กฎของชีวิต 9 ข้อที่คนรวยจะปฏิบัติตามในขณะที่คนจนคิดว่ามันเป็นเรื่องงี่เง่า
ในขณะที่เคล็ดลับเกี่ยวกับการอ่านให้มากและทำงานให้น้อยลงในที่ทำงานอาจจะฟังดูดี แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะปฏิบัติตามแล้วจะกลายเป็นคนที่ร่ำรวย มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีแนวคิดหรือไมน์เซ็ตที่แน่นอน และวิธีการคิดแบบนี้จะสามารถพัฒนาได้เนื่องจากพฤติกรรมที่แน่นอน มหาเศรษฐีมีทัศนคติต่อหลาย ๆ สิ่งที่คล้ายกันและมันไม่ใช่สิ่งที่ไม่มีเหตุผล เช่นเดียวกับผู้คนที่มีเงินแทบไม่พอใช้
พวกเราชีวิตสดใสมั่นใจว่ากฎของชีวิตที่คนที่ประสบความสำเร็จได้ใช้กัน มีความคุ้มค่าที่จะแบ่งปันกับผู้อ่านของเรา
1. พวกเขาปิดปากเงียบ
คนรวยทำหลายอย่างที่แตกต่างออกไป พวกเขาไม่พูดถึงเรื่องเงินของเขามากเกินไป และพวกเขาพยายามจะไม่แสดงให้โลกรู้ว่าเขารวยแค่ไหน
- คนรวยที่สุดที่ฉันรู้จักมีทั้งคนที่สวมใส่เสื้อผ้าราคาถูกสุด ๆ หรือไม่ก็ใช้สิ่งของที่มีราคาแพง แต่คุณจะไม่สามารถรู้ได้จากแค่การมอง ในทางตรงกันข้าม คนที่พยายามจะสร้างความประทับใจและทำให้เห็นว่าพวกเขารวยแค่ไหน จะชอบอวดเสื้อผ้าแบรนด์ดังของพวกเขา © Bran_Solo / reddit
- คนรวยมักจะไม่ทำตัวเอิกเกริกและ “ไม่พูดมาก” เกี่ยวกับสถานะทางการเงินของพวกเขา เสื้อผ้าของพวกเขามีคุณภาพและมีรสนิยม แต่ไม่มีอะไรที่เรียกร้องความสนใจ ในทางกลับกัน คนขี้อวดมักจะประโคมแบรนด์เนมมากมาย, กระหายการเป็นที่สนใจ และอยากให้คุณคิดว่าพวกเขารวย © Back2Bach / reddit
ความต้องการมากเกินไปที่น่ารังเกียจและน่าขำเผยให้เห็นถึงความจริงที่ว่าพวกเขามาจากฐานะยากจน แล้วกลายมาเป็นคนรวยอย่างรวดเร็ว หรือไม่เขาก็แค่อยากจะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนรวยมากกว่า
2. พวกเขาดูแลสุขภาพของตัวเอง
เมื่อพูดถึงเรื่องสุขภาพ คนรวยเชื่อว่าการป้องกันดีกว่าการรักษา
- คนรวยมักจะใช้บริการแพทย์ส่วนตัว พวกเขาจ่ายค่าธรรมเนียมรายปีที่สูงเพื่อให้ได้รับการรักษาอะไรก็ตามที่เขาจำเป็นต้องใช้ ในเวลาไหนก็ตามที่เขาต้องการโดยที่ไม่ต้องลำบากที่จะเจอหมอ © LarsAlereon / reddit
- คนรวยที่ฉันรู้จักทุกคนมักจะเน้นไปที่การป้องกันสุขภาพ มากกว่าการรักษาเมื่อเกิดโรคขึ้นแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาเข้าถึงวิธีการวินิจฉัยที่มีคุณภาพสูงตั้งแต่แรก ๆ แต่คนทั่วไปอย่างพวกเราทำได้เพียงเข้าถึงการตรวจร่างกายทั่วไปที่ช่วยชีวิตเราได้ © Anthon Lund / quora
คุณไม่จำเป็นต้องร่ำรวยเพื่อจะมีสุขภาพที่ดี อากาศบริสุทธิ์และการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพผสมผสานกับการนอนหลับในตอนกลางคืนที่เพียงพอ และการไม่มีพฤติกรรมที่ทำร้ายสุขภาพไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลย นอกจากว่าคุณต้องใช้เงินในการรักษามัน
3. พวกเขารู้จักแบ่งปัน
ถ้าตัวเงินเป็นเป้าหมายสุดท้าย มันจะทำให้คนเราสูญเสียความเชื่อมต่อของพวกเขากับความเป็นจริง นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคนรวยจึงมักจะบริจาคเงินและก่อตั้งองค์กรการกุศล ที่ทำให้ช่วยผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว
- คนที่รวยมากจริง ๆ จะเข้าใจว่าความร่ำรวยอันใหญ่ยิ่งมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ และคนที่ไม่เข้าใจแนวคิดนี้จะไม่มีความสุขกับชีวิต พวกเขาแค่อาศัยอยู่ในกรงทองแทนที่จะเป็นกรงเหล็ก ในขณะที่ชนชั้นกลางอาจจะเพลิดเพลินไปกับภาพลวงตาที่ว่าเงินสามารถซื้อความสุขให้คุณได้ แต่สำหรับคนรวยมาก ๆ ภาพลวงตาเหล่านี้ได้หายไปแล้ว ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา อาจจะเป็นการค้นพบวิธีการที่จะทำให้เงินของพวกเขามีความหมายและมีคุณค่า มากกว่าการใช้สถานะทางการเงินของพวกเขาเพื่อผูกความหมายของชีวิตไว้ © David Frank Gomes / quora
- น้องเขยของฉันเป็นคนที่รวยมาก ๆ เขามีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่เขาใส่กางเกงตัวโคร่ง ๆ และแจ็คเก็ตที่ทำจากโพลีเอสเตอร์ ครั้งหนึ่งมีคนขอยืมเงินเขา และเขาก็ให้เงินไปจำนวนหนึ่งโดยที่ไม่คิดเล็กคิดน้อย และบอกว่ามันเป็นของขวัญไม่ใช่เงินกู้ เขามักจะเป็นคนถ่อมตัวมาก ๆ เสมอ นอกจากการซื้อบ้านแสนสวยและส่งลูกทั้งสามคนของเขาให้ได้เรียนโรงเรียนดี ๆ แล้ว เขาก็แค่เก็บเงินไว้และลงทุน © catsasss / reddit
เอาล่ะ คุณอาจจะถามว่า “แล้วทำไมคนรวยถึงไม่ช่วยคนอื่น ถ้าพวกเขามีเงินพอที่จะทำแบบนั้น ?” การช่วยเหลือไม่จำเป็นต้องวัดด้วยตัวเงิน และสิ่งสำคัญที่สุดคือการมีส่วนร่วมในชีวิตของบุคคลอื่น และไม่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน
4. พวกเขาหาโอกาสในการแสดงความรู้สึกขอบคุณ
และมันไม่ใช่แค่การทำไปตามมารยาท ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นถ้าคุณต้องการรู้สึกสบายใจในหมู่คนรวย ความสามารถในการแสดงความชื่นชมและการแสดงความรู้สึกขอบคุณมีพลังอันเข้มแข็งต่อผู้คน
- คนรวยทุกคนที่ฉันรู้จักพูดคำว่าขอบคุณกับพนักงานธนาคาร, คนสวน, ทนายความ, คนเก็บขยะ, คนทำความสะอาดสระน้ำ และประธานคณะกรรมการของพวกเขา เพราะเขาตระหนักถึงความช่วยเหลือที่สำคัญที่แต่ละคนทำให้เขาประสบความสำเร็จ พวกเขาชื่นชมการทำงานของทุกคนและไม่มองข้ามใคร และทำให้ทุกคนมีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม เป็นผลให้พวกเขาได้รับความร่วมมือมากมาย และความพยายามเกินร้อยจากคนที่พวกเขาร่วมงานด้วย และสิ่งนี้ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก © Steve Kobrin / quora
โรเบิร์ต ทาวน์เซนด์ (Robert Townsend) ประธานคนก่อนหน้าของเอวิส (Avis) หนึ่งในผู้บริหารของบริษัททเวนตี้เซ็นจูรี่ฟ็อกซ์ได้กล่าว่า: “การกล่าวคำว่า ‘ขอบคุณ’ เป็นการชดเชยที่ประเมินค่าไม่ได้เป็นอย่างมากสำหรับการทำงานของคุณ” คำพูดแสดงความขอบคุณที่ง่าย ๆ นี้ช่วยสร้างความเชื่อมต่อทางอารมณ์กับผู้คน และอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นอีกด้วย
5. พวกเขาเข้าใจคุณค่าของการศึกษา
มีคำกล่าวที่โด่งดังบอกไว้ว่า: “ถ้าคุณให้ปลากับคนที่กำลังหิว คุณจะช่วยเขาได้แค่วันเดียว แต่ถ้าคุณให้เบ็ดตกปลาและสอนวิธีการตกปลาให้กับเขา คุณจะช่วยเขาได้ทั้งชีวิต” การศึกษาที่ดีก็คือ “เบ็ดตกปลา”
- สมาชิกในครอบครัวของฉันเป็นผู้จัดการการเงินส่วนตัวให้กับคนรวย ดังนั้นฉันรู้ว่าฉันกำลังจะพูดอะไร คนรวยลงทุนในการศึกษาอย่างบ้าคลั่ง ถ้าลูกของพวกเขาอยากได้รถมาเซอราติเหรอ ? ไม่มีทาง มันจะไม่มีวันเกิดขึ้น ! แต่ถ้าลูกของพวกเขาอยากเรียนเปียโนล่ะก็ ได้แน่นอน พวกเขาจะมีบทเรียนเปียโนมากมายเท่าที่เขาต้องการ พวกเขาลงทุนกับครูที่ดีที่สุดและมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด และอยากให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ © Priamosish / reddit
- ป้าและลุงของฉันเป็นคนรวย พวกเขาไม่เคยมีรถคันใหม่ในชีวิต หรือตามใจลูกทั้งสองคนของเขาเลย ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เมื่อฉันรู้ว่าพวกเขาได้จ่ายเงินค่าโรงเรียนศิลปะให้กับลูกชายของเขาไปเท่าไหร่ พวกเขาจ่ายไป 3,300,000 บาท ! ($100k) แต่การลงทุนครั้งนี้ก็ประสบผลสำเร็จ เพราะว่าลูกชายของเขาได้ทำงานในบริษัทโฆษณาขนาดใหญ่ในนิวยอร์ก © kieffa / reddit
ความรู้และทักษะใหม่ ๆ หมายถึงโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนา, ความเจริญก้าวหน้าส่วนตัว และเพิ่มความร่ำรวยให้กับตัวคุณ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมการศึกษาจึงเป็นการลงทุนที่อยู่ไปได้ตลอดชีวิต
6. พวกเขาสื่อสารกับผู้คนที่พวกเขามองหา
มหาเศรษฐีจะค่อนข้างเลือกมาก เมื่อเป็นการเลือกคนที่จะมาอยู่รอบตัว เพราะพวกเขารู้ว่าความคล้ายคลึงกันจะดึงดูดและผูกมัดกัน
- เซอร์เก โคเซนโก (Sergey Kosenko) มหาเศรษฐีหนุ่มบอกว่า “ผมมีเพื่อนที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ คุณต้องหาหัวข้อที่จะสามารถเชื่อมต่อตัวคุณกับผู้คนได้ ถ้าคุณมีเพื่อน 10 คนและไม่มีใครเป็นเจ้าของธุรกิจเลย คุณก็มีแนวโน้มที่จะหยุดทำธุรกิจ เพราะคนที่อยู่ล้อมรอบคุณจะไม่เข้าใจคุณ คุณจะไม่มีอะไรให้พูดด้วย และพวกเขาก็จะลากคุณเข้าไปในโลกของพวกเขา ที่ซึ่งคุณทำงานทั้งวันในที่ทำงาน, ไปเที่ยวตามแผนที่วางไว้ และได้รับการแจ้งเตือนว่าเงินเดือนของคุณเข้าบัญชีตามเวลาแล้ว พวกเขาจะเล่นมุกว่าถ้าคุณไม่ลาออกจากงาน ตอนนี้คุณก็คงมีความสุขมากกว่านี้”
- คนที่รวยมาก ๆ จะไม่ยอมปล่อยให้คนที่เป็นพิษอยู่ในชีวิตของพวกเขา พวกเขาจะไม่ใช้เวลากับคนจนที่เอาแต่พร่ำบ่นถึงชีวิตของตัวเอง เพราะว่านี่เป็นสาเหตุว่าทำไม “คนจนก็จนลงไปเรื่อย ๆ” © Ratna Kumar / quora
ประสบการณ์เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ และคนรวยคิดว่าถ้าคุณรู้จักคนที่ประสบความสำเร็จที่พร้อมจะแบ่งปันความรู้ของพวกเขา มันเป็นอะไรที่โง่มากที่จะพลาดโอกาสเหล่านี้ พวกเขามองหาคนที่สามารถช่วยเขาได้และมีอะไรที่คล้ายกับเขา
7. พวกเขาจะไม่ใช้พลังงานไปกับการทำให้ผู้คนประทับใจ
การมีของแพง ๆ แสดงสถานะของเราไม่ได้อีกต่อไป เพราะว่าผู้คนส่วนใหญ่ก็ซื้อสิ่งของเหล่านี้ได้ด้วยบัตรเครดิต
- ฉันตัดสินใจที่จะไม่เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเองหลังจากที่เงินเดือนของฉันเพิ่มขึ้น และฉันคิดได้อย่างรวดเร็วว่าสิ่งของไม่ใช่แหล่งที่มาของความสุข การมีสิ่งของมากมายทำให้คุณเกิดความกดดัน การใช้เงินไปกับประสบการณ์และการเดินทางเป็นอะไรที่ดีกว่า ความทรงจำจะอยู่ตลอดไป แต่สิ่งของจะทำให้คุณมีความสุขในช่วงเวลาสั้น ๆ และฉันจะไม่พยายามทำตามเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานของฉัน คุณไม่มีทางรู้ความจริงทั้งหมดของสถานะทางการเงินของคนอื่นได้ ฉันมีเพื่อนที่ร่ำรวยแต่เป็นหนี้และไม่มีเงินเก็บ © mwatwe01 / reddit
การซื้อของที่คุณไม่ได้ต้องการจริง ๆ เพื่อเป็นการอวดสถานะทางการเงินและใช้ชีวิตโดยการพึ่งบัตรเครดิต เป็นวิธีการสำหรับคนที่ไม่คิดถึงอนาคตของพวกเขาเท่านั้น
8. พวกเขาสร้างความมั่นคงทางการเงิน
คนที่รวยมาก ๆ มักจะต้องจัดการกับ “พวกนักขุดทอง” และคนที่อยากจะได้เงินของพวกเขา พวกเขามีกฎสองข้อที่ช่วยแยกความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และความสัมพันธ์ทางการเงินออกจากกัน: พวกเขาจะไม่พูดถึงรายรับของตัวเอง และจะมีบัญชีส่วนตัวที่แยกออกมา
- ผมใช้ชีวิตที่ตรงข้ามกับสิ่งที่คุณคิดไว้ว่าคนรวยจะต้องเป็นแบบไหน ผมอยู่ในอพาร์ทเมนท์ธรรมดา ๆ, ขับรถมือสองและซื้อเสื้อผ้าในห้างทั่วไป ผมหยุดความสัมพันธ์กับแฟนเก่าหลังจากคบกันได้หกปี แฟนเก่าของผมเห็นรายการฝากถอนในบัญชีเงินฝากของผม และเธอกับแม่ของเธอก็เริ่มใช้ผมเป็นบัญชีเงินฝากส่วนตัว มันเริ่มจากอะไรเล็ก ๆ แต่ผมก็ได้หยุดจ่ายหนี้ทั้งหมดให้กับครอบครัวของเธอ เมื่อผมเผชิญหน้ากับเธอ เธอบอกว่าผมควรจะซื้ออะไรก็ตามที่เธออยากได้ให้เธอ ถ้าผมรักเธอจริง ก็อย่างที่คุณคิดนั่นแหละ เธอได้กลายมาเป็นแฟนเก่าของผมแล้ว © MedicGirl / reddit
- อย่าเก็บเงินทั้งหมดของคุณไว้ในบัญชีร่วม ควรมีบัญชีออมทรัพย์ฉุกเฉินที่เป็นชื่อของคุณ และโอนเงินเดือนของคุณบางส่วนไปเก็บไว้ที่นั่น ฉันเคยพูดจบประโยคสามีของฉัน, เราร้องเพลงด้วยกัน และฉันรักเขาหมดหัวใจ มันไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ เลย แต่หลังจากที่เราเลิกกัน เงินเก็บของฉัน (ถ้าฉันมีสักนิด) จะช่วยฉันไว้ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าการแต่งงานของคุณจบลง คุณก็จะไม่เหลืออะไรเลย © d / reddit
มันไม่เกี่ยวกับเรื่องของความเชื่อใจ แต่มันเป็นเรื่องของมุมมอง แต่ละคนต้องการความมั่นคงทางการเงินส่วนตัว ไม่ใช่เพราะว่าเราไม่เชื่อใจคู่ของเรา แต่เป็นเพราะว่าเงินนี้อาจจะช่วยคุณได้ในวันหนึ่ง หรือเป็นงบการใช้จ่ายในครอบครัวของคุณได้ และมันยังทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นด้วย
9. พวกเขาซื้ออะไรที่ใส่สบาย ไม่ใช่เสื้อผ้าราคาแพง
เงินทำให้คุณรู้สึกพึงพอใจมากขึ้นและช่วยคุณแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณได้ แต่เมื่อคุณซื้อทุกอย่างที่คุณต้องการแล้ว มันก็จะเริ่มนำความสุขมาให้คุณน้อยลงไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่ารายรับของคุณจะมากขึ้นก็ตาม มันฟังดูขัดแย้งกันใช่ไหมล่ะ ?
- พ่อแม่ของฉันมีเงินมากมายและพวกเขาหามันมาด้วยตัวเอง พวกเขามีกฎสามข้อ: “อย่าซื้อของเพื่อจะทำให้ใครประทับใจ” “อย่าซื้อรถหรู มันเสื่อมเร็วมากและราคาในการดูแลมันก็แพงมากด้วย” และ “อะไรที่ประหยัดได้ก็ประหยัด และอะไรที่สามารถลงทุนได้ก็ขอให้ทำ” การใช้เงินสิ้นเปลืองหมายถึงการออกไปกินข้าวเย็นมากกว่าสัปดาห์ละครั้ง หรือการพยายามจะซื้อแก็ตเจ็ตใหม่ ๆ อยู่ตลอด เอาจริง ๆ นะ คนที่มีเงินมากมายไม่มีใครมานั่งสนใจสิ่งเหล่านี้หรอก พวกเขาอยากจะมีเงินเก็บมากกว่า © powerlesshero111 / reddit
- สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลและพิกซาร์ เคยกล่าวไว้ว่า: “ผมมองดูผู้คนที่ทำงานที่แอปเปิ้ล พวกเขาทำเงินได้มากมาย แต่พวกเขากลับไม่มีความสุข บางคนซื้อโรลส์รอยส์ บางคนมีผู้จัดการที่ดูแลบ้านให้พวกเขา และมีผู้จัดการที่อยู่เหนือผู้จัดการอีกที ภรรยาของพวกเขาผ่านการทำศัลยกรรมมาหลายครั้งหลายหน จนหน้าตาของพวกเธอดูไม่เหมือนคนอีกต่อไป ผมไม่อยากจะมีชีวิตแบบนั้น มันคือความบ้าคลั่ง”
คนรวยมั่นใจว่าการตัดสินใจทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับจำนวนเงินที่คุณสามารถใช้จ่ายได้นั้น ควรจะพิจารณาจากโอกาสทางการเงินในปัจจุบันของคุณ และผลประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่คุณอาจจะได้รับการจากเป็นเจ้าของสิ่งนั้น
กฎข้อไหนจากการใช้ชีวิตของคนรวยที่คุณคิดว่าเป็นประโยชน์ที่จะนำไปปฏิบัติตาม ?