ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

กว่า 20 ภาพที่แสดงวิวัฒนาการของนางแบบแฟชั่นตลอดหลายศตวรรษ

ในอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เช่น อุตสาหกรรมแฟชั่น เป็นเรื่องธรรมดาที่จะคาดหวังว่าบทบาทของนางแบบจะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ดังกล่าว อาชีพที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นงานชั่วคราว รายได้ต่ำและไม่ใช่อาชีพที่ฉลาดที่สุด ปัจจุบันกลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าหลายล้านในปัจจุบัน ที่มีนางแบบอาชีพประสบความสำเร็จในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ ’’ตุ๊กตาแฟชั่น’’ และ ’’หุ่นจำลองที่มีชีวิต’’ ไปจนถึงซูเปอร์โมเดลแห่งยุค 90 เราจะได้มองย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของการสร้างแบบจำลองแฟชั่น

1. ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ถึงศตวรรษที่ 19 ก่อนที่จะมีนางแบบที่เป็นมนุษย์ ตุ๊กตาแฟชั่นขนาดจิ๋วเหล่านี้ถูกใช้เพื่อโฆษณาเสื้อผ้า

2. นางแบบกลายเป็นอาชีพในช่วงกลางทศวรรษที่ 1800 โดยนักออกแบบชาวอังกฤษ ชาลส์ เฟรเดอริค เวิร์ธ

เดิมทีคำว่า ’’modelle’’ ในภาษาฝรั่งเศสใช้เพื่ออธิบายถึงบุคคลที่โพสท่าสำหรับจิตรกร ในเวลานั้น ’’mannequins’’ หรือหุ่นจำลองถูกนำมาใช้ในการโฆษณาเสื้อผ้า แต่ต่อมาได้ถูกแทนที่ด้วยนางแบบที่เป็นมนุษย์ ซึ่งเรียกว่า ’live mannequins’’ หรือหุ่นจำลองที่มีชีวิต ด้วยการประดิษฐ์กล้อง คำว่า ’’model’’ จึงเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในการถ่ายแบบลงหนังสือพิมพ์ด้วย

3. โมเดลลิ่งนางแบบแห่งแรกก่อตั้งขึ้นในนิวยอร์กซิตี้ในปี 1923

ในช่วงปีทศวรรษที่ 1920 คำว่า ’’model’’ เริ่มแพร่หลายมากขึ้นเนื่องจากห้างสรรพสินค้าทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกาจัดพาเหรดแฟชั่นพร้อมนางแบบอยู่เป็นประจำ

4. นางแบบชื่อดังในวงการแฟชั่นเริ่มปรากฏตัวในยุค 40

ลิซ่า ฟอนซากริฟส์ (Lisa Fonssagrives) (ซ้าย) ซึ่งเริ่มต้นอาชีพการงานในยุค 40 เธอเป็นนางแบบแฟชั่นชาวสวีเดนที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นซูเปอร์โมเดลคนแรก

5. ในช่วงยุค 50 นางแบบกลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับผู้หญิงสวยจากทั่วทุกมุมโลก

Everett Collection/Everett Collection/East News

ด้วยการมีส่วนร่วมในแฟชั่นโชว์และเซ็นสัญญาหลายฉบับกับบริษัทเครื่องสำอางรายใหญ่ นางแบบชาวอเมริกัน ซูซี่ ปาร์คเกอร์ (Suzy Parker) กลายเป็นหนึ่งในนางแบบที่โดดเด่นที่สุดของทศวรรษ

6. ทวิกกี้กลายเป็น ’’The Face’’ ของปี ’66 และเป็นซูเปอร์โมเดลระดับนานาชาติคนแรกเมื่อเธออายุเพียง 16 ปี

ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 การแสดงออกทางสีหน้าและการเคลื่อนไหวของนางแบบยุค 50 ถูกแทนที่ด้วยความสวยงามที่สดใสและเป็นกันเองมากขึ้น โดยนางแบบได้รับการสนับสนุนให้แสดงบุคลิกของตนเองบนรันเวย์ไปพร้อมกับเสียงเพลง

7. ในยุค 70 เริ่มมีนางแบบผิวดำให้เห็นมากขึ้น

ครั้งแรกที่นิตยสารโว้ก (Vogue) ของสหรัฐฯ นำภาพผู้หญิงแอฟริกัน-อเมริกันขึ้นปกคือในปี 1974 ซึ่งเป็นการปูทางให้กับนางแบบผิวสีคนอื่น ๆ

8. ในยุค 80 และ 90 รันเวย์ได้กลายมาเป็นการแสดงมินิเธียเตอร์ที่มีฉาก แสงไฟและเอฟเฟกต์เสียงที่ซับซ้อน

สิ่งที่ตามมาคือยุค 90 ซึ่งเป็นยุคทองของซูเปอร์โมเดล นางแบบกลายเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จมากกว่าที่เคย โดยผลิตโปสเตอร์ ปฏิทินและน้ำหอมของตัวเอง นางแบบถูกมองว่าเป็นดาราหน้าใหม่และมักปรากฏตัวในสื่อและแม้แต่ในมิวสิควิดีโอ

9. ช่วงกลางยุค 90 มีเทรนด์ใหม่ นั่นคือลุคผอมแห้ง

แม้ว่านางแบบอย่างเคท มอส (Kate Moss) จะเป็นที่ต้องการบนแคทวอล์คสูง แต่วงการเดินแบบสำหรับการโฆษณาก็ต้องการนางแบบที่ดูสุขภาพดี เช่น ไฮดี้ คลุม (Heidi Klum) และไทร่า แบงค์ส (Tyra Banks)

10. ต่อมาในยุค 2000 นางแบบที่บอบบางเหมือนตุ๊กตาเป็นที่ต้องการ

นางแบบที่เหมือนตุ๊กตาและเอเลี่ยน เช่น เจมม่า วอร์ด (Gemma Ward) และลิลี่ โคล (Lily Cole) เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของลูกค้าที่เป็นบรรณาธิการ

11. ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา เราได้เห็นความหลากหลายมากขึ้นบนรันเวย์

ยุค 2010 ถือเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมแฟชั่นและมีความหลากหลายมากกว่าที่เคย

12. และในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ก็เริ่มมีนางแบบพลัสไซส์จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ

เรายินดีที่ได้เห็นว่ามีนางแบบที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ผู้หญิงที่มีรูปร่างและขนาดต่างกันเข้าร่วมโชว์และประสบความสำเร็จได้

ของแถม: ประวัติศาสตร์ของนางแบบจะไม่สมบูรณ์ถ้าไม่มีนิตยสารแฟชั่น

นิตยสารแฟชั่นเริ่มตีพิมพ์เป็นประจำในช่วงปลายทศวรรษที่ 1800 โดยฮาร์เปอร์บาซาร์ (Harper’s Bazar) เป็นนิตยสารที่เก่าแก่ที่สุด และโว้กเป็นนิตยสารแฟชั่นที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกา

ยุคไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด ? และถ้าคุณย้อนเวลากลับไปได้ คุณอยากจะย้อนกลับไปในยุคไหน ?

Please note: This article was updated in November 2022 to correct source material and factual inaccuracies.
แชร์บทความนี้