วิทยาศาสตร์บอกว่า ถ้าคุณชอบแฮร์รี่ พอตเตอร์ คุณเป็นคนดีทีเดียวเลยล่ะ
เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่โลกของเราต้องมนต์สะกดจากหนังสือเกี่ยวกับ “เด็กชายผู้รอดชีวิต” ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกได้อ่านและดื่มด่ำเกี่ยวกับเวทมนตร์ สัตว์มหัศจรรย์ ยาอันตราย และการต่อสู้กับผู้เสพความตายจนแทบจะลืมหายใจ และจากรายงานฉบับใหม่ ชัยชนะของพ่อมดหนุ่มไม่ได้จำกัดอยู่บนหน้าหนังสือชุดเท่านั้น อันที่จริงแล้ว มันทำให้ผู้คนในชีวิตจริงดีขึ้นด้วย
ชีวิตสดใสรู้ว่ามีเหตุผลมากมายที่จะเก็บเรื่องราวของพ่อมดหนุ่มนี้ไว้ในบ้านของคุณ และเรายินดีอย่างยิ่งที่จะเพิ่มเหตุผลดีๆ ให้คุณอีกหนึ่งข้อ
ผู้เชี่ยวชาญอ้างว่าคนที่เป็นแฟนตัวยงของแฮร์รี่ พอตเตอร์และรู้สึกผูกพันอย่างอบอุ่นกับเพื่อนๆ ของเขามักจะทนไม่ได้หากมีคนที่ถูกตีตรา พวกเขามักจะมีความเห็นอกเห็นใจต่อชนกลุ่มน้อยมากกว่า และนี่ไม่ใช่เวทมนตร์ นี่คือวิทยาศาสตร์!
มีการศึกษา 3 ส่วนที่ยืนยันสมมติฐานเบื้องต้นได้ ในระหว่างการทดสอบครั้งแรก เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาได้เข้าร่วมการทดสอง 2 ครั้ง โดยพวกเขาดำเนินการทดลองก่อนและหลังที่เด็กๆ ได้อ่านฉากที่มีย่อหน้าที่เกี่ยวกับอคติของตัวละคร (ตอนที่เดรโก มัลฟอยดูถูกเฮอร์ไมโอนี่เพราะเธอเป็นมักเกิ้ล) และประโยคที่เป็นกลาง (ตอนที่แฮร์รี่ซื้อไม้กายสิทธิ์ของเขา)
นักเรียนมัธยมและนักศึกษามหาวิทยาลัยเข้าร่วมการทดลองที่ 2 และ 3 ของการศึกษานี้ และพวกเขาก็ถูกถามถึงความรู้สึกที่มีต่อคนที่แปลกแยกหลังจากอ่านเกี่ยวกับการผจญภัยของแฮร์รี่
สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะเรามีโอกาสได้มองโลกผ่านสายตาของแฮร์รี่ และบางครั้งสิ่งที่เราสังเกตไม่ได้ทำให้เรามีความสุขเลย ตัวอย่างเช่น หัวข้อสำคัญของหนังสือเล่มนี้คือความหลงใหลของโวลเดอมอร์ที่มีต่อพ่อมดและแม่มดเลือดบริสุทธิ์ อันที่จริงแล้ว ตัวละครเกือบทั้งหมดต้องรับมือกับความยากลำบากที่มาจากความแตกต่างของพวกเขา
ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เป็น “เลือดสีโคลน” รอนนั้นอาศัยอยู่ในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย ส่วนเนวิลล์ ลองบัตท่อมก็เงอะงะและซุ่มซ่ามมาก แฮกริดเป็นยักษ์ที่ทำงานเป็นครูในฮอกวอตส์ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้เวทมนตร์ และถึงแม้จะมีความแตกต่างเหล่านี้ แต่พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีและพร้อมที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวแฮร์รี่เองก็รู้ดีว่าความแตกต่างนั้นทำให้ชีวิตยากแค่ไหน เขาสูญเสียพ่อแม่ และถูกบังคับให้เติบโตมากับญาติ “ผู้แสดงอาการขยะแขยง มีอคติ ใจแคบ เขลา และขี้โมโห” ที่ให้เขานอนในห้องใต้บันได เขาไม่มีเพื่อนและมักถูกลูกพี่ลูกน้องกวนโมโห ดังนั้นแฮร์รี่เข้าใจดีและเขารู้ว่ามันเป็นอย่างไร
เรื่องราวแฟนตาซีนี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นความไม่ยุติธรรมในโลกเวทมนตร์ และต่อมาก็สังเกตเห็นความอคติในโลกแห่งความเป็นจริง
ตัวละครของแฮร์รี่ทำให้เราเอาใจใส่และช่วยให้เราเข้าใจว่าสิ่งสำคัญคือการมีเมตตาต่อผู้อื่นโดยไม่สนใจว่าพวกเขาแตกต่างกันอย่างไร และคำพูดของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ก็ยืนยันว่า: “ความแตกต่างของนิสัยและภาษานั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลยถ้าเป้าหมายของเราเหมือนกันและใจของเราเปิดกว้างให้กันและกัน”
คุณคิดว่าหนังสือส่งผลกระทบอย่างมากต่อจิตใจของเราหรือไม่? บอกเราเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่คุณสังเกตเห็นได้ในตัวเองหลังจากอ่านหนังสือดีๆ ที่มีความหมายหน่อยสิ