ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

8 พฤติกรรมยอดฮิตที่จะส่งผลเสียได้มากกว่าผลดี

ผู้คนเริ่มที่จะให้ความสนใจกับสุขภาพร่างกายตลอดจนระบบนิเวศของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ต้องขอบคุณสิ่งเหล่านี้ที่ทำให้มีสิ่งของ ตลอดจนแนวทางการใช้ชีวิตมากมายหลายรูปแบบปรากฏขึ้นในชีวิตของเรา ยกตัวอย่างเช่น การทำดีท็อกซ์ร่างกายของตนเองเป็นประจำ และการใส่หนังเทียมที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน แต่เทรนด์การใช้ชีวิตใหม่ ๆ เหล่านี้มีประโยชน์จริง ๆ เหมือนกับที่คุณคิดรึเปล่านะ ?

ชีวิตสดใสจึงตัดสินใจที่จะศึกษาพฤติกรรมที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์และเพิ่งปรากฏขึ้นมาเหล่านี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อขบคิดว่าจริง ๆ แล้วพฤติกรรมเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างไรได้บ้าง

การไดเอทโดยการทำดีท็อกซ์

การทำดีท็อกซ์ (หรือการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย) เป็นการไดเอทระยะสั้นที่แพร่หลายมาก โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือเพื่อขจัดสารพิษออกจากร่างกาย มันฟังดูดีมากเลยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่ามีคนดังมากมายหลายคนไดเอทด้วยวิธีนี้ด้วยเช่นกัน แต่ความจริงก็คือร่างกายเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้กับสารที่เป็นอันตรายอยู่แล้ว และมันก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากภายนอกเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้น ประโยชน์จริง ๆ จากการทำดีท็อกซ์ก็ยังไม่เคยได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ มาก่อนเลยด้วย

การไดเอทโดยการทำดีท็อกซ์หลายวิธีต้องบริโภคอาหารอ่อนนิ่มเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นมันฝรั่งบด สมูทตี้ หรือแม้แต่เครื่องดื่มดีท็อกซ์แบบชงต่าง ๆ ขณะที่ระบบย่อยอาหารของเรากลับต้องอาหารที่มีกากใยเพื่อให้การทำงานของร่างกายเป็นไปได้อย่างปกติ การจำกัดปริมาณการบริโภคอาหารที่มีกากใย เท่ากับว่าเราเข้าไปแทรกแซงการทำงานของร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้น การไดเอทด้วยวิธีนี้อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้หลายรูปแบบ อย่างเช่นภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจนถึงจุดที่เป็นอันตราย ดังนั้น คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเริ่มทำการไดเอทโดยการทำดีท็อกซ์จะดีกว่า

โปรตีนเสริมอัดแท่งเพื่อสุขภาพ

นักโภชนาการตลอดจนเทรนเนอร์ในการออกกำลังกายทั้งหลายต่างพากันแนะนำให้กินโปรตีนอัดแท่งจากธรรมชาติที่ไม่มีส่วนผสมของกลูเต็น แทนที่จะกินช็อกโกแลต อย่างไรก็ตาม โปรตีนอัดแท่งบางชนิดมีส่วนผสมของน้ำตาลพอ ๆ กับ (ถ้าไม่มากกว่า) ขนมหวานเลย นี่คือเหตุผลที่คุณควรอ่านส่วนประกอบของมันเสียก่อน ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะต้องเสี่ยงกับการกินน้ำตาลในปริมาณมาก รวมถึงส่วนประกอบที่อาจเป็นอันตรายอื่น ๆ เช่น ไขมันอิ่มตัว แทนที่จะได้กินขนมเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง

การดื่มน้ำมากเกินพอดี

เรามักจะได้ยินอยู่เสมอว่าเราควรดื่มน้ำให้ได้เยอะ ๆ อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำที่มากเกินพอดีก็ไม่ต่างอะไรกับการดื่มน้ำน้อยจนเกินไป นั่นคือทั้งสองอย่างสามารถนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพที่ร้ายแรงได้ หนึ่งในปัญหาหลักที่อาจเกิดขึ้นได้ก็คือภาวะไฮโพแนทรีเมีย (Hyponatremia) ซึ่งก็คือภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ โดยภาวะนี้จะเกิดขึ้นได้หากร่างกายบริโภคน้ำในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ไตจะขจัดออกไปได้
และถึงแม้ว่านักโภชนาการจะแนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 1.9 — 2.6 ลิตร โปรดระลึกไว้ว่าไม่มีสูตรสำเร็จใดที่ใช้ได้กับทุกคน เพราะยังต้องขึ้นอยู่กับตัวแปรอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศ ระดับกิจกรรมการเคลื่อนไหวของร่างกาย และอื่น ๆ อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของถ่านชาร์โคล

เทรนด์ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของถ่านชาร์โคล (activated charcoal) เริ่มได้รับความนิยมมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่อาหารประเภทนี้จะไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อร่างกาย ตรงกันข้าม มันกลับเป็นอันตรายด้วยซ้ำ เพราะถ่านชาร์โคลจะขจัดสารที่เป็นอันตรายออกจากร่างกาย ซึ่งการดูดซับนี้ กลับส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเวลาผ่านไป ถ่านชาร์โคลเหล่านี้ยังลดประสิทธิภาพของยาลงอีกด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าเราจะได้รับอันตรายมากกว่าประโยชน์จากมัน

เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจด้วยว่าถ่านชาร์โคลเพียงแค่ช่วยทำความสะอาดลำไส้เท่านั้น มันไม่มีประโยชน์ในการสู้กับสารอันตรายใด ๆ ที่สะสมอยู่ในร่างกายส่วนอื่น ๆ มานานหลายปีเลย

น้ำหอมปรับอากาศ

น้ำหอมปรับอากาศส่วนใหญ่มีส่วนผสมของสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย เช่น อีเทอร์ แอลกอฮอลล์ ลิโมนีน และฟอร์มัลดีไฮด์ ซึ่งสารเหล่านั้นล้วนส่งผลกระทบในแง่ร้ายต่อสุขภาพ ตั้งแต่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหอบหืดในเด็กเล็ก ไปจนถึงเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดหัวและภูมิแพ้ได้ นี่คือสาเหตุที่ว่าการเปิดห้องให้ลมพัดผ่านตามธรรมชาติเพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ดีกว่าการเลือกใช้น้ำหอมปรับอากาศเยอะเลย

การใช้แก้วกระดาษแทนแก้วพลาสติก

ทุกวันนี้ เนื่องด้วยปัญหาขยะพลาสติกที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้คนจึงหันไปใช้แก้วกระดาษแทนการใช้แก้วพลาสติกมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็มีอันตรายซุกซ่อนอยู่เช่นกัน ทุก ๆ ปี ต้นไม้กว่า 6.5 ล้านต้นต้องถูกโค่นลงเพื่อนำมาผลิตแก้วกระดาษ ในขณะที่พลังงานที่ใช้ไปกับการผลิตนั้น เทียบเท่ากับปริมาณไฟฟ้าสำหรับ 54,000 ครัวเรือนต่อปี ยิ่งไปกว่านั้น แก้วกระดาษมักเคลือบด้วยฟิล์มโพลีเอทิลีน ซึ่งทำให้แก้วพวกนี้ไม่เหมาะแก่การนำไปรีไซเคิลในอนาคตอีกด้วย

เครื่องสำอางจากธรรมชาติ

ถึงแม้พวกเราส่วนมากมักจะมองว่าเครื่องสำอางธรรมชาติเกี่ยวข้องกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนคิดว่ามันไว้ใจได้ แต่เครื่องสำอางพวกนี้สามารถทำลายสุขภาพได้หนักมากเช่นกัน สิ่งนี้เป็นเพราะว่าในประเทศส่วนมากไม่ได้กำหนดความหมายของคำว่า “จากธรรมชาติ” และมักจำหน่ายเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมสังเคราะห์ที่เป็นอันตราย รวมถึงมีสารเคมีที่เป็นพิษ ที่มีโลหะหนักปนอยู่ภายใต้ฉลากนี้


ถ้าคุณอยากซื้อเครื่องสำอางที่มาจากธรรมชาติและปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างแท้จริง ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมาย “ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ (organic)” เป็นสำคัญ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการควบคุมที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น และได้รับการรับรองแล้วว่าปราศจากสารหรือสารประกอบที่เป็นอันตรายใด ๆ ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมว่าแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็ยังอาจมีสารธรรมชาติที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ ดังนั้นต้องศึกษาส่วนประกอบให้ครบถ้วนเสียก่อนนะ

หนังเทียม

ทุกวันนี้ หลายแบรนด์เริ่มที่จะหยุดใช้หนังธรรมชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ และหันไปเลือกใช้หนังเทียมกันมากกว่า แม้ว่าภายหลังนี้จะไม่มีการใช้หนังสัตว์ใด ๆ ในการผลิต แต่หนังเทียมก็สามารถส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมได้ยิ่งกว่าหนังสัตว์แท้ ๆ เสียอีก

โดยปกติแล้วหนังเทียมจะทำมาจากพลาสติก และโรงงานการผลิตก็มักจะปล่อยสารพิษสู่สิ่งแวดล้อม ยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าที่ทำจากหนังเทียมจะไม่คงทนถึงขนาดนั้น และส่วนมากแล้วจะไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้อีกด้วย

มีเทรนด์อื่น ๆ อีกไหมที่คุณคิดว่าส่งผลร้ายมากกว่าผลดีต่อชีวิตเราในความเห็นของคุณ ?

เครดิตภาพพรีวิว Survivor, PacificCoastNews.com / East News
ชีวิตสดใส/สิ่งแปลกๆ/8 พฤติกรรมยอดฮิตที่จะส่งผลเสียได้มากกว่าผลดี
แชร์บทความนี้