ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

8 ความเชื่อจากในภาพยนตร์ที่อาจฆ่าคุณได้ในชีวิตจริงได้

มันเป็นไปได้ที่จะเขียนหนังสือถ่ายทอดประสบการณ์ของเหล่าฮีโร่ผู้โด่งดัง ในการเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์ที่ร้ายแรง เช่น โรบินสัน ครูโซ และแรมโบ้ แต่วิธีการทั้งหมดที่พวกเขาใช้นั้น มันปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจริงหรือ ?

เราชาวชีวิตสดใสได้ดูภาพยนตร์มาหลายเรื่องแล้ว จึงตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่คุณควรรู้เกี่ยวกับบางสิ่งที่คุณไม่ควรทำ หากคุณต้องการเอาชีวิตรอดในชีวิตจริง

ความเชื่อที่ 1: ถ้ำเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการก่อกองไฟ

แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าปลอดภัยและแสนจะโรแมนติก ... แต่การก่อกองไฟจะทำให้หินมีอุณหภูมิสูงขึ้น และมันจะขยายตัวเมื่อโดนความร้อน ซึ่งนั่นอาจทำให้ก้อนหินตกลงมาใส่ศีรษะของคุณได้ ดังนั้นสถานที่เดียวที่คุณควรก่อกองไฟได้ก็คือที่โล่งกว้างด้านนอกนั่นเอง

ความเชื่อที่ 2: คุณสามารถกินปลาที่คุณเพิ่งจับได้แบบดิบ ๆ เหมือนกับการกินซูซินั่นแหละ

มีบางสิ่งที่ในภาพยนตร์ไม่ได้โชว์ให้คุณเห็น นั่นก็คือเรื่องความผิดปกติของระบบการย่อยอาหารที่อาจเกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์ เนื่องจากในป่าไม่มีชุดปฐมพยาบาลหรือรถพยาบาล ดังนั้นอย่าได้เสี่ยงหาทำ คุณควรปรุงปลาที่หามาได้ให้สุกด้วยการเผาเสียก่อน และอีกอย่าง เลือดดิบ ๆ ของสัตว์ก็ไม่ควรกินเช่นกัน อี๋....

ความเชื่อที่ 3: การดูรายการทีวีเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดจะทำให้คุณเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญสถานการณ์จริงได้

แน่นอนว่ามันไม่เป็นความจริง เพราะอย่าลืมว่าในรายการทีวีเหล่านั้นถูกสร้างโดยทีมงานนับสิบชีวิตที่อยู่หลังกล้องรวมถึงมีทีมกู้ภัยที่รอพร้อมช่วยเหลือตลอดเวลา และนอกจากนั้นยังมีผู้กำกับและคนตัดต่อที่พร้อมเสมอที่จะตัดต่อภาพยนตร์ให้ออกมาดูสวยงามหลังการถ่ายทำ แต่ในสถานการณ์จริงนั้น ทุกอย่างล้วนแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

ความเป็นจริงนั้นโหดร้ายกว่ามาก: คุณเพียงแค่ต้องเอาชีวิตรอดและค้นหาผู้คนเพื่อขอความช่วยเหลือโดยไม่มีกล้อง ไม่มีการถ่ายรูป และไม่มีใครมาคอยแสดงความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย

ความเชื่อที่ 4: น้ำต้มสามารถดื่มได้อย่างปลอดภัย 100%

การต้มสามารถฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียได้เท่านั้น แต่มันไม่ได้ทำให้น้ำมีความสะอาดปลอดภัยจากองค์ประกอบอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายได้ เช่น ไม่ว่าคุณจะต้มน้ำโคลนนานแค่ไหน การดื่มน้ำนั้นก็จะไม่ปลอดภัยเสมอไป ดังนั้น ก่อนต้มควรกรองน้ำผ่านผ้าสะอาด (เช่น ผ้าเช็ดตัวหรือเสื้อเชิ้ต) ก่อน แล้วปล่อยทิ้งไว้จนสิ่งสกปรกตกตะกอนที่ก้นภาชนะ

ความเชื่อที่ 5: ถ้าหลงทางในป่า ให้พยายามเดินไปตามแม่น้ำ แล้วไม่ช้าก็เร็วคุณจะได้พบผู้คน

ใช่แล้ว - คำว่า “ไม่ช้าก็เร็ว” คือกุญแจสำคัญ แน่นอนว่ามันมีผู้คนอาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำจริง ๆ เพราะพวกเขาต้องใช้น้ำ แต่ ... มันอาจต้องใช้เวลาถึงหลายสัปดาห์กว่าที่คุณจะเจอการตั้งถิ่นฐานของผู้คน (ไม่เชื่อลองดูแผนที่ของไซบีเรียและตะวันออกไกลดูสิ) และคุณต้องแน่ใจว่าคุณมีความอบอุ่นและปลอดภัยเพียงพอ

ดังนั้นกฎแรกกฎเดียวสำหรับกรณีนี้ก็คือ: หากคุณกำลังหลงทาง ให้พยายามอยู่กับที่ เพราะนี่จะเป็นจุดที่ทีมกู้ภัยจะสามารถหาคุณพบก่อน

ความเชื่อที่ 6: การใส่เสื้อผ้าเปียก ๆ ยังดีกว่าไม่มีอะไรใส่เสียเลย

มันไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ตัวอย่างเช่น หากอุณหภูมิของอากาศต่ำกว่าศูนย์องศา และถ้าคุณสวมเสื้อผ้าที่เปียกชุ่ม (เช่น ถ้าคุณตกลงไปในน้ำแข็ง) สิ่งนี้จะทำให้อุณหภูมิในตัวคุณต่ำลง มันจะต้องใช้เวลาและพลังงานมากขึ้นในการทำให้น้ำร้อน นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้เมืองที่อยู่ใกล้ทะเลหรือมหาสมุทร มีอากาศไม่ร้อนเหมือนในเมืองที่อยู่ตรงกลางของทวีป

ร่างกายของเราจะสิ้นเปลืองพลังงานอย่างมากในการเพิ่มความร้อนให้กับเสื้อผ้าที่เปียกน้ำ แทนที่จะให้ความร้อนแก่อวัยวะภายในร่างกายของเรา

ความเชื่อที่ 7: สิ่งแรกที่คุณต้องทำหากติดอยู่ในทะเลทรายคือการหาแหล่งน้ำ

เปล่าเลย อันดับแรกคุณต้องหาที่ร่ม ๆ และรอจนถึงตอนเย็น เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองน้ำสำรองภายในร่างกายของคุณนั่นเอง คุณควรพยายามหาก้อนหินก้อนใหญ่แล้วนั่งหลบในร่มเงาของมัน และหลีกเลี่ยงการนั่งบนพื้นที่ร้อน - คุณควรนั่งบนต้นไม้หรือหาอะไรมาวางรองก่อนจะดีกว่า และเมื่อพระอาทิตย์ตกแล้วค่อยเริ่มมองหาดาว โรงแรม น้ำ และ สัญญาณ Wi-Fi ได้

ความเชื่อที่ 8: คุณควรเก็บน้ำไว้ดื่มในภายหลัง

หากคุณรู้สึกกระหายน้ำ คุณควรนั่งพักในที่ร่มและดื่มมันซะ เพราะถ้าคุณต้องอยู่กลางแดดและไม่ยอมดื่มน้ำแล้วล่ะก็คุณอาจเป็นโรคลมแดดและหมดสติได้ และที่น่าตลกก็คือ เมื่อถึงตอนนั้นแม้ว่าคุณจะมีน้ำอยู่กับตัว แต่คุณก็ไม่สามารถดื่มมันได้อีกแล้ว

แล้วคุณล่ะ เคยสังเกตเห็นฉากที่ไม่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ที่ร้ายแรงในภาพยนตร์เรื่องโปรดของคุณบ้างหรือเปล่า ?

แชร์บทความนี้