12 เรื่องราวชวนทึ่งที่พบเจอได้ที่อินเดียเท่านั้น ใครเคยไปมาแล้วหรือกำลังอยากไปยกมือขึ้น !
ประเทศอินเดีย หรือรู้จักกันในชื่ออย่างเป็นทางการว่าสาธารณรัฐอินเดีย (Republic of India) คือประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ประเทศในเอเชียใต้ประเทศนี้มีชื่อเสียงทางด้านความหลากหลายทางภาษาและศาสนาเป็นอย่างมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ประเทศอินเดียเป็นจุดหมายในการเดินทางที่น่าตื่นตาตื่นใจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากมายในแต่ละปีเพื่อไปลองสัมผัสกับวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
ชีวิตสดใสได้รวบรวมเหล่าข้อเท็จจริงที่น่าทึ่งมากที่สุดที่ทำให้ประเทศอินเดียเป็นสถานที่ที่แสนจะมีเอกลักษณ์
1. สตรีที่แต่งงานแล้วจะสวมแหวนที่นิ้วเท้า
ในประเทศตะวันตกส่วนมาก ผู้คนที่แต่งงานแล้วมักจะสวมแหวนที่มือซ้าย แต่ในประเทศอินเดียนั้น แหวนแต่งงานจะอยู่ที่มือขวา เพราะมือซ้ายถูกมองว่าเป็นมือที่เอาไว้สำหรับ “ทำงานสกปรก” จากการล้างเท้าและช่วยในการสวมใส่รองเท้า
อย่างไรก็ตาม สตรีที่แต่งงานแล้วในประเทศอินเดียจะไม่เพียงสวมแหวนไว้ที่มือเท่านั้น แต่พวกเธอยังสวมไว้ที่นิ้วเท้าของเธออีกด้วย แหวนนิ้วเท้านี้เรียกว่า บีชีย่า (bichhiya) ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชาวฮินดู แหวนบีชีย่าจะเป็นแหวนที่สวมลงบนนิ้วชี้ของนิ้วเท้าทั้งสองข้าง
ชาวฮินดูเชื่อว่าการทำเช่นนี้มีสรรพคุณทางการแพทย์หลายประการด้วยเช่นกัน โดยแรงกดจากตัวแหวนบนนิ้วชี้เท้านั้นจะทำให้สตรีมีการไหลเวียนของรอบเดือนเป็นปกติและทำให้มดลูกแข็งแรง นอกจากนี้ แหวนเหล่านี้มักจะเป็นแหวนที่ทำมาจากเงิน เพราะพวกเขาเชื่อว่าโลหะชนิดนี้สามารถชะล้างสิ่งไม่ดีออกไปจากร่างกายได้
2. ในแต่ละปีคนอินเดียจะกินอาหารตาม 6 ฤดูกาล
จริง ๆ แล้วประเทศอินเดียมีอยู่ฤดูกาลอย่างเป็นทางการอยู่ 4 ฤดูกาล แต่หากอ้างอิงตามปฏิทินของชาวฮินดู จะมีฤดูกาลเพิ่มเติมมาอีก 2 ฤดูกาลที่เรียกว่าฤดูวรศะ (Varsha) หรือฤดูมรสุม กับเหมันต์ฤดู (Hemant) หรือฤดูก่อนหนาว ซึ่งฤดูกาลเหล่านี้เชื่อมโยงกับหลักอายุรเวท (Ayurveda) ซึ่งเป็นหลักการแพทย์แบบองค์รวมที่มีมานานนับพันปีอันมีจุดกำเนิดในประเทศอินเดียนั่นเอง
การแพทย์อายุรเวทจะเน้นไปที่ความสมดุลระหว่างพลังงานรูปแบบต่าง ๆ ในร่างกาย พวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่คุณกินจะเป็นรากฐานของสุขภาพของคุณ นอกจากนี้ ธรรมชาติได้จัดสรรอาหารแต่ละชนิดไว้สำหรับแต่ละฤดูกาลแล้วว่าคุณควรจะกินอาหารประเภทไหนในช่วงเวลานั้น ๆ
ยกตัวอย่างเช่น ในฤดูร้อน คุณจะสามารถหาผลไม้และผักอย่างแตงโมและแตงกวาทานได้ง่ายมาก ซึ่งคุณควรกินมันในช่วงเวลานี้เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผักผลไม้เหล่านี้จะให้น้ำแก่ร่างกายได้ในปริมาณมาก ในขณะที่ในช่วงฤดูมรสุม ผู้คนมักป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ดังนั้นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างผลไม้ที่ให้ผลเดี่ยวเมล็ดแข็ง (stone fruits) จะช่วยปกป้องคุณไม่ให้ป่วยไข้ไม่สบายได้
3. ร้านแมคโดนัลด์และร้านฟาสต์ฟู้ดอื่น ๆ มักมีเมนูมังสวิรัติ
ประเทศอินเดียคือประเทศลำดับต้น ๆ ของโลกถ้าพูดถึงตัวเลขจำนวนคนกินมังสวิรัติที่อาศัยอยู่ที่นั่น ประชากรประมาณ 38% จะไม่รับประทานเนื้อสัตว์ใด ๆ เลย ส่วนมากแล้วเป็นเพราะศาสนาที่พวกเขานับถือ อย่างศาสนาฮินดูที่ให้ความเคารพต่อสิ่งมีชีวิตทุกแบบ และเป็นการสงวนสัตว์บางประเภท โดยสัตว์บางชนิด เช่น วัว ยังถูกมองว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
นั่นคือสาเหตุว่าทำไมเครือร้านฟาสต์ฟู้ดใหญ่ ๆ อย่างแมคโดนัลด์ถึงต้องปรับตัวให้เข้ากับความปรารถนาของลูกค้า โดยเมนูของร้านแมคโดนัลด์ในประเทศนี้มีทั้ง แมคอาลู ทิกกิ เบอร์เกอร์ (McAloo Tikki Burger) และ แมคเวกจี้ (McVeggie) ซึ่งทั้ง 2 เมนูนี้จะมีเนื้อที่เป็นอาหารมังสวิรัติซึ่งทำมาจากถั่ว มันฝรั่งและเครื่องเทศของชาวอินเดีย
4. ปฏิบัติกับวัวประดุจมนุษย์ (หรืออาจจะดีกว่าอีก)
วัวถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศอินเดีย โดยชาวฮินดูเชื่อว่าสัตว์เหล่านี้เป็นตัวแทนของธรรมชาติผู้ก่อกำเนิดทุกสรรพสิ่ง นมของวัวถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีค่ามาก เพราะเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงทั้งมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้วัวสามารถเดินเล่นได้อย่างสบายอกสบายใจในประเทศนี้ โดยมีวัวเกือบ 6 ล้านตัวที่เดินอยู่ตามถนนหนทางในเมืองใหญ่ ๆ ซึ่งบางครั้งยังกีดขวางการจราจรเสียด้วยซ้ำ หากคุณเห็นน้องวัวกำลังเดินอยู่ในประเทศอินเดีย อย่าให้มันต้องเป็นฝ่ายหลบเด็ดขาดเชียว คุณควรเดินอ้อมหรือรอให้มันเดินผ่านไปเองมากกว่า
ในประเทศอินเดียนั้น ห้ามมิให้มีการฆ่าหรือส่งออกวัวเป็นอันขาด และเมื่อปี 2007 วัวก็เริ่มที่จะมีบัตรแสดงตัวตนโดยมีรูปแนบเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันถูกส่งออกไปอีกด้วย ซึ่งเกษตรกรมักจะทิ้งวัวที่ไม่ให้ผลผลิตแล้วไว้ในเมืองต่าง ๆ หากพวกเขาไม่สามารถที่จะรับภาระค่าใช้จ่ายในการให้อาหารพวกมันได้อีกต่อไป
5. ลิงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำหรือเล่นว่าวได้อย่างอิสระ
นี่เป็นข้อเท็จจริงที่โด่งดังไปทั่วว่าวัวและสัตว์อื่น ๆ ในอินเดียสามารถมีชีวิตอยู่อย่างอิสระได้มากกว่าประเทศอื่น ๆ ซึ่งในประเทศนี้สัตว์ต่าง ๆ ยังพัฒนาความรู้สึกของตัวเองให้คล้ายมนุษย์มากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนลิงที่เล่นว่าวอยู่บนยอดตึกตัวหนึ่ง
ภาพวิดีโอนี้เป็นกระแสยอดนิยมไปทั่วอินเดียเลยทีเดียว ซึ่งเราต้องยอมรับว่าเป็นภาพที่แปลกตามากจริง ๆ นอกจากนี้ในมุมไบยังมีฝูงลิงที่ถูกแอบถ่ายวิดีโอตอนที่กำลังสนุกสนานกันอยู่ในสระว่ายน้ำอีกด้วย ใครจะไปคิดว่าลิงจะว่ายน้ำเก่งขนาดนี้?
6. อินเดียให้การยอมรับเพศที่สาม
ฮิจรา (Hijras) คือคำที่ชาวอินเดียเรียกเหล่าเพศที่สาม ตั้งแต่ปี 2014 กฎหมายอนุญาตให้สามารถเรียกตัวเองว่าไม่ใช่ทั้งหญิงหรือชายได้ในประเทศนี้ โดยฮิจรามักแต่งหน้าและสวมเดรสส่าหรีสีสันสดใส โดยชาวอินเดียเชื่อว่าพวกเธอมีพลังที่สามารถอวยพรให้คุณโชคดีหรืออาจสาปแช่งให้คุณโชคร้ายได้
หากคุณไปที่ประเทศอินเดีย บางทีคุณอาจได้เห็นฮิจราอยู่ท่ามกลางการจราจร พวกเธอจะเคาะกระจกรถเพื่อขอเศษเหรียญเพื่อแลกกับการอวยชัยให้พร บางคนก็มักไปเป็นแขกไม่ได้รับเชิญตามงานแต่ง ร้องเพลงและนำพาโชคดีมาให้คู่แต่งงานใหม่
7. คนอินเดียสามารถแต่งงานกับต้นไม้หรือสัตว์ได้
ในประเทศอินเดีย ผู้คนสามารถแต่งงานกับต้นไม้หรือสัตว์ได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าการแต่งงานนี้จะไม่มีสิทธิต่าง ๆ ทางกฏหมาย แต่การเฉลิมฉลองการแต่งงานนี้ก็ได้รับการยอมรับทางวัฒนธรรม โดยเหตุผลหลักของประเพณีนี้มาจากความเชื่อของชาวฮินดูที่ว่าคนที่เป็นมังคลิก (Manglik) นั้นจะโชคร้าย
สำหรับชาวฮินดูแล้ว มังคลิกคือคนที่เกิดมาพร้อมกับสิ่งที่โหราจารย์เรียกว่า “มังคลา โดชา” (The Mangal Dosha) หรือคนที่มีดวงดาวอังคารให้โทษ ซึ่งมังคลา โดชานี้พิจารณาจากตำแหน่งของดาวอังคาร ณ ตอนที่คุณเกิดมา โดยคนที่มีดวงนี้สามารถนำพาความโชคร้ายมาสู่สามีและครอบครัวของสามีได้
คนที่เกิดมาภายใต้อิทธิพลของ “มังคลา โดชา” ควรทำพิธีกรรมเพื่อให้ความอัปมงคลนั้นถ่ายโอนไปสู่ต้นไม้หรือสัตว์แทน เด็กสาวมักจะถูกขอให้แต่งงานกับต้นโพธิ์หรือไม่ก็ต้นกล้วยเพื่อทำลายอาถรรพณ์นี้ก่อนการแต่งงานจริง ๆ ของพวกเธอ โดยพิธีกรรมนี้เรียกว่า ภุมภวิวาห์ (Kumbh Vivah) หรือแปลว่าการแต่งงานกับหม้อ
8. เด็ก ๆ จะได้รับการกรีดอายไลเนอร์
พ่อแม่หลายคนในอินเดียจะทาอายไลเนอร์ให้กับลูกตัวเล็ก ๆ ของพวกเขา แต่เครื่องสำอางสีดำที่ใช้นี้ไม่เหมือนกับที่วางขายตามร้านค้าแต่อย่างใด สีเพ้นท์นี้เรียกว่า กาจัล (kajal) หรือ สุรมา (surma) โดยชื่อที่เรียกจะแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาคในประเทศ
โดยส่วนผสมหลักของกาจัลคือแร่สติบไนท์ (แร่ซัลไฟด์อย่างหนึ่ง) หรือกาลีนา (ตะกั่วซัลไฟด์) โดยในทางไสยศาสตร์แล้วนั้น กาจัลเป็นสิ่งที่รู้จักกันดีว่าสามารถขับไล่ดวงตาปีศาจได้ บางคนเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถปกป้องดวงตาของคุณจากโรคได้ด้วย ซึ่งไม่ได้รับการเชื่อถือจากบรรดาแพทย์เท่าไหร่นัก
9. ผู้ชายมักจับมือกันเดินตามท้องถนน
ถึงแม้ว่าในประเทศอินเดีย จะไม่สนับสนุนให้มีการสัมผัสแสดงความรักกันอย่างใกล้ชิดในที่สาธารณะเท่าใดนัก แต่การจับมือถือว่าเป็นเพียงอากัปกิริยาธรรมดาอย่างหนึ่งระหว่างคนเพศเดียวกันเท่านั้น โดยคุณอาจได้เห็นเพื่อนผู้ชายที่อยู่ด้วยกันมีการกอดกัน ซึ่งนี่เป็นการแสดงออกถึงมิตรภาพอย่างแท้จริง
10. ตำรวจจะมีความคิดสร้างสรรค์ระหว่างปฏิบัติหน้าที่มาก
ในประเทศอินเดีย เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเปิดกว้างสุด ๆ ในการปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละวัน ตั้งแต่การสวมใส่เสื้อผ้าที่แตกต่างออกไป ไปจนถึงการเหน็บโทรศัพท์ติดไว้กับหมวกนิรภัยเพื่อบันทึกกิจวัตรในแต่ละวัน ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ตำรวจอินเดียยังมักคิดวิธีในการลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมายได้อย่างแปลกประหลาดและสร้างสรรค์มาก
ยกตัวอย่างเช่น ตำรวจในเมืองปูเน (Pune) บังคับให้คนฝึกโยคะบนท้องถนน ซึ่งมีการสนับสนุนให้ทำสมาธิและฝึกโยคะทุกวันจนเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรในกองกำลังตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าการฝึกเหล่านี้สามารถปรับปรุงความมีระเบียบวินัย ตลอดจนควบคุมความหงุดหงิดและความโกรธได้ด้วย
อีกหนึ่งพฤติกรรมที่มีการสนับสนุนกันอย่างมากในหมู่กองกำลังตำรวจอินเดียนั่นก็คือการไว้หนวด เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไว้หนวดจะได้รับเงินโบนัสเพิ่มเติมจากเงินเดือนของพวกเขา โดยผู้บัญชาการตำรวจเชื่อว่าการไว้หนวดสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามและน่าเคารพนับถือได้มากยิ่งขึ้น
11. คนอินเดียส่วนใหญ่ไม่ได้พูดภาษาฮินดี
มีภาษาและสำเนียงท้องถิ่นกว่า 19,500 ภาษาที่มีการใช้พูดกันในประเทศอินเดีย แต่มีเพียง 121 ภาษาเท่านั้นที่มีการใช้ในหมู่คนมากกว่า 10,000 คนขึ้นไป โดยภาษาฮินดีจัดเป็นหนึ่งในภาษาที่ยอมรับว่าเป็นภาษาทางการของเป็นประเทศนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศอินเดียไม่ได้มีภาษาประจำชาติแต่อย่างใด
ภาษาฮินดีเป็นภาษาแม่ของผู้คนกว่า 44% ในประเทศนี้ ส่วนภาษาเบงกาลีเป็นภาษาที่คนพูดมากที่สุดเป็นอันดับสอง โดยมีประชากรเพียงแค่ 8.3% ที่อ้างว่านี่คือภาษาแม่ของพวกเขา โดยจำนวนคนที่พูดภาษาต่าง ๆ ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคของประเทศ
แต่คุณไม่ต้องกังวลเลยถ้าคุณไปที่ประเทศอินเดีย เพราะภาษาอังกฤษก็เป็นภาษาทางการอีกภาษาหนึ่งเช่นกัน ประเทศนี้นั้นมีผู้คนมากกว่า 129 ล้านคนที่พูดภาษาอังกฤษ ซึ่งประเทศนี้ถือว่าเป็นประเทศที่มีประชากรที่พูดภาษาอังกฤษมากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก รองมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาและไนจีเรียเลยทีเดียว
12. คนที่นี่บูชางู และมีการเจาะร่างกายในเทศกาลต่าง ๆ
หากประเทศอินเดียเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและพิธีกรรมแล้วละก็ นี่ยังคงเป็นที่ที่มีเทศกาลหลากหลายรูปแบบมากที่สุดแห่งหนึ่งด้วย บางพิธีกรรมนั้นได้รับความนิยมอย่างสูง เช่นเทศกาลโฮลี (Holi) หรือเทศกาลสาดสี นอกจากนี้ยังมีเทศกาลกุมภเมลา (Kumbh Mela) อันเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวฮินดู ซึ่งโดดเด่นด้วยพิธีกรรมการลงอาบน้ำในแม่น้ำ
นอกจากนี้ยังมีวโรกาสอื่น ๆ อีกมากมายจนเต็มปฏิทิน ยกตัวอย่างเช่น เทศกาลบูชางู ที่เรียกว่า นาคปัญจมี (Naag Panchami) ที่จะเฉลิมฉลองในวันขึ้น 5 ค่ำของเดือนศรวณา (Shravana) ตามจันทรคติ โดยมีจะมีการบูชางูเป็น ๆ ในช่วงเวลานี้ ซึ่งผู้ที่ศรัทธาจะนำนมสดและหนูมาเซ่นสังเวยให้งูเหล่านี้
คุณเคยไปที่ประเทศอินเดียมาก่อนรึเปล่า ลองเล่าให้ฟังหน่อยสิหากคุณได้เคยพบเจอสิ่งที่เรากล่าวไปแล้วข้างต้น หรือหากมีเรื่องราวแปลก ๆ อะไรอื่นอีกน่ะ