ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

14 ข้อเท็จจริงที่เนชั่นแนลจีโอกราฟิกแชร์ให้เราได้รู้

มีอะไรอยู่บนยอดพีระมิดของอียิปต์ ? “ขนมปังภูเขาไฟ” ถูกทำขึ้นในไอซ์แลนด์อย่างไร ? ปรากฏการณ์ที่หายากที่สุดในโลกสามารถพบเห็นได้ในสภาวะใด ? กระบวนการในการค้นหาคำตอบช่วยเพิ่มพลังให้กับผู้คน ทำให้พวกเขาได้ฝัน และทำให้พวกเขาได้รู้สึกเหมือนเป็นผู้บุกเบิก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เกี่ยวกับตัวเราและโลกรอบตัวเราเป็นอย่างมาก

ชีวิตสดใสจะมาบอกคุณถึงข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสัตว์ป่าหลายประการที่เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกได้แบ่งปันกับพวกเรา

1. นี่คือสิ่งที่อยู่ด้านบนของพีระมิดในอียิปต์

นี่คือหินเบนเบน (ประมาณ 1840 ปีก่อนคริสตกาล) ที่ถูกค้นพบในวิหารฟีนิกซ์ ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าฟีนิกซ์นั้นเป็นสัญลักษณ์ของฤดูกาลที่เป็นวัฏจักร และเชื่อว่ามันมีความสามารถในการสร้างและฟื้นคืนชีพ ตามคำบอกกล่าวของนักวิทยาศาสตร์กล่าวไว้ เบนเบนตั้งอยู่บนยอดพีระมิดของ อเมเนมเฮตที่ 3 (Amenemhat III) ถ้อยคำที่จารึกบนหินเป็นคำอธิษฐานขอให้ฟาโรห์เพื่อขอให้ “ได้เห็นชีวิตอีกครั้ง”

“เมื่อพระพักตร์ของกษัตริย์ถูกเปิดออกพระองค์ก็จะได้เห็นพระเจ้าแห่งขอบฟ้าเมื่อท่านได้ข้ามผ่านเวหา;ขอให้พระองค์ทรงส่องแสงดั่งพระเจ้าพระเจ้าแห่งนิรันดร์และเป็นอมตะ”

2. หากคุณเลี้ยงนกคีรีบูนด้วยพริกสีแดง พวกมันจะเปลี่ยนสีได้

มีเม็ดสีชนิดพิเศษอยู่ในปีกนกคีรีบูนที่เป็นตัวกำหนดสีของมัน นั่นจึงทำให้สีขนของพวกมันมีสีที่ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแสงแดดหรืออาหารที่พวกมันกิน นกคีรีบูนสีเหลืองที่กินพริกสีแดงจะเปลี่ยนสีเป็นสีส้มหรือสีแดงทั้งตัวได้ และพริกก็ไม่เป็นอันตรายต่อนก เพราะความจริงแล้วมันมีวิตามินมากมาย

3. เคยมีการประพันธ์ดนตรีในนครวาติกันซึ่งจัดขึ้นปีละครั้ง และห้ามมิให้มีการคัดลอก

มีการบรรเลงเพลง มิเซเรเร่ ของ อัลเลกรี (Allegri’s Miserere) สำหรับคณะนักร้องประสานเสียง 2 คณะในนครวาติกันที่จัดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น งานประพันธ์นี้ได้รับการปกป้องอย่างระมัดระวังโดยห้ามคัดลอก และถูกเก็บเป็นความลับมาเกือบ 150 ปี จนกระทั่ง โมสาร์ท (Mozart) ในวัย 14 ปีมาได้ยินมันเข้าครั้งหนึ่ง เขาจดจำมันและทำการเรียบเรียงให้ นันเนิร์ล (Nannerl) พี่สาวของเขา

เมื่อทางนครวาติกันรู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาก็ประหลาดใจกับความถูกต้องของการคัดลอกที่โมสาร์ท (Mozart) เรียบเรียงขึ้น และเขาก็ได้รับรางวัลเครื่องอิสริยาภรณ์ทองคำจากพระสันตะปาปาด้วยพระองค์เอง

4. มีปรากฏการณ์ที่หายากและงดงามที่เรียกว่า “คลื่นสี่เหลี่ยม”

คลื่นสี่เหลี่ยมเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามและเกิดขึ้นได้ยากมาก มันเกิดขึ้นเมื่อมีคลื่นจาก 2 แหล่งในทะเลเคลื่อนที่มาบรรจบกันเป็นมุมทะแยง แม้ว่ามันอาจมองดูสวยงามจากภาพมุมสูง แต่ถ้าคุณโดนคลื่นพวกนี้ซัด เรือของคุณสามารถพลิกคว่ำหรือหลงทางได้ง่าย ๆ และการกระทบกันของคลื่นลักษณะนี้ยังทำให้คุณว่ายน้ำเข้าฝั่งได้ยากอีกด้วย

5. เคราของตุตันคามุนถูกทำหลุดระหว่างกระบวนการทำความสะอาดในพิพิธภัณฑ์อียิปต์ในปี 2014

หน้ากากฝังศพของฟาโรห์ตุตันคามุน (Pharaoh Tutankhamun) เป็นสัญลักษณ์ของอียิปต์และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ 10 ประการของอารยธรรมมนุษย์ หน้ากากซึ่งถูกค้นพบในปี 1922 นี้อยู่รอดผ่านสงครามและการปฏิวัติมาได้หลายครั้ง แต่กลับมาถูกทำให้เสียหายโดยฝีมือพนักงานของพิพิธภัณฑ์ในปี 2014 พวกเขาเผลอทำเคราของหน้ากากตกและพยายามติดกลับด้วยกาวอีพ็อกซี่เพื่อปกปิดความผิดพลาด แต่นั่นกลับยิ่งเพิ่มความเสียหายมากยิ่งขึ้น กลโกงดังกล่าวถูกเปิดเผยในปี 2019 และมันก็สร้างความตกตะลึงให้นักประวัติศาสตร์ทั่วโลก

6. มีกล้วยไม้บางชนิดถูกเรียกว่า “พืชปีศาจ” และมันก็มีเหตุผลซ่อนอยู่

กล้วยไม้ปีศาจ (Telipogon diabolicus) เพิ่งถูกพบในป่าของประเทศโคลอมเบีย กล้วยไม้ชนิดนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเนื่องจากรูปลักษณ์ของมัน คุณสามารถเห็นภาพใบหน้าที่มีเขาและตาสีแดงคล้ายกับปีศาจอยู่ตรงกลางดอก แต่น่าเสียดายที่คุณไม่สามารถหาซื้อกล้วยไม้นี้ตามร้านค้าได้ เนื่องจากมันเติบโตในสภาพอากาศที่พิเศษเท่านั้น และเป็นพืชที่ใกล้สูญพันธุ์แล้ว

7. มีรุ้งที่ไม่มีสีปรากฏขึ้นในบางสภาวะอากาศ

รุ้งหมอกหรือรุ้งสีขาวเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หายากมากที่จะปรากฏขึ้นในช่วงมีหมอก (ไม่ใช่ฝนเหมือนกับรุ้งตามปกติ) ซึ่งจะเห็นได้เฉพาะเมื่อมีละอองน้ำเล็ก ๆ ที่มีรัศมีไม่เกิน 0.05 มม.ในชั้นบรรยากาศ และคุณจะเห็นได้หากยืนหันหลังให้ดวงอาทิตย์และมองไปทางหมอก และที่น่าสนใจก็คือมันสามารถปรากฏในเวลากลางคืนได้แม้จะเป็นในคืนเดือนหงายก็ตาม มันจึงถูกเรียกว่ารุ้งพระจันทร์

8. GPS บริการให้ฟรีสำหรับคนทั้งโลก แต่มันมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 67 ล้านบาทต่อวัน

GPS เป็นระบบระบุตำแหน่งทั่วโลก และทำงานทั่วโลกได้ด้วยความช่วยเหลือของดาวเทียม 24 ดวง และเพื่อบำรุงรักษาและให้บริการดาวเทียมเหล่านั้น รัฐบาลสหรัฐต้องใช้เงิน 750 ล้านดอลลาร์ (25,100 ล้านบาท) ต่อปี หรือประมาณ 2 ล้านดอลลาร์ (67 ล้านบาท) ต่อวัน โดยที่รัฐบาลไม่มีผลกำไรส่วนตัวใด ๆ อย่างไรก็ตาม ระบบนี้สามารถช่วยให้เราหลีกเลี่ยงภัยพิบัติและช่วยส่งความช่วยเหลือมาให้เราได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ

9. หากคุณมาจากรัสเซีย คุณสามารถอาศัยอยู่ในเมืองต่าง ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องย้ายไปไหน

คุณอาจเกิดในเมืองปีเตอร์สเบิร์ก ไปโรงเรียนในเมืองเปโตรกราด ทำงานที่เมืองเลนินกราด และใช้ชีวิตยามชราในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้ทั้ง ๆ ที่ตัวคุณไม่ได้ย้ายไปไหนเลย เนื่องจากชื่อเมืองในรัสเซียบางเมืองมีการเปลี่ยนชื่อบ่อยมาก จนทำให้สับสนได้ง่าย ๆ ว่าตอนนี้คุณกำลังอยู่ที่เมืองไหนกันแน่

10. มูลนกเพนกวินสามารถเปลี่ยนระบบนิเวศของทวีปแอนตาร์กติกาได้

เพนกวินได้ผลิตสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์กว่า 17 ล้านปอนด์สำหรับพืชในทวีปแอนตาร์กติกามาตลอดในช่วง 5,000 ปีที่ผ่านมา เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง แร่ธาตุเหล่านี้จะช่วยให้พืชสามารถเติบโตปกคลุมดินที่เป็นน้ำแข็ง รวมทั้งช่วยให้สัตว์มีชีวิตรอด

11. อะโวคาโดเป็นพิษต่อนก แมว สุนัข กระต่าย และสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ

อาจฟังดูแปลก แต่ความจริงแล้วอะโวคาโดมีพิษกับสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิดยกเว้นมนุษย์ ใบอะโวคาโดมีกรดพิษที่เรียกว่า เพอร์ซิน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดเนื้อร้ายของกล้ามเนื้อหัวใจและต่อมน้ำนมในสัตว์หลายชนิด เมล็ดอะโวคาโดบดสามารถทำให้สัตว์ปีกตายได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่เนื้อของมันสามารถฆ่าม้าหรือวัวได้เลยทีเดียว

12. ไอซ์แลนด์มีประเพณีการอบขนมปังในพื้นดิน

ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีน้ำพุร้อนและภูเขาไฟ และประชากรในท้องถิ่นก็ได้เรียนรู้วิธีใช้ประโยชน์จากน้ำพุร้อนเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน หนึ่งในสูตรที่เก่าแก่ที่สุดสำหรับการอบ “ขนมปังภูเขาไฟ” (hverabrauð) ยังคงถูกใช้มาจนถึงทุกวันนี้ โดยการวางหม้อที่มีแป้งลงไปในหลุมที่ขุดในดินที่อยู่ใกล้กับน้ำพุร้อนนานเป็นเวลา 24 ชั่วโมง และวางหินไว้บนเนินดิน อุณหภูมิของดินมีความสูงถึง 104 องศาฟาเซลเซียส ซึ่งสูงพอที่จะอบแป้งให้สุกได้ และขนมปังนี้มักจะกินพร้อมกับเนยเพื่อดับกลิ่นกำมะถัน

13. ในปี 2016 มีลูกบอลน้ำแข็งขนาดยักษ์หลายพันลูกปรากฏขึ้นตามชายฝั่งบนคาบสมุทรยามาล ในไซบีเรียตะวันตก

ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยอาร์กติกและแอนตาร์กติก (AARI) กล่าวว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่หายากมาก ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากมีกระแสลมแรงที่พัดหิมะม้วน และกลึงจนมันกลายเป็นลูกกลม ๆ ลูกบอลเหล่านี้กลิ้งมามารวมกันบนชายฝั่งและสามารถมีเส้นผ่านศูนย์กลางได้ถึง 20 นิ้ว

14. ในทุก ๆ รอบ 23,000 ปี ทะเลทรายซาฮาร่าจะเปลี่ยนจากป่าทึบแล้วกลับไปเป็นทะเลทรายอีกในรอบต่อไป

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าเมื่อ 6,000 ปีที่แล้วทะเลทรายซาฮาร่าเคยถูกปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจีและต้นไม้ แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้เปลี่ยนภูมิประเทศนี้ให้กลายเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้ง จากการศึกษาพบว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเกิดขึ้นในทุก ๆ 23,000 ปีโดยประมาณ

ข้อเท็จจริงอันไหนที่ทำให้คุณทึ่งที่สุด ? บอกให้เรารู้ในคอมเมนต์ด้วยนะ !

เครดิตภาพพรีวิว depositphotos.com
แชร์บทความนี้