ความลับกว่า 10 อย่างในหนังที่นักแสดงและผู้กำกับมักไม่ค่อยพูดถึงกัน
การสร้างภาพยนตร์เป็นกระบวนการที่ยาวนานและยากมาก ๆ แม้แต่แฟนหนังตัวยงก็ยังไม่ทราบถึงความซับซ้อนในกระบวนการสร้างทั้งหมดนี้ ตัวอย่างเช่น คุณเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมตัวอย่างหนังถึงเต็มไปด้วยการสปอยล์ ? ทำไมผู้สร้างภาพยนตร์ถึงเผยความลับก่อนฉายรอบปฐมทัศน์ ? นี่เลยทำใหเราเริ่มสนใจหัวข้อนี้ แล้วก็พบคำตอบที่น่าสนใจต่าง ๆ มากมายสำหรับคำถามที่รบกวนใจบรรดาคอหนัง
ชีวิตสดใสเราแอบไปส่องฉากเบื้องหลังของหนังฮอลลีวูด และได้พยายามค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความลับที่ผู้สร้างภาพยนตร์ใช้ในการผลิตภาพยนตร์สำหรับผู้ชม
- มีเสื้อผ้าสำหรับใส่ในฉากเอาไว้หลายชุด เผื่อว่ามันพังหรือสกปรก อีกทั้งยังมีเสื้อผ้าเพิ่มเติมสำหรับสตั้นท์ แต่ในบางครั้งนักแสดงก็นำของใช้ส่วนตัวของตัวเองมาที่กองถ่าย ไม่สำคัญว่าพวกเขานั้นเป็นดาราดังแค่ไหนก็ตาม ตัวอย่างเช่น เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่ตัวละครดู๊ด (Dude) สวมในเรื่อง บิ๊ก เลโบสกี เป็นของเจฟฟ์ บริดเจส (Jeff Bridges) เอง
- เมื่อพวกเขาต้องการถ่ายทำฉากที่มีการตัดแขนขา นักแสดงจะสวมถุงเท้าสีเขียวที่แขนขา จากนั้นส่วนเหล่านั้นจะถูกลบออกในขั้นตอนหลังการถ่ายทำ
- ฉากที่มีดนตรีมักจะมีการใส่เสียงในขั้นตอนหลังการถ่ายทำ เพราะในกระบวนการถ่ายทำ พวกเขาใช้กล้องจำนวนมาก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไขปัจจัยต่าง ๆ เพื่อให้เสียงสมบูรณ์แบบ อีกทั้งเสียงรบกวนที่เพิ่มเติมในฉากยังสร้างปัญหาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีบทสนทนาระหว่างตัวละคร
- มีความเสี่ยงเกินไปที่จะพึ่งพาการพยากรณ์อากาศเมื่อถ่ายหนัง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเอฟเฟกต์พิเศษจึงเข้ามามีบทบาทในการสร้างสภาพอากาศในหนังตามที่ต้องการ
- ฝนทำมาจากน้ำที่โปรยลงมาจากที่สูงด้วยท่อที่เชื่อมต่อกับหัวจ่ายน้ำดับเพลิง
- หิมะทำจากกระดาษหรือพลาสติก และบางครั้งพวกเขาก็ใช้ผลิตภัณฑ์จากสบู่ที่ใส่ลงในเครื่องชนิดพิเศษที่เปลี่ยนมันให้เป็นเกล็ดหิมะ
- เพื่อเลียนแบบหมอก มักมีการใช้สารเคมีอยู่บ่อยครั้ง การผสมน้ำแข็งแห้งกับน้ำเป็นวิธีที่รวดเร็วในการสร้างหมอก
- ห้ามใช้กล้องหรือโทรศัพท์ในกองถ่าย ซึ่งสิ่งนี้ทำเพื่อหลีกเลี่ยงการรั่วไหลของเนื้อเรื่องก่อนการเปิดตัวหนัง
- คุณเคยสังเกตเห็นไหมว่าเหล่านักแสดงดูมีเสน่ห์เมื่ออยู่ในจอมากกว่าตัวเป็น ๆ ในชีวิตจริง ? มีคำอธิบายง่าย ๆ สำหรับเรื่องนี้ นั่นคือการรีทัชภาพ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีราคาแพงและใช้เฉพาะในหนังที่มีงบประมาณสูงเท่านั้น โดยผู้เชี่ยวชาญจะลบริ้วรอยและสิวออกจากใบหน้าของนักแสดง ทำจมูกของพวกเขาให้เล็กลง และทำขาให้ดูเรียวยาวขึ้น
- ทุกวันนี้นักแสดงไม่จำเป็นต้องลดน้ำหนักหลายสิบกิโลเพื่อบทของพวกเขา หรือออกกำลังกายในยิมเป็นเวลานานหลายเดือน แน่นอนว่ายังมีนักแสดงที่ยังคงทำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด แต่ในหลายกรณี ใบหน้าของนักแสดงถูกตัดต่อเข้าไปอยู่บนร่างกายของคนอื่น หรือไม่ร่างกายของพวกเขาก็ถูกแก้ไขในทุกรูปแบบ อย่างเช่น ในหนังเรื่อง โฮมแลนด์ ผู้สร้างได้ซ่อนความจริงที่ว่านักแสดงนำที่ชื่อแคลร์ เดนส์ (Claire Danes) กำลังตั้งครรภ์
- แฟนหนังยังคงคิดถึงขาเรียวยาวของมาร์โกต์ ร็อบบี้ (Margot Robbie) ในเรื่อง คนจะรวย ช่วยไม่ได้ โดยหลายคนต่างคิดว่าหุ่นของเธอนั้นดูเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่มีความคิดเห็นอย่างเป็นทางการจากทีมผู้สร้างหนังเรื่องนี้ แล้วปล่อยให้พวกเราเดากันเอาเอง
- นักแสดงต้องระมัดระวังเสื้อผ้าของตัวเอง เพราะการเปลี่ยนชุดแม้เพียงเล็กน้อย สามารถทำให้เกิดปัญหาเรื่องความต่อเนื่องในหนังได้ ดังนั้นเสื้อผ้าอาจถึงขั้นต้องเก็บเอาไว้อย่างปลอดภัยระหว่างการถ่ายทำ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความต่อเนื่อง
- ในระหว่างขั้นตอนการถ่ายทำ การแต่งหน้าของนักแสดงต้องได้รับการปรับแต่งค่อนข้างบ่อย แต่ในบางฉาก ช่างแต่งหน้าก็ไม่สามารถอยู่ใกล้พวกเขาได้ ซึ่งในสถานการณ์เหล่านี้ นักแสดงต้องแก้ไขการแต่งหน้าเอง โดยพวกเขามีชุดผ้าเช็ดปาก แป้ง และลิปสติก
- นักแสดงบางคนสวมรองเท้าส้นหนาเพื่อเพิ่มความสูง อย่างโรเบิร์ต เดอ นีโร (Robert De Niro) ที่สวมรองเท้าเหล่านี้ขณะถ่ายทำเรื่อง คนใหญ่ไอริช เช่นเดียวกับแดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) ในเรื่อง 007 พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลก ที่สวมมันเพื่อให้สูงเท่ากับเจมม่า อาร์เทอร์ตัน (Gemma Arterton)
- คุณภาพของอาหารและเมนูอาหารในกองถ่ายขึ้นอยู่กับงบประมาณของหนัง เพราะไม่ใช่เพียงแค่อาหารของนักแสดงนำเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอาหารของนักแสดงตัวประกอบด้วย อีกทั้งพวกเขามักจะทานข้าวด้วยกัน ดังนั้นนักแสดงตัวประกอบจึงสามารถเจอกับจอห์นนี่ เดปป์ (Johnny Depp) หรือเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (Jennifer Lawrence) ได้อย่างง่ายดาย
- นักแสดงสตั้นท์ไม่จำเป็นต้องมีหน้าตาเหมือนนักแสดง นอกเหนือจากการแสดงโลดโผนที่อันตรายมาก ๆ แล้ว พวกเขามักจะได้รับการว่าจ้างให้แสดง เพราะพวกเขามีบางส่วนของร่างกายเหมือนกับนักแสดง หรือไม่ก็มีทักษะที่เฉพาะตัว อย่างเช่น ในฉากอันโด่งดังที่แจ็ค (Jack) กำลังวาดภาพโรส (Rose) มือที่วาดภาพนั้นไม่ใช่ของดิคาปริโอ (DiCaprio) แต่จริง ๆ แล้วเป็นมือของเจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเขาเป็นศิลปินที่มีพรสวรรค์เช่นกัน
- ตัวอย่างหนังถูกทำขึ้นโดยหน่วยการตลาดเป็นพิเศษ ซึ่งกระบวนการนี้อาจใช้เวลานานถึง 18 เดือนและเกี่ยวข้องกับหลายบริษัทที่แข่งขันกันเพื่อสร้างตัวอย่างหนังที่ดีที่สุด ในบ่อยครั้งที่ตัวอย่างถูกทำเสร็จก่อนหนัง นี่จึงเป็นเหตุผลที่มันมักจะมีฉากบางฉากที่ไม่ได้ใช้ในเวอร์ชันสุดท้ายของหนัง นอกจากนี้ตัวอย่างหนังยังได้ถูกทำการทดสอบแบบกลุ่มสนทนา โดยนำไปแสดงให้กับผู้ชมที่มีศักยภาพในวัยต่าง ๆ และเปลี่ยนแปลงหากมีความจำเป็น
- อีกอย่างหนึ่ง เมื่อก่อนคนทำหนังมีเวลา 2 นาทีในการดึงดูดความสนใจจากผู้ชม แต่เพราะการพัฒนาของอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน ทำให้พวกเขามีเวลาเพียง 5 วินาทีในการดึงดูดผู้ชม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมภาพที่น่าดึงดูดใจที่สุดจึงถูกแสดงไว้ที่ตอนต้นของตัวอย่างหนัง ไม่เช่นนั้นแล้วตัวอย่างงทั้งหมดก็จะถูกเลื่อนทิ้งไป
- ทุกคนต่างสงสัยว่าทำไมถึงมีการสปอยล์อยู่ในตัวอย่างหนังแล้วเซอร์ไพรส์ก็ถูกเผยออกมาหมด ? แล้วเหตุใดจึงไม่มีใครช่วยเสนอให้หลีกเลี่ยงสิ่งนี้ ? แน่นอนว่ามีหลายคนทำแล้ว แต่ว่าบริษัทที่รับผิดชอบในการทำตัวอย่างหนังต้องการใส่สิ่งที่น่าสนใจเข้าไปให้มากที่สุด เพื่อดึงดูดผู้ชมให้มาที่โรงภาพยนตร์ และพวกเขาก็ไม่สนใจจุดสำคัญของเรื่อง อีกทั้งผู้กำกับหนังมักจะไม่ดูหนังและทำตัวอย่างหนังแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่าการพยายามทำให้ตัวอย่างหนังดูน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้นนั้น อาจสปอยล์สิ่งที่สำคัญไปเสียแล้ว
ฉากภาพยนตร์แบบไหนที่คุณอยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับมัน ? แล้วเทคนิคใดที่ทำให้คุณประหลาดใจมากกว่าอันอื่น ๆ ? บอกเราในคอมเมนต์ด้านล่างกันได้เลย !
เครดิตภาพพรีวิว LRNYC / MEGA / East News
แชร์บทความนี้