12 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการระบำใต้น้ำที่โชว์ให้เห็นมากกว่าชุดว่ายน้ำสวย ๆ

คนที่ฝึกกีฬาย่อมรู้ดีว่ากีฬาแต่ละประเภทนั้นต้องใช้ทักษะหรืออุปกรณ์เฉพาะ เพื่อฝึกฝนได้อย่างถูกต้อง แล้วกีฬาระบำใต้น้ำก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน คนที่ได้ดูการแข่งขันประเภทนี้มักจะประหลาดใจไปกับการเคลื่อนไหวของนักกีฬาที่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ในน้ำพร้อมกับชุดว่ายน้ำหลากสีสัน แต่เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ เบื้องหลังนักกีฬาต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่าง เพื่อทำให้กีฬาประเภทนี้ดูเฉิดฉายได้อย่างแท้จริง

1. นักกีฬาระบำใต้น้ำแสดงต่อหน้ากรรมการ 15 คน

ในระเบียบการแข่งขันของกีฬาประเภทนี้ คุณจะพบคณะกรรมการตัดสินที่ประกอบไปด้วยกรรมการสามชุด ซึ่งแต่ละชุดมีกรรมการจำนวนห้าคน แล้วชุดกรรมการเหล่านี้แต่ละชุดจะประเมินด้านต่าง ๆ ของการแสดง โดยในระหว่างที่ทำการแสดงท่าปกติ กรรมการชุดแรกจะให้คะแนนความสำเร็จของท่า กรรมการชุดสองประเมินการสร้างความประทับใจ และชุดที่สามประเมินท่าที่ใช้ ในทางกลับกันในการแสดงท่าทางแบบอิสระ กรรมการชุดแรกจะประเมินการแสดง กรรมการอีกชุดประเมินความเป็นศิลปะ ส่วนกรรมการชุดสุดท้ายประเมินความยากของท่า

2. พวกเธอมักจะออกแบบการแต่งหน้าเองและแต่งหน้าด้วยตัวเอง

นักกีฬาประเภทนี้บางทีมมีเงินน้อย ดังนั้นพวกเธอจึงไม่สามารถจ้างช่างแต่งหน้ามืออาชีพสำหรับทุก ๆ การแข่งขันได้ ดังนั้นนักระบำใต้น้ำจึงเลือกที่จะออกแบบการแต่งหน้าเองและแต่งหน้าด้วยตัวเอง

3. นักระบำใต้น้ำหมดเงินไปกับการแต่งหน้าเยอะมาก

การเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันไม่ใช่เรื่องถูก ๆ เพราะนักระบำใต้น้ำแต่ละคนใช้ครีมกันแดดหนึ่งขวดต่อสัปดาห์และชุดว่ายน้ำใหม่หนึ่งตัวต่อเดือนโดยเฉลี่ย อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงการแต่งหน้า ไม่ใช่เรื่องความฟุ้งเฟ้อที่นักกีฬาเหล่านี้จะทาลิปสติกประมาณสิบแท่งตลอดอาชีพการงานของพวกเธอ แล้วการแต่งหน้าของพวกเธอก็เหมือนกับการแต่งหน้าออกทีวีที่อาจดูใบหน้าแบบใกล้มาก ๆ แต่ก็ดูเป็นธรรมชาติเมื่อมองจากระยะไกล

4. พวกเธอต้องเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด

ระเบียบพื้นฐานของการระบำใต้น้ำ ท่าทางแต่ละท่าอาจใช้เวลาสองนาทีครึ่งถึงห้านาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนคนในทีมที่เข้าร่วมแข่งขัน อย่างไรก็ตามไม่ว่านักกีฬาจะอยู่ในน้ำกี่คน พวกเธอจะถูกปรับหากการแสดงท่าของพวกเธอใช้เวลานานมากกว่าหรือน้อยกว่า 15 วินาทีตามที่ควรจะเป็น

5. กีฬาชนิดนี้ช่วยทำให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น

โดยทั่วไปแล้วการว่ายน้ำเป็นกีฬาที่รู้จักกันดีในเรื่องการช่วยทำให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดของผู้ที่ว่ายน้ำดีขึ้น เนื่องจากมันจะเพิ่มการใช้ออกซิเจนในร่างกายโดยที่ไม่ทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไป แล้วสิ่งนี้เองที่นำไปสู่การลดความเสี่ยงของการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจลดลงถึง 40%

6. บางครั้งพวกเธอต้องผ่านการทดสอบความยืดหยุ่น

นักกีฬาอาจต้องผ่านการทดสอบความยืดหยุ่นก่อนที่จะแสดงท่าทางต่าง ๆ ในการแข่งขันที่สำคัญ โดยผู้ตัดสินจะเพิ่มหนึ่งคะแนนให้กับผลคะแนนสุดท้ายของทีมที่มีสมาชิกในทีมแต่ละคนที่ผ่านการทดสอบ

7. พวกเธอต้องเลือกชุดว่ายน้ำที่เหมาะสม

นักระบำใต้น้ำจะต้องระมัดระวังในการเลือกชุดว่ายน้ำสำหรับกีฬาประเภทนี้ เพราะไม่เพียงแต่จะต้องคำนึงถึงวัสดุที่นำมาชุดว่ายน้ำเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงการออกแบบด้วย โดยตามหลักแล้วควรเป็นชุดว่ายน้ำที่ใส่สบาย เบา และรองรับสรีระได้ดี แล้วดีไซน์ชุดที่มีตัว “X” อยู่ด้านหลังและชุดว่ายน้ำแบบเว้าสูงก็เป็นรูปแบบที่พบได้บ่อยที่สุด เนื่องจากช่วยให้เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระมากขึ้น

8. บางการแข่งขันต้องใช้ทักษะเฉพาะ

การแข่งขันระบำใต้น้ำอาจต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่ในแง่ของเวลาหรือการแต่งหน้าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงชุดที่สวมใส่ด้วย โดยในการแข่งขันภาคบังคับ ผู้ชนะจะต้องแสดงท่าเฉพาะต่อหน้าคณะกรรมการตัดสิน ซึ่งมีหน้าที่ประเมินเทคนิคที่พวกเธอใช้ ดังนั้นแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนหรือเพื่อให้บางคนดูโดดเด่น พวกเธอจำเป็นต้องสวมชุดว่ายน้ำสีดำโดยที่ไม่มีโลโก้ที่มองเห็นได้และสวมว่ายน้ำหมวกสีขาว

9. พวกเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองสามารถกลั้นหายใจได้นานแค่ไหน

พวกเราหลายคนอาจคิดว่านักกีฬาประเภทนี้สามารถกลั้นหายใจใต้น้ำได้เป็นเวลานาน แต่ทว่าพวกเธอนั้นกลับไม่รู้จริง ๆ เนื่องจากขณะที่ฝึกซ้อมหรือแข่งขันพวกเธอจะไม่กลั้นหายใจขณะอยู่นิ่ง ๆ เพราะพวกเธอผลุบ ๆ โผล่ ๆ จากน้ำทุก ๆ สองสามวินาที

10. นักกีฬาบางคนไม่ใส่ที่หนีบจมูก

อุปกรณ์เสริมเหล่านี้ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าจมูกนักกีฬา และถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่นักกีฬาส่วนใหญ่ก็ใส่มัน อย่างไรก็ตามก็คนอื่น ๆ ที่ได้คิดค้นวิธีต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าจมูก อย่างเช่นแมรี่ คิลแมน (Mary Killman) ที่สามารถปิดจมูกด้วยริมฝีปากบนของเธอได้

11. พวกเธอว่ายน้ำโดยที่ลืมตา

แม้ว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้สวมแว่นตาว่ายน้ำ แต่พวกเธอก็ต้องลืมตาไว้ตลอดเวลาแม้ในขณะที่อยู่ใต้น้ำ แล้วในระหว่างที่แสดงท่าทาง พวกเธอต้องไม่คลาดสายตาจากคู่เต้นของตัวเอง เพื่อที่ว่าพวกเธอจะได้แก้ไขการจัดตำแหน่งหรือเตรียมการเคลื่อนไหวแบบเฉพาะหากจำเป็น

12. พวกเธอไม่อายเรื่องประจำเดือนของตัวเอง

ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ เคลซี่ วอร์เรล (Kelsi Worrell) ผู้ชนะเลิศเหรียญทองโอลิมปิกได้กล่าวว่า “ไม่มีอะไรน่าอายเกินไป พวกเราอ่อนโยนต่อกันมาก ๆ และเปิดกว้างมากในการช่วยเหลือกันและกัน” ตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนเห็นสายผ้าอนามัยแบบสอด เพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ก็จะช่วยบอก

คุณเล่นกีฬาอะไรและกีฬานั้นมีความพิเศษอย่างไรบ้าง ? แล้วหากคุณมีโอกาสเล่นกีฬาชนิดหนึ่ง คุณจะเลือกเล่นกีฬาชนิดใดและเพราะอะไร ?