เราใช้เงินไปเท่าไหร่ในหนึ่งปีกับสินค้า 11 อย่างที่เรายกเลิกได้ง่าย ๆ
ผู้คนใช้เงินประมาณ 7,600 บาท (230 ดอลลาร์) ต่อปีไปกับการตกแต่งบ้านในช่วงวันหยุดในฤดูหนาว ถึงแม้ว่าของตกแต่งพวกนี้จะถูกถอดออกเมื่อการเฉลิมฉลองจบลงก็ตาม เพื่อตัดรายจ่ายนี้ออกไป เราจึงมักจะนำของตกแต่งที่เคยใช้แล้วมาใช้ใหม่หรือประดิษฐ์ของบางอย่างขึ้นมาใหม่ด้วยของที่เรามีอยู่แล้ว นี่เป็นสิ่งเดียวจากหลาย ๆ สิ่งที่สูบเงินออกไปจากกระเป๋าของเราในทุกปี ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริง ๆ ก็ตาม
เราที่ชีวิตสดใสตัดสินใจที่จะดูราคาสิ่งของที่เราซื้อในช่วงระหว่างปีและเรามาพร้อมกับไอเดียที่จะช่วยลดรายจ่ายของเรา
1. การสมัครสมาชิกเน็ตฟลิกซ์ (3,400-6,800 บาท)
เน็ตฟลิกซ์มีราคาอยู่ที่ประมาณ 300-600 บาท (9-18 ดอลลาร์) ต่อเดือนซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายต่อปีของเราอยู่ที่ 3,400-6,800 บาท (100-200 ดอลลาร์) คนที่ดูหนังนาน ๆ ครั้งอาจจะยกเลิกและหันไปใช้บริการเว็บดูหนังฟรีแบบถูกกฎหมายอย่าง IMDB.TV และ Crackle แทน
2. น้ำขวด (3,300 บาท)
ในปี 2019 คนทั่วไปใช้เงินประมาณ 3,300 บาท (100 ดอลลาร์) ไปกับการซื้อน้ำขวด แทนที่จะใช้เงินในการซื้อน้ำมากขนาดนั้น เราอาจจะเปลี่ยนมาดื่มน้ำประปาและพกกระบอกน้ำส่วนตัวที่ใช้ซ้ำและพกพาไปได้ทุกที่ได้แทน ถึงอย่างนั้นน้ำขวดไม่ได้ปลอดภัยไปกว่าน้ำประปาเลย
3. ชุดชั้นในสวย ๆ (3,300 บาท)
โพลล์แสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ใช้เงินน้อยกว่า 3,400 บาท (100 ดอลลาร์) ไปกับการซื้อชุดชั้นในในหนึ่งปี แต่บางคนใช้เงินถึง 16,500 บาท (500 ดอลลาร์) ไปกับสิ่งของพวกนี้ในแต่ละปี เราอาจจะไม่ต้องใส่ชุดชั้นในสวย ๆ ก็ได้ เพราะมันไม่ได้จำเป็นเหมือนกางเกงใน
4. วิตามินต่าง ๆ (4,000 บาท)
ผู้คนมากกว่า 170 ล้านคนกินอาหารเสริมวิตามินและโดยรวมแล้วพวกเขาใช้เงินประมาณ 7.2 แสนล้านบาท (21,000 ล้านดอลลาร์) ทุกปี ซึ่งหมายความว่าคนทั่วไปใช้วิตามินรวมประมาณ 4,000 บาท (123 ดอลลาร์) ต่อปีซึ่งไม่ได้มีผลอะไรกับร่างกายมากนัก แต่แนะนำให้กินอาหารเพื่อสุขภาพแทนดีกว่า
5. แอปเสียเงิน (3,400 บาท)
ผู้ใช้ไอโฟนใช้เงินไปกับแอปเสียเงินประมาณ 3,400 บาท (100 ดอลลาร์) ในปี 2019 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกมมือถือซึ่งมันเป็นหนึ่งในสิ่งแรก ๆ ที่เราจะตัดออกได้เลยถ้าต้องการ
6. น้ำหอมปรับอากาศ (2,400 บาท)
ลองนึกดูว่าน้ำหอมปรับอากาศมีราคาประมาณ 100 บาท (3 ดอลลาร์) และมันจะคงคุณภาพสูงสุดได้ประมาณ 2 สัปดาห์และเท่ากับว่าเราต้องใช้เงิน 2,400 บาท (72 ดอลลาร์) ต่อปีไปกับค่าน้ำหอมในบ้าน เราอาจจะแค่เปิดหน้าต่างเพื่อไล่กลิ่นอับหรือกำจัดกลิ่นด้วยการใช้เบกกิ้งโซดากับน้ำมันหอมระเหยเพียงไม่กี่หยดแทน
7. การสมัครสมาชิกยิม (44,000 บาท)
แบบสำรวจรายงานว่าคนเราใช้เงินประมาณ 3,700 บาท (112 ดอลลาร์) ต่อเดือนซึ่งจะอยู่ที่ 44,000 บาท (1,345 ดอลลาร์) ต่อปี แต่เราออกกำลังกายโดยที่ไม่ต้องเข้ายิมหรือสมัครคลาสเรียนก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราใช้ร่างกายของตัวเองในการออกกำลังกายและมันก็มีสอนฟรีบนยูทูบ
8. น้ำยาปรับผ้านุ่ม (900 บาท)
ครอบครัวอเมริกันทั่วไปซักผ้าประมาณ 300 ครั้งต่อปี พูดง่าย ๆ ว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มแบบขวดทั่วไปมีราคาอยู่ที่ประมาณ 100 บาท (3 ดอลลาร์) และมันจะซักได้ถึง 34 ครั้ง แต่ละบ้านจะใช้เงินประมาณ 900 บาท (27 ดอลลาร์) ต่อปีไปกับน้ำยาปรับผ้านุ่ม ซึ่งการใส่เบกิ้งโซดาลงไปในเครื่องซักผ้าก่อนเริ่มซักจะทำให้ผ้าของคุณนุ่มได้
9. ชุดออกกำลังกาย (6,600 บาท)
เกือบ 20% จาก 860 คนบอกว่าพวกเขาใช้เงินกับชุดออกกำลังกายสูงถึง 6,600 บาท (200 ดอลลาร์) ต่อปี ซึ่งเราอาจจะลดค่าใช้จ่ายลงได้โดยการใช้เงินไปกับแค่รองเท้าผ้าใบที่ให้การทรงตัวที่ดี, เสื้อยืดคอตตอน, รองเท้าและกางเกง
10. ค่าธรรมเนียมที่ตู้เอทีเอ็ม (14,600 บาท)
การถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มอาจจะทำให้เราเสียเงินได้ถึงปีละ 14,600 บาท (445 ดอลลาร์) ถ้าเรากดเอทีเอ็มเดือนละ 8 ครั้งโดยค่าธรรมเนียมต่อครั้งอยู่ที่ 154 บาท (4.64 ดอลลาร์) ซึ่งเราจะลดค่าใช้จ่ายนี้ลงได้โดยการวางแผนล่วงหน้าและถอนเงินให้น้อยครั้งลง
11. ค่าเครื่องสำอาง (99,000 บาท)
การสำรวจรายงานว่าผู้หญิงทั่วไปใช้จ่ายเงินประมาณเดือนละ 8,250 บาทไปกับค่าเครื่องสำอาง ซึ่งหมายความว่าในหนึ่งปีค่าใช้จ่ายนี้จะพุ่งไปถึง 99,000 บาท ! (3,000 ดอลลาร์) ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่อยากห่างจากผลิตภัณฑ์เสริมความงามก็ตาม แต่เราก็อาจจะประหยัดเงินก้อนนี้ได้โดยการเผยหน้าสดแทน
สิ่งของอื่น ๆ ที่คุณซื้อโดยไม่ได้มีความจำเป็นจริง ๆ มีอะไรบ้าง ? และในแต่ละปีคุณใช้จ่ายกับมันไปกี่บาท ?