11 เคล็ดลับในภาพยนตร์ที่ผู้กำกับทุกคนรู้แต่ผู้ชมไม่รู้
เมื่อต้องสร้างหนังที่ยอดเยี่ยมเรื่องใหม่ ผู้กำกับพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นจะต้องสมบูรณ์แบบ แต่ก็เหมือนกับผู้คนในอาชีพอื่น ๆ ที่พวกเขามักจะต้องรับมือกับปัญหาที่แตกต่างกันไป เพื่อที่จะให้โลกได้พบกับหนังเรื่องใหม่ พวกเขาจะต้องแก้ปัญหามากมายและปรับตัวเข้ากับอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
พวกเราที่ชีวิตสดใสอยากแบ่งปันความรู้สึกมหัศจรรย์ที่เราได้รับเมื่อได้อ่าน 11 ข้อเท็จจริงที่คาดไม่ถึงในภาพยนตร์ที่จะทำให้แม้แต่ผู้ชมรุ่นเก๋าที่สุดยังต้องประหลาดใจ
1. ตัวร้ายจะไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ล
ไรอัน จอห์นสัน ผู้กำกับชาวอเมริกัน ที่เพิ่งทำภาพยนตร์เรื่อง ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่ ได้พูดถึงรายละเอียดที่น่าตลกในหนังของเขาและในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งหมดที่ช่วยให้คนดูรู้ได้ว่าใครเป็นตัวร้ายในหนัง ตัวร้ายจะไม่มีทางใช้ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลในมือของพวกเขา แอปเปิ้ลอนุญาตให้ทีมผู้สร้างใช้อุปกรณ์ของพวกเขาได้ภายใต้เงื่อนไขเดียวคืออุปกรณ์จะต้องถูกใช้ด้วยคนดีเท่านั้น
แอปเปิ้ลเป็นผู้นำทางด้านผลิตภัณฑ์ในภาพยนตร์ฮอลลีวูดตั้งแต่ปี 2012 ไอโฟนและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากทางแอปเปิ้ลจะปรากฏเฉพาะในภาพยนตร์ที่เป็นแง่บวกเท่านั้น
2. ในอดีตภาพยนตร์สามมิติทำให้ผู้ชมมึนหัวมากกว่าในปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้เมื่อทำภาพยนตร์สามมิติ ทีมผู้สร้างจะหลีกเลี่ยงการใช้เอฟเฟกต์ที่มีอะไรบางอย่างบินผ่านหน้าคุณ เนื่องจากว่าสมองของเราไม่เข้าใจว่ารูปที่เห็นเป็นเพียงภาพลวงตา ดวงตาพยายามจะมีปฏิกิริยาตอบกลับเหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งของจริง ๆ แต่สุดท้ายแล้วสมองของเราก็จะทำให้กล้ามเนื้อตาเกร็งซึ่งนำไปสู่อาการมึนหัวปวดหัวและคลื่นไส้
ดังนั้นในภายหลัง ศิลปินที่ทำเอฟเฟกต์พิเศษจึงพยายามที่จะทำให้วัตถุสามมิติบินผ่านอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้สมองไม่มีเวลาที่จะโฟกัสได้ทัน หรือไม่พวกเขาก็ใช้อนุภาคเล็ก ๆ (อย่างฝุ่น ขี้เถ้าหรือหิมะ) ที่สมองของเราเห็นว่าเป็นเพียงสิ่งรบกวนจึงไม่ไปโฟกัสมัน
3. เด็กที่แสดงนำในภาพยนตร์สยองขวัญมักจะไม่รู้ว่าหนังเกี่ยวกับอะไร
ส่วนใหญ่เด็กที่แสดงภาพยนตร์สยองขวัญจะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังแสดงหนังเกี่ยวกับอะไรอยู่ การถ่ายทำแทบจะไม่เป็นไปตามลำดับและมันเป็นอะไรที่ยากมากสำหรับเด็กในการที่จะเห็นภาพได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในหนังอยู่ ไม่มีอะไรที่น่ากลัวในสถานที่ถ่ายทำเช่นกัน: ดนตรีและเสียงถูกเพิ่มในภายหลังของการผลิตและเสื้อผ้า หน้ากาก ของเลียนแบบและสิ่งของอื่น ๆ ดูตลกมากกว่าดูน่ากลัวในชีวิตจริง
เมื่อพูดถึงฉากที่เด็กจะต้องเจอกับเลือดหรืออะไรบางอย่างที่ดูน่ากลัวมาก ๆ สิ่งนี้จะถูกทำให้เหมือนกับเกม แดนนี่ ลอยด์ เด็กผู้ชายจากเรื่องเดอะชายนิ่งโรงแรมผีนรก ก็ไม่รู้ว่าเขากำลังแสดงหนังสยองขวัญอยู่ สแตนลีย์ คูบริค ตัดสินใจที่จะไม่บอกเนื้อเรื่องกับเขา แดนนี่คิดว่ามันเป็นหนังดราม่าเกี่ยวกับครอบครัวที่อาศัยอยู่ในโรงแรม
4. บริษัททำหนังไม่ได้ทำตัวอย่างหนังเอง แต่พวกเขาจ้างบริษัทโฆษณาให้ทำแทน
เพื่อที่จะทำตัวอย่างหนังความยาว 2 นาที ผู้กำกับได้จ้างบริษัทเฉพาะทางให้ทำให้ ดูเหมือนว่าถ้าผู้ที่ทำหนังเป็นคนทำตัวอย่างหนังเองนั้นจะง่ายกว่าและถูกกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
ส่วนใหญ่แล้วผู้กำกับรู้ว่าพวกเขาไม่ได้เก่งเรื่องการตลาดมากนัก และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะขายหนังให้กับผู้ชมได้ตรงตามเป้าหมายได้อย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะจ้างทีมงานมืออาชีพและเลือกที่จะไม่เสี่ยง
5. เสียงกระดูกหักในภาพยนตร์สยองขวัญเป็นเสียงของแครอทและต้นขึ้นฉ่ายที่ถูกหัก
เมื่อนักตัดต่อเสียงต้องการเสียงที่คล้ายกับเสียงกระดูกหัก พวกเขาก็จะหักแครอทและต้นขึ้นฉ่าย ดังนั้นครั้งต่อไปถ้าคุณดูฉากที่มีความรุนแรงในหนังให้นึกถึงผักที่น่าสงสารพวกนั้น
6. ฉากที่มีกระจกคือหนึ่งในฉากที่ถ่ายทำยากที่สุด
ฉากที่อยู่ใกล้กระจกจะต้องถูกถ่ายทำจากมุมที่เลือกมาเป็นอย่างดี เพราะต้องทำให้เห็นคนและภาพสะท้อนของพวกเขา แต่ต้องไม่ทำให้เห็นกล้องและแสงไฟ ตัวอย่างเช่นในเรื่องเทอร์มิเนเตอร์ 2 พวกเขาตัดสินใจที่จะใช้ตัวแสดงแทนและหุ่น
ในฉากที่ตัวละครลินดา ฮาทิลตันได้ดึงไมโครชิพออกจากหัวของอาโนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ มันไม่มีกระจกอยู่: ที่ด้านหน้าของกล้องคุณจะเห็นชวาร์เซเน็กเกอร์และตัวแสดงแทนกำลังทำบางอย่างกับหัวของเขา และลินดาที่อยู่ถัดจากกล้องก็เป็นตัวปลอมเหมือนกัน เคล็ดลับในภาพยนตร์ช่างเป็นอะไรที่สุดยอด!
7. ในบางครั้งผู้กำกับก็ตั้งใจทำอะไรผิดพลาด
หนังดังหลายเรื่องที่มีฉากปล่อยไก่ และบางเรื่องก็ดูชัดเจนเกินไป ตัวอย่างเช่นในระหว่างฉากการแลกเปลี่ยนสินค้าในเรื่องแบทแมน อัศวินรัตติกาลผงาด แบทแมนได้เข้าไปในอุโมงค์ตอนฟ้าสว่างและออกมาจากอุโมงค์ตอนที่ฟ้ามืดแล้ว
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อยและผู้กำกับก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พวกเขาก็ตั้งใจจะให้เกิดข้อผิดพลาดเหล่านี้ แบทแมนจะดูเท่และน่าประทับใจในความมืดมากกว่าในแสงสว่าง และสำหรับคริสโตเฟอร์ โนแลนผู้กำกับ นี่ก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้ว นอกจากนี้ทีมผู้สร้างก็รู้ว่าผู้ชมส่วนใหญ่จะสนใจในเนื้อเรื่องและไม่สังเกตเห็นรายละเอียดเหล่านี้
8. มีบริษัทเฉพาะทางที่ทำหิมะให้กับหนังฮอลลีวูด
หิมะที่ถูกใช้ในหนังฮอลลีวูดเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด มันถูกผลิตโดยบริษัทที่เรียกว่าสโนว์ บิซซิเนส บริษัทเปิดในปี 1983 และแฟ้มผลงานของเขามีหิมะแบบต่าง ๆ ถึง 200 แบบ
หิมะจริง ๆ เป็นอะไรที่จัดการในขั้นตอนการถ่ายทำได้ยากมาก เพราะว่ามันจะละลายเมื่ออยู่ใต้กล้องแต่ภาพยนตร์บางเรื่องก็ถ่ายทำในพื้นที่ที่มีหิมะจริง ๆ ตัวอย่างเช่น เรื่องเดอะเรเวแนนท์ ต้องรอด ได้ถ่ายทำที่สกีรีสอร์ทในแคนาดา
9. ถ้าตัวประกอบมองกล้อง พวกเขาจะถูกไล่ออก
ตัวประกอบมองกล้องไม่ได้และพวกเขาอาจจะถูกไล่ออกได้จากสาเหตุนี้ ยิ่งกว่านั้นตัวประกอบที่มองจากระยะไกลแล้วเหมือนกับตัวละครหลักจะไม่ได้อยู่บนหน้าจอนานมากนัก นอกจากนั้นพวกเขายังไม่ควรใส่เสื้อผ้าสีขาวหรือเสื้อผ้าที่เขียนคำบรรยายตัวใหญ่ เพื่อที่จะไม่เป็นการดึงความสนใจไปจากตัวละครหลัก
10. ในภาพยนตร์ พวกเขาแทบจะไม่ใช้อาหารจริง
บ่อยครั้งที่อาหารที่ปรากฏในหนังทำมาจากวัสดุที่กินไม่ได้ คุณจำอาหารที่คุณเห็นในห้องโถงใหญ่ในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้ไหม พวกเขาใช้อาหารจริงเฉพาะในภาคแรกและมันก็ดูไม่น่ากินอย่างรวดเร็วทำให้ต้องเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ดังนั้นในภาคต่อ ๆ มาอาหารส่วนใหญ่จึงทำมาจากเรซิน
11. มีเหตุผลที่ว่าทำไมฉากหลังจึงต้องเป็นสีเขียวในการทำเอฟเฟกต์พิเศษ
เมื่อมีการทำเอฟเฟกต์พิเศษ ผู้กำกับจะใช้ฉากหลังที่เป็นสีเขียวสว่างเพราะเป็นสีที่ไม่เหมือนกับดวงตาของมนุษย์ แต่ถ้าดวงตาของนักแสดงเป็นสีเขียว พวกเขาก็จะใช้ฉากหลังสีฟ้าแทน นอกจากนั้นตัวละคร เครื่องประดับและอุปกรณ์ประกอบฉากทั้งหมดจะต้องไม่มีสีเขียวในฉากการถ่ายทำด้วยพื้นหลังนี้ สิ่งนี้จะช่วยลดเวลาในการตัดต่อได้อย่างมาก
คุณเคยเห็นอะไรในภาพยนตร์ที่ทำให้คุณประทับใจสุดๆ และคุณไม่รู้ว่ามันทำได้ยังไงไหม?