ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

14 สิ่งที่คนทำให้พนักงานโรงแรมต้องพูดว่า “ล้อกันเล่นรึเปล่า...”

แขกที่มาพักที่โรงแรมทุกคนล้วนเป็นคนยอดเยี่ยม พวกเขามีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ชีวิตของพนักงานโรงแรมน่าสนใจมากขึ้น พนักงานต้อนรับและผู้บริหารที่มีประสบการณ์บอกได้ง่าย ๆ เลยว่าใครมาจากที่ไหน และคุณคาดหวังอะไรจากพวกเขาได้ ก่อนที่พวกเขาจะพูดอะไรหรือโชว์บัตรของพวกเขาด้วยซ้ำ

เราที่ชีวิตสดใสค้นพบว่าการที่แขกจะทำให้พนักงานโรงแรมรู้สึกรำคาญได้อย่างง่าย ๆ คืออะไร

“ไม่นะ ฉันต้องทำผิดพลาดตอนจองแน่ ๆ เลย”

มีแขกหลายคนที่ทำการจองห้องพักในโรงแรมทีละหลาย ๆ ห้องและสองสามวันก่อนการเดินทาง พวกเขาก็จะตัดสินใจว่าจะเลือกห้องไหน แน่นอนว่าพวกเขามักจะลืมยกเลิกการจองอื่น ๆ ของพวกเขาด้วย

นักท่องเที่ยวบางคนจองตัวเลือกที่ถูกที่สุด ถึงแม้ว่าห้องที่พวกเขาต้องการจริง ๆ จะมีราคาแพงมากกว่าแค่ 132 บาท (4 ดอลลาร์) ก็ตาม สุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะบ่นและบอกให้พนักงานเปลี่ยนห้องให้ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะทำแบบนั้นถ้าโรงแรมมีการจองเต็มแล้ว

  • มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันเห็นว่ามีคนคนหนึ่งทำการจองห้องไว้หลายห้อง ฉันจึงตัดสินใจโทรหาแขกเพื่อถามว่าพวกเขาต้องการให้ห้องติดกันแค่ไหน และกลายเป็นว่าพวกเขาต้องการแค่ห้องเดียว แต่พวกเขาตัดสินใจไม่ได้ว่าชอบห้องไหนที่สุด โชคดีที่เรารู้ก่อนและยกเลิกห้องอื่น ๆ ได้ทัน
  • ที่โรงแรมของเรา ห้องที่มีราคาถูกที่สุดจะมีเตียงเดี่ยวสองเตียงและอยู่บนชั้นสองเหนือบาร์ และจะมีบันไดที่สูงมากเพื่อพาขึ้นไปยังบริเวณนี้ เราอธิบายรายละเอียดทั้งหมดไว้บนเว็บไซต์ แต่ก็เปล่าประโยชน์ ผู้คนยังคงไม่เห็นข้อมูลนี้ หลาย ๆ ครั้งที่ผมต้องย้ายแขกไปห้องที่ดีกว่า แต่ในช่วงไฮซีซั่นที่โรงแรมมีการจองเต็ม มีคู่รักกับลูกหนึ่งคนได้จองห้องนี้ แน่นอนว่าพวกเขาอยากได้ห้องอื่น แต่ผมนำเสนออะไรให้ไม่ได้เลยเพราะห้องเต็มแล้วทุกห้อง

“เราแค่จะนอนที่นี่”

โรงแรมส่วนใหญ่มีเวลาเช็คอินที่ชัดเจนซึ่งมักจะเป็นเวลาบ่าย 2 แน่นอนว่าสายการบินและระบบรถไฟไม่ปรับตารางของพวกเขาให้สอดคล้องกัน และคุณก็ให้แขกเข้าห้องก่อนบ่าย 2 ไม่ได้ เวลาเช็คเอาท์อยู่ที่ 11 โมงและแขกก็ควรจะออกจากห้องก่อนเวลานี้ ไม่งั้นพนักงานทำความสะอาดก็จะมีเวลาไม่พอ

  • แขกมาถึงก่อนเวลาเช็คอินหลายชั่วโมงโดยที่ห้องยังไม่พร้อม ฉันก็เลยขอให้เขารอที่โซฟา แขกไม่ได้ว่าอะไรแต่หยิบผ้าห่มออกมาจากกระเป๋าเดินทางของตัวเองแล้วก็ล้มตัวนอนและหลับไปเลย แขกคนอื่น ๆ มองไปที่พวกเขาอย่างแปลก ๆ และพยายามคุยกันเบา ๆ
  • แขกคนหนึ่งอยากนอนต่อที่โรงแรมอีกวัน แต่เขามีเงินในบัญชีไม่พอซึ่งเขาบอกว่าจะหาทางจ่ายให้ได้ เป็นเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงที่เรารอลูกสาวของเขาแต่เธอก็ยังไม่มา ชายคนนี้ออกไปจากโรงแรมแต่สิ่งของของเขายังคงอยู่ในห้อง พนักงานทำความสะอาดก็เลยต้องเก็บของให้เขา ! เขากลับมาในอีก 1 ชั่วโมงแต่ก็ยังคงไม่มีเงินและขอให้เราจ่ายค่าแท็กซี่ให้ด้วย © CanaGeekGurl / Reddit

“ฉันจ่ายเงินให้กับทุกอย่างแล้ว”

ในโรงแรมส่วนใหญ่จะมีของใช้ไว้ให้แขกซึ่งมีทั้งของฟรีและไม่ฟรี ซึ่งของฟรีก็จะเป็นพวกแชมพู, สบู่, กาแฟและชาและของที่ไม่ฟรี เช่น ผ้าเช็ดตัวและผ้าคลุมอาบน้ำ ถึงแม้ว่าแขกจะจ่ายเงินเพื่อพักที่โรงแรมแล้วก็ตาม นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาซื้อทุกอย่างที่อยู่ในห้อง

เมื่อแขกออกไปจากห้องและหยิบทุกอย่างที่ยัดใส่กระเป๋าไปได้ ก็มีโอกาสที่โรงแรมจะติดต่อกับตำรวจท้องที่ ถ้าคุณชอบผ้าคลุมอาบน้ำจริง ๆ คุณก็ถามราคาและซื้อเป็นของที่ระลึกได้

  • แขกเดินผ่านล็อบบี้และออกนอกประตูไปยังลานจอดรถพร้อมกับโคมไฟอันใหญ่น่าเกลียดที่ถูกคลุมส่วนหนึ่งด้วยผ้าเช็ดตัวของโรงแรม เมื่อผมไปหยุดเขาในลานจอดรถ ก็เห็นได้ว่าเขามีชีสจำนวนมากที่หยิบออกมาจากโต๊ะวางชีสในห้องจัดเลี้ยง และเขายังหยิบคัมภีร์ไบเบิ้ลออกมาจากห้องของเขาด้วย ผมให้ไบเบิ้ลกับเขาเพราะผมคิดว่าเขาจำเป็นต้องใช้มัน © Bill McCaslan / Quora
  • ผู้หญิงที่ดูดีสองคนพักที่โรงแรมของเราเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ทุก ๆ วันพวกเธอมักจะขอแชมพูและสบู่เพิ่มอย่างสุภาพ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้รวมอยู่ในราคาห้องอยู่แล้ว เราก็เลยให้เธอไป ในวันสุดท้ายฉันเข้าไปในห้องของพวกเธอพร้อมกับของที่ระลึกเล็กน้อยเนื่องจากพวกเธอพักกับเราเป็นเวลานาน และฉันก็ต้องประหลาดใจที่เห็นว่ามีเจลอาบน้ำและแชมพู 40 ขวดแพ็คอยู่ในกระเป๋าเดินทางของพวกเธอ

“อ๋อ เรามากัน 6 คน ไม่ใช่ 2 คน แต่เดี๋ยวเราจัดการเอง”

เมื่อมีแขกมา 4 คนแทนที่จะเป็น 2 คนแบบที่คาดไว้ พนักงานจะรู้สึกกลัว เนื่องจากนี่หมายถึงว่ามันจะต้องเป็นบทสนทนาที่ยาวนาน แขกจะเอาแต่พูดว่าพวกเขาไม่ต้องการเตียงเสริม, มันมีพื้นที่เพียงพอและพวกเขาจะอยู่ในห้องด้วยกันได้อย่างพอดี

  • มีแขกมา 4 คนแทนที่จะเป็น 2 คน ฉันเสนออีกหนึ่งห้องให้พวกเธอด้วยความยินดี แต่พวกเธอบอกว่าไม่ต้องการ สาว ๆ พูดว่า “พวกเราตัวผอม เรานอนกันได้” ถึงแม้ว่าฉันพยายามที่จะอธิบายว่าพวกเธออยู่ห้องเดียวกันทั้งหมดไม่ได้ พวกเธอก็บังคับให้ฉันเอากุญแจห้องให้เธอ หลังจากที่พวกเธอไปห้องมีสภาพเหมือนกับโดนเฮอร์ริเคนโจมตี
  • มีคู่รักคู่หนึ่งเช่าห้องสวีทซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของเรา แน่นอนว่ามันเป็นห้องที่แพงที่สุดในโรงแรม แต่สิ่งที่แปลกก็คือพนักงานของเราสังเกตว่ามีคนมากหน้าหลายตาเข้าไปในห้องเดียวกันในคืนนั้น เราคิดว่าพวกเขาอาจจะมีประชุมหรืออะไรบางอย่างก็เลยปล่อยไป แต่เช้าวันถัดมาเราพบว่ามีคน 20 คนอยู่ในห้องสำหรับ 2 คนห้องนี้ พวกเขานอนในถุงนอนบนพื้นกัน © Rudy / Quora
  • คู่รักคู่หนึ่งมาเช็กอินโดยที่ไม่บอกพนักงานต้อนรับของโรงแรมว่าหนึ่งในกระเป๋าถือของพวกเขามีงูอยู่ข้างใน พนักงานต้อนรับมารู้เรื่องเอาก็ตอนที่ผู้หญิงโทรหาเราจากห้องของเธอ และอธิบายว่างูของเธอได้หนีไปขณะที่กำลังให้อาหาร ตอนนี้พวกเขาก็หามันในห้องไม่เจอและต้องการความช่วยเหลือ หลังจากนั้นประมาณ 15 นาทีงูที่มีความยาว 3 ฟุตก็ถูกจับได้โดยการพันรอบใต้โครงเตียง ฝันร้ายที่สุดของทุกคนคือการที่งูเลื้อยผ่านช่องระบายอากาศกลาง โชคดีที่ไม่เป็นแบบนั้น © Noel Raphael / Quora

“ฉันคิดว่ามันเป็นแค่ผ้า”

ผู้มาแวะเวียนบางคนไม่สนใจทรัพย์สินของโรงแรม หมอนตกแต่งและผ้าห่มกองอยู่บนพื้น และบางคนก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าในการเช็ดรองเท้า และผ้าขนหนูชายหาดก็กองอยู่บนพื้นที่ประตู ผู้หญิงบางคนถึงกับใช้ผ้าเช็ดตัวในการเช็ดเครื่องสำอางของพวกเธอ

มันไม่ได้ทำให้เจ้าของโรงแรมต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นในการทำความสะอาดและการซื้อของใหม่อย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังคงทำให้แขกไม่ประทับใจด้วย

  • ผู้หญิงคนหนึ่งมาที่โรงแรมของเราและเช้าวันถัดมาเธอก็ขอให้เราเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้เพราะมันสกปรกมาก แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ปลอกหมอนมีคราบสีส้มติดอยู่ เราไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่เรามั่นใจว่าทุกอย่างนั้นสะอาดก่อนที่แขกจะใช้ห้อง แต่แล้วเราก็สังเกตเห็นว่าผมของผู้หญิงคนนั้นได้เปลี่ยนสีไปจากคืนก่อนหน้า ก่อนหน้านี้เธอมีผมสีเข้มแต่แล้วมันก็กลายเป็นสีแดง ! สีย้อมผมของเธอทิ้งคราบเอาไว้ แน่นอนว่าเราต้องโยนปลอกหมอนอันนั้นทิ้ง
  • ชายคนหนึ่งบอกว่าหมาพิตบูลของเขาเป็นสัตว์ช่วยเหลือ เราก็เลยให้หมาของเขาเข้าพักด้วย เช้าวันที่เขาจะเช็คเอาท์ หมาตัวหนึ่งของเค้าอึเกลื่อนไปทั้งห้อง เราเข้าไปในห้องและพบว่าเขาพยายามที่จะทำความสะอาดด้วยการใช้ผ้าปูเตียงและผ้าเช็ดตัว เราเลยให้เขาจ่ายค่าปรับ © Bodhi Ench / Quora
  • เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้มาพักหลายคนใช้ผ้าเช็ดตัวและผ้าปูเตียงในห้องเพื่อทำความสะอาดรองเท้าของพวกเขา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกำจัดคราบด้วยการใช้ผ้าลินินสีขาว อีกหนึ่งพฤติกรรมที่น่ารำคาญมาก ๆ ก็คือการเอาถ่านออกจากรีโมท © Prachi / Quora

“อยู่ที่นี่แล้วฉันรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน”

หลาย ๆ คนคิดว่าโรงแรมคือบ้านหลังที่สองของพวกเขา แน่นอนว่าเจ้าของโรงแรมบางคนทำทุกอย่างเพื่อให้แขกรู้สึกแบบนี้ แต่มันไม่มีอะไรเกินกว่าคำพูดที่เกินจริง เมื่อแขกเริ่มย้ายเฟอร์นิเจอร์และเปลี่ยนการตกแต่งภายในห้อง มันก็ทำให้พนักงานโรงแรมทุกคนรู้สึกไม่สบายใจ

  • คู่รักที่ดูดีมาพักที่โรงแรมของเราและขอไม้แขวนเสื้อ ฉันบอกว่าเดี๋ยวฉันจะเอามาให้เพิ่ม พวกเขาบอกว่ามันไม่ใช่ปัญหา เช้าวันรุ่งขึ้นฉันได้ยินเสียงดังมาจากห้องของพวกเขา ฉันเข้าไปตรวจสอบดูว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า ปรากฏว่าชายคนนั้นตอกตะปูติดผนังเพื่อแขวนเสื้อผ้าไปแล้ว
  • แขกของเรารื้อค้นรถเข็นของแม่บ้านเพื่อหาของอำนวยความสะดวก และพวกเขาเข้าใจผิดว่าตู้เซฟคือตู้ไมโครเวฟ © Daniel Wilson / Quora
  • ฉันรู้สึกตกใจกับแขกที่คิดว่าเขาเดินเข้ามาในร้านอาหารหรือบริเวณที่บริการอาหารได้ด้วยเท้าเปล่า เพราะเขาพักอยู่ที่โรงแรม แล้วเขาก็รู้สึกว่าเหมือนโดนเหยียดหยามตอนที่ถูกบอกว่าต้องใส่รองเท้า © Ren Daniel / Quora

“มันเป็นแค่ของว่าง”

หลาย ๆ โรงแรมมีการห้ามนำอาหารเข้ามาในห้อง และมันก็มีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ อย่างแรกเลยคือคุณอาจจะทิ้งคราบไว้บนพื้นหรือบนผ้าปูที่นอน และอย่างที่สองคืออาหารอาจจะล่อมดและแมลงอื่น ๆ ที่ยากจะกำจัดมาได้

แขกบางคนถึงกับพยายามที่จะทำอาหารในห้องของพวกเขา บ่อยมากที่กาต้มน้ำจะเป็นสิ่งแรกที่จะต้องทนทุกข์ทรมานจากการทดลองเหล่านี้ มันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้ทำสปาเกตตีหรือกุ้งในนั้น และกลิ่นของมันก็อาจจะรบกวนแขกคนอื่นได้

  • แขกที่หงุดหงิดเดินมาที่แผนกต้อนรับและบอกฉันว่ากาต้มน้ำในห้องของเธอพัง ฉันสัญญากับเธอว่าฉันจะเปลี่ยนอันใหม่ให้และขอให้เธอเอาอันที่พังแล้วมาให้ฉัน เธอยื่นกาต้มน้ำให้ฉันและฉันก็เห็นว่ามีกุ้งลอยอยู่ในนั้น ฉันถามเธอว่า “ทำไมถึงมีกุ้งอยู่ข้างใน ?” เธอบอกว่าเธออยากทำอาหารกลางวัน ฉันบอกเธอว่ากาต้มน้ำไม่ได้เอาไว้ใช้แบบนี้ เธอก็เลยถามฉันว่าแล้วกาต้มน้ำมีไว้ทำอะไรล่ะ
  • สัญญาณเตือนไฟไหม้ในห้องดับลง ทุก ๆ คนตกใจกลัว ผมวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น และก็เห็นครอบครัวที่ดูตื่นตระหนกครอบครัวหนึ่ง ผมเห็นว่ามีเตาพกพาอยู่บนพื้นพร้อมกับกระทะทอดที่มีเนื้ออยู่ข้างใน เราคุยกันนานมาก

“แต่ฉันกำลังจะไปสระว่ายน้ำ”

แขกบางคนรู้สึกสะดวกสบายในโรงแรมที่พวกเขาพักมากซะจนพวกเขาจะใส่อะไรก็ได้ที่อยากใส่เพื่อเดินในโรงแรม สิ่งนี้ทำได้สำหรับโรงแรมที่อยู่ใกล้ทะเล ที่นั่นแขกจะเดินใส่เสื้อผ้าสำหรับชายหาดหรือชุดว่ายน้ำ ไม่ว่าตอนนั้นพวกเขาจะอยู่ที่ไหน ใกล้สระน้ำหรืออยู่ในร้านอาหาร นี่คือสิ่งที่น่าอึดอัดไม่ใช่แค่กับแขกคนอื่นเพียงอย่างเดียว แต่พนักงานก็ยังรู้สึกด้วย

  • เรามีสุภาพบุรุษที่ดูดีมากพักอยู่ด้วย เขาสวมแจ็คเก็ตราคาแพงและรองเท้าที่ดูสง่างามมาก พร้อมกับกระเป๋าเดินทางหนัง แต่ในตอนเช้าเขาก็ทำให้เราประทับใจยิ่งขึ้นโดยการสวมแค่กางเกงว่ายน้ำตอนที่มากินอาหารเช้า และไม่ใส่อะไรอย่างอื่นเลย แขกคนอื่น ๆ ถึงกับหยุดกินตอนที่เห็นเขา เราต้องขอให้เขาสวมเสื้อผ้ามากขึ้นตอนที่เขาปรากฏตัวในที่สาธารณะตั้งแต่ตอนนั้น

“โรงแรมของคุณแย่มากจนเราอยากจะพักต่อ แต่พักในห้องที่ดีกว่าเดิม”

สำหรับแขกบางคนแล้วการพักในโรงแรมกลายเป็นการผจญภัยที่น่าสนใจว่า “เราจะได้ส่วนลดมากกว่าเดิมได้ยังไง ?” พนักงานมักจะพร้อมที่จะทำอะไรมากมายและเสนอของแถมต่าง ๆ เพียงเพื่อจะทำให้แขกของพวกเขามีความสุข

  • มีอยู่ครั้งหนึ่งผู้หญิงที่พักที่โรงแรมของเราตำหนิว่า “ฉันเจอผมอยู่ใต้ทีวีของฉัน !” นี่คือก่อนที่เราจะใช้ทีวีจอแบนแบบที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ ก่อนหน้านี้มันเป็นทีวีรุ่นที่หนักมาก ฉันประหลาดใจว่าทำไมเธอถึงเคลื่อนย้ายของที่มีน้ำหนักขนาดนี้ แต่ฉันก็ถามเธอว่ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้บ้าง เธอบอกว่า “ครั้งล่าสุดที่สิ่งนี้เกิดขึ้น ฉันได้ห้องฟรีและได้แชมเปญหนึ่งขวดเพื่อชดเชยกับสิ่งที่เกิดขึ้น” ฉันบอกเธอว่าสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ก็คือลดราคาในบิลให้ได้นิดหน่อย ฉันมารู้ในตอนหลังว่าเธอใช้วิธีการนี้มาหลายปีแล้ว และพนักงานก็ถูกเธอข่มขู่ การที่ฉันไม่รู้ช่วยฉันเอาไว้ได้เฉยเลย ! © Matthew Knapp / Quora
  • แขกจองห้องหนึ่งห้องไว้สำหรับสองวัน แต่วันถัดมาตอนเวลาหนึ่งทุ่มเขาก็อยากจะเช็คเอาท์ และเขาก็รู้สึกประหลาดใจมากตอนที่เราบอกเขาว่าเราจะไม่คืนเงินสำหรับคืนที่สองให้ ผู้คนมาที่นี่, ใช้จ่ายแล้วก็พักผ่อน กี่ครั้งแล้วที่คุณพยายามขอเงินชดเชยในร้านอาหารเพราะกินแซนด์วิชไปครึ่งชิ้นแล้วอิ่ม © kukuboy17 / Reddit

“ฉันต้องการอะไรบางอย่างที่คุณไม่มี”

แขกบางคนนั้นยากที่จะลืมได้ลง เนื่องจากคำขอที่แปลกประหลาดของพวกเขา ดูเหมือนว่าพวกเขามาพักผ่อนเพื่อที่จะทำอะไรที่พวกเขาทำในชีวิตจริงไม่ได้

  • ในโรงแรมของเราจะมีตึกหลักและมีบ้านหลายหลังที่ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งทะเล ในตอนเช้ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่พักอยู่ที่บ้านตรงนั้นมาที่แผนกต้อนรับและดูเหนื่อย ๆ เธอขอให้ฉันทำให้ทะเลเบาเสียงลงกว่าเดิม เพราะเธอหลับไม่ได้เนื่องจากเสียงคลื่น ฉันบอกเธอว่าฉันทำได้แค่หาห้องที่อยู่ห่างจากชายหาดให้ พร้อมกับส่วนลดและฟรีอาหารเช้า แต่ฉันทำให้ทะเลเสียงเบาลงไม่ได้
  • แขกคนหนึ่งสั่งกาแฟ พอผมเสิร์ฟกาแฟที่เธอสั่ง เธอมองมาที่กาแฟและพูดว่า “นี่ไม่ใช่กาแฟจริง”
    — อะไรนะครับ คุณผู้หญิง ?
    — ฉันอยากได้กาแฟจากเครื่องทำกาแฟ
    — กาแฟแก้วนี้ก็มาจากเครื่องทำกาแฟครับ
    — คุณไม่มีเครื่องทำกาแฟ
    — เรามีครับ มันอยู่ตรงนี้ (ด้านหลังของผม)
    — ไม่ใช่ ทำกาแฟแก้วใหม่ให้ฉันหรือไม่ก็คืนเงินฉันมา
    — คุณผู้หญิงครับ ผมยินดีจะคืนเงิน แต่ก่อนอื่นผมอยากให้คุณชิมกาแฟแก้วนี้ก่อนและตำหนิเรื่องรสชาติ เพราะว่าเรามีเครื่องทำกาแฟ, เรามีเมล็ดกาแฟและคุณก็ได้กาแฟที่ทำมาจากเมล็ดกาแฟ มันอยู่ในมือของคุณ
  • สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับฉันแต่เกิดขึ้นกับพ่อเลี้ยงของฉันที่เป็นเจ้าของโรงแรม ในคืนหนึ่งเวลาประมาณตีสองครึ่ง แขกได้โทรหาเขาและอยากให้เขาช่วยหาแหวนหมั้นให้ พ่อเลี้ยงของฉันอธิบายว่าตอนนี้ไม่มีร้านเปิดอยู่และเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ © Tom Kaiser / Quora
  • ผมมีแขกคนหนึ่งที่ทำงานให้กับหน่วยรบพิเศษสหรัฐเป็นเวลาหลายปี และผมเดาว่าการฝึกทำให้เขามีอาการกลัวว่าจะถูกทำร้ายเป็นอย่างมาก เขาเป็นแขกทั่วไปที่ก็นิสัยดีแต่บางครั้งก็แปลก ๆ เขาจะไม่พักในห้องเดิมซ้ำสองครั้ง และมักจะจัดฟอร์นิเจอร์ในห้องใหม่อยู่เสมอ และถ้าเขาซื้ออาหารจากที่ครัวเขายืนยันที่จะขอดูว่าพ่อครัวเปิดบรรจุภัณฑ์ที่สดใหม่และทำอาหารต่อหน้าเขา © Natasha Clark / Quora
  • มีอยู่ครั้งหนึ่งแขกโทรมาที่แผนกต้อนรับและพูดว่า “มีฟองน้ำอยู่ในชักโครกของฉัน ทำไมถึงมีฟองน้ำอยู่ในชักโครกของฉัน ?” แล้วเธอก็พูดว่า “แป๊บนึงนะ เดี๋ยวฉันจะไปตักมาให้ดู” ฉันพูดว่า “คุณผู้หญิงไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นค่ะ” แต่เธอก็วางสายไปแล้ว ประมาณ 5 นาทีต่อมาเธอลงมาจากลิฟท์พร้อมกับแก้วไวน์ที่เต็มไปด้วยน้ำเปล่า “เนี่ย ฟองน้ำเพิ่งหายไปเมื่อนาทีที่แล้วเอง !” © Giorgia Sarnataro / Quora
  • แขกบอกกับฉันว่า: “ติดแอร์ในห้องน้ำแล้วก็ใส่น้ำแข็งลงไปในสระว่ายน้ำ” ฉันทำงานในโรงแรมในคอสตาริก้า ซึ่งอากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว © John Oroszi / Quora
  • ผู้หญิงคนหนึ่งจองห้องและคิดว่าเธอจะได้เห็นน้ำตก (ที่อยู่ใกล้โรงแรม) ได้จากที่ห้อง ตอนที่ฉันบอกเธอว่ามองจากที่ห้องไม่เห็น เธอบอกให้ฉันขยับน้ำตกมา เธอจะได้มองเห็นได้ © Traditional-Anarchy / Reddit

“ฉันมาที่นี่เพื่อพักผ่อน”

ผู้คนตั้งหน้าตั้งตารอวันหยุดพักผ่อนของพวกเขาเป็นเวลาหลายเดือน และต้องการที่จะใช้เวลาให้คุ้มค่ากับการรอคอยที่สุด น่าเสียดายที่บางครั้งผู้คนเหล่านี้ก็อาจจะลืมไม่ลง และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเสมอไปด้วย ในโรงแรมมีกฎว่าคุณต้องเงียบเสียงหลังจากสี่หรือห้าทุ่ม

  • เรามีแขกเป็นกลุ่มที่ “สนุกสนาน” พวกเขาหลับในห้องในตอนกลางวันและไม่มีใครจะเห็นพวกเขาก่อนเวลากลางคืน ความสนุกเริ่มต้นในตอนกลางคืนซึ่งทำให้แขกคนอื่น ๆ ตำหนิ อย่างไรก็ตาม ในวันที่พวกเขาต้องเช็คเอาท์ พวกเขาเหนื่อยมากซะจนแพ็คกระเป๋าเองไม่ไหวและกำลังจะไปขึ้นเครื่องสาย ทั้งโรงแรมต้องช่วยพวกเขาแพ็คของและเรารู้สึกโล่งใจเมื่อในที่สุดพวกเขาก็ขึ้นรถบัสไปสนามบิน

“ทำไมคุณถึงไม่เสิร์ฟสิ่งนี้ในมื้อเช้า ?”

อาหารเช้ามักจะเต็มไปด้วยปัญหา มีแขกที่ไม่พอใจกับอาหารที่เสิร์ฟอยู่เสมอ มันอาจจะเป็นเพราะอาหารแย่, พวกเขาต้องการความหลากหลายมากกว่านี้ หรือไม่ก็ช่วงเวลานั้นไม่เหมาะสม แถมยังมีคนที่อยากกินมื้อเช้าหลังจากมื้อกลางวันด้วย

  • คู่รักคู่หนึ่งสั่งอาหารเช้าเป็นเวลาหลายวัน และถามว่าเรามีมื้อเช้าพิเศษสำหรับแขกมังสวิรัติไหม ผมบอกพวกเขาว่าเราไม่มีและได้จดรายการอาหารที่เป็นมังสวิรัติที่เราทำให้ได้ให้กับเขา ผมแนะนำโรงแรมที่อยู่ใกล้ ๆ ที่มีเมนูมังสวิรัติเยอะกว่านี้ แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่ยกเลิกการจอง แน่นอนว่าพวกเขารู้สึกผิดหวังกับอาหารเช้าของเรา เราไม่มีนมถั่วเหลืองและเราก็มีผักไม่เพียงพอ เขาอยากกินพริกไทยและมะเขือม่วง ซึ่งเรามีแค่แครอท, แตงกวาและมะเขือเทศ พวกเขาหัวเสียมากและเราก็รู้สึกแย่เช่นกัน สุดท้ายพวกเขาก็เขียนรีวิวแย่ ๆ ให้เรา

“ฉันไม่ต้องการให้ซักผ้าให้ ฉันจะทำเอง”

มันเยี่ยมมากที่แขกทำบางอย่างด้วยตัวเองได้ แต่บางอย่างก็มากเกินไปซึ่งอาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี บางคนซักผ้าของพวกเขาแล้วก็แขวนไว้ตรงไหนก็ตามที่แขวนได้

  • เรามีการตรวจเช็คที่โรงแรมของเรา ในระหว่างนั้นผมก็เห็นอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ เมื่อผมมองดี ๆ ก็เห็นว่ามันเป็นสายอินเตอร์เน็ตที่ออกมาจากห้อง ๆ หนึ่ง เสื้อผ้าถูกแขวนอยู่บนนั้น ! ทั้งเสื้อเชิ้ต, กางเกง, ชุดเดรสและกางเกงใน ! พวกเขาเลือกที่จะใช้สายไฟสำหรับสิ่งนี้ ! โชคดีที่มันแข็งแรงพอ
  • นี่คือสิ่งที่ฉันได้ยินคนอื่นยืนยันว่ามันเป็นความจริง แขกที่โรงแรมใช้กาต้มน้ำไฟฟ้าที่เรามีให้ในห้องพักเพื่อวัตถุประสงค์ที่แย่ที่สุด นั่นก็คือการซักกางเกงใน © Astor Tran / Quora
  • เจ้าของโรงแรมภูมิใจกับบ้านสุดสวย 2 หลังที่อยู่ริมฝั่งทะเลมาก เขาตกแต่งระเบียงด้วยแจกันและดอกไม้ และได้วางโซฟาที่ดูดีไว้ตรงนั้น และหลังคาก็ทำมาจากใบไม้แห้งจากต้นปาล์ม มีอยู่วันหนึ่งเขาเรียกฉันด้วยความตกใจและชี้ไปที่ระเบียงของบ้านหลังหนึ่ง และฉันก็เห็นว่ามีกางเกงในมากมายแขวนอยู่ตรงนั้น ฉันต้องขอให้แขกย้ายเสื้อผ้าของเขาไปที่อื่น

“คุณเห็นลูกของฉันไหม ?”

แน่นอนว่าพ่อแม่ก็อยากพักผ่อนเวลาที่พวกเขามาเที่ยว และมันเป็นเรื่องยากที่จะได้ทำสิ่งนี้เมื่อคุณมีลูกที่จะต้องดูแล ในกรณีแบบนี้ การเลือกโรงแรมที่มีขนาดใหญ่และมีการดูแลเด็กอย่างเป็นพิเศษและมีกิจกรรมให้เด็กทำนั้นดีกว่า ซึ่งโรงแรมเล็ก ๆ ไม่มีบริการเหล่านี้ แน่นอนว่ามันเป็นความคิดที่แย่ในการทิ้งลูกไว้ในสระว่ายน้ำหรือสนามเด็กเล่นโดยที่ไม่สนใจ และไม่มีทางที่พนักงานโรงแรมจะดูเด็กทุกคนให้ได้

  • ในโรงแรมของเรามีสนามเด็กเล่นเล็ก ๆ สำหรับเด็ก มันเป็นบ้านพลาสติกที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ฉันเดินไปแถวนั้นและเห็นว่ามีเด็กอายุ 5 ขวบนั่งอยู่บนหลังคาบ้าน และเด็กอายุ 7 ขวบก็พยายามที่จะกระแทกกำแพงเพื่อให้เด็กข้างบนหล่นลงมา เด็กคนอื่น ๆ ก็แค่นั่งดู ฉันเดินไปหาพ่อแม่ของพวกเขาและเห็นว่ากำลังดื่มกาแฟกันอยู่ที่ชายหาด ฉันบอกพวกเขาว่าลูกของพวกเขาอาจจะทำให้สนามเด็กเล่นพังได้ และอาจจะมีใครบางคนได้รับบาดเจ็บ คนเป็นแม่บอกฉันว่าพวกเขาตัดสินใจที่จะมอบอิสระให้ลูกมากขึ้น ฉันบอกพวกเขาว่าราคาของสนามเด็กเล่นจะรวมอยู่ในบิลของพวกเขาด้วย และฉันหวังว่าลูกของพวกเขาจะมีประกันสุขภาพ
  • ครั้งหนึ่งเรามีแม่และลูก 2 คนมาพักด้วย ในช่วงสองวันแรก เด็ก ๆ ได้ตั้งโปรแกรมตู้เซพใหม่และล็อคกระเป๋าเงินของแม่ไว้ด้านใน, ซ่อนโทรศัพท์ของแม่ไว้ใต้หมอนที่โซฟาในร้านอาหาร และทำเสื้อผ้าของเธอหายเยอะมาก พนักงานของเราไม่เคยต้องจดจ่อขนาดนี้มาก่อน

คุณเคยรู้สึกถูกรบกวนจากแขกคนอื่นในโรงแรมที่คุณพักบ้างหรือเปล่า ?

แชร์บทความนี้