช้ซ้ำ
น่าเสียดายที่กระดาษห่อของขวัญสวย ๆ และมันวาวส่วนใหญ่จากของขวัญที่เราได้รับมานั้นไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ เพราะมันประกอบไปด้วยสารเติมแต่งกระดาษและชิ้นส่วนพลาสติกที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นอะไรได้ ทางเลือกอื่นก็คือนำกลับมาใช้ใหม่! และคุณสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ของคุณในการทำเช่นนี้ได้โดยเอามันไปปิดก้นลิ้นชัก ห่อสมุดโน้ตของโรงเรียน ทำโอริกามิ หรือถ้ากระดาษไม่ยับเกินไป ก็ใช้ห่อของขวัญอื่น ๆ ได้ หากคุณเป็นคนที่มอบของขวัญให้ ลองใช้ตัวเลือกที่ยั่งยืน เช่น ถุงกระดาษสีน้ำตาล หนังสือพิมพ์เก่า ผ้า และวัสดุอื่น ๆ ที่คุณคิดว่าสวยงาม
9. ปิดไฟหลอดฟลูออเรสเซนต์
อาจดูขัดแย้งกัน แต่จริง ๆ แล้ว เปิดไฟฟลูออเรสเซนต์ไว้ดีกว่าปิดมันหลาย ๆ ครั้งในหนึ่งวัน เนื่องจากอายุการใช้งานของหลอดฟลูออเรสเซนต์จะคำนวณจากจำนวนครั้งที่เปิดไฟ โดยพิจารณาจากที่ไฟนี้ใช้พลังงานส่วนใหญ่ในการเปิดทำงาน ดังนั้นหากคุณวางแผนที่จะเข้าไปในห้องหลาย ๆ ครั้งต่อวัน การเปิดไฟไว้ตลอดเวลาก็ดีกว่าการปิดไฟทุกครั้งที่คุณออกไป
10. ใช้กลิตเตอร์
กลับกลายเป็นว่ากลิตเตอร์ไม่ได้มีเสน่ห์ต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก เนื่องจากมันทำมาจากพลาสติกชิ้นเล็ก ๆ และอย่างที่เราทราบกันดี พลาสติกเป็นปัญหาใหญ่สำหรับธรรมชาติ
อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้กลิตเตอร์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ซึ่งหาได้ง่ายมาก ๆ โดยคุณยังสามารถใช้กลิตเตอร์แบบกินได้ที่ออกแบบมาสำหรับใช้ทำขนม! มันดูวิบวับเหมือนของต้นฉบับเลยล่ะ
11. เทน้ำมันลงในอ่าง
ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม คุณต้องไม่ทิ้งน้ำมันที่ใช้แล้วลงในท่อระบายน้ำอ่างล้างจานของคุณ เพราะมันจะปนเปื้อนในน้ำและไม่สามารถบำบัดได้ นี่ยังรวมถึงการทิ้งน้ำมันลงชักโครกด้วย เพราะมันอาจไปอุดตันท่อของบ้านคุณ
เมื่อพูดถึงการกำจัดน้ำมันที่ใช้ทำอาหารแล้ว คุณควรรู้ว่าเมืองของคุณจัดการกับขยะประเภทนี้ยังไง เพราะบางแห่งมีนโยบายรีไซเคิลน้ำมันที่ช่วยให้คุณทำสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น แต่คำแนะนำเบื้องต้นคือให้ใส่น้ำมันลงในภาชนะที่รีไซเคิลได้ จากนั้นค่อยทิ้งมันไป
แล้วคุณล่ะ? ได้ค้นพบการกระทำใดที่ไม่เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมบ้างไหม มาแชร์ความคิดเห็นของคุณกับเราในคอมเมนต์ได้เลย!