นักแสดง 10 คนนี้เกือบจะปฏิเสธบทในภาพยนตร์ที่ดังเปรี้ยงแต่เปลี่ยนใจทันเลยเหมือนกับถูกแจ็คพอตไปเลย !
บางทีเรื่องราวของการทำภาพยนตร์มันก็น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าตัวของภาพยนตร์เองเสียอีก นักแสดงบางคนที่ตกลงเล่นบทเล็ก ๆ ได้กลายเป็นคนดังขึ้นมาชั่วข้ามคืน ขณะที่บางคนก็ปฏิเสธโปรเจกต์เจ๋ง ๆ แล้วก็ไม่ได้โอกาสกลับมาเล่นบทแบบนี้อีกเลยก็มี และยังมีนักแสดงอีกหลายคนที่ปฏิเสธบทในภาพยนตร์ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจแล้วก็ดังเป็นพลุแตกเพราะภาพยนตร์เรื่องนั้นไปเลยก็มีอีกด้วย
ที่ชีวิตสดใส เราอยากจะบอกให้คุณได้รู้เรื่องราวของนักแสดงชายและหญิงที่เกือบจะปฏิเสธโอกาสในการแสดงในภาพยนตร์ที่เป็นที่จดจำเหล่านี้
ริชาร์ด เกียร์ — ผู้หญิงบานฉ่ำ (Pretty Woman)
ริชาร์ด เกียร์ (Richard Gere) ไม่ได้อยากจะรับบทในโปรเจกต์นี้ เขาไม่ชอบทั้งเรื่องและไม่ชอบทั้งตัวละคร เขาคิดว่ามันเป็นอะไรที่ชั้นสองและกลวงเปล่ามาก แต่ผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่องนี้ แกร์รี มาร์แชล (Garry Marshall) ซึ่งเสนอบทนี้ให้แก่ริชาร์ดหลายครั้งหลายครา กลับไม่ยอมแพ้และฝากความหวังเอาไว้ที่จูเลีย โรเบิร์ต (Julia Roberts)
แกร์รี เชิญทั้งสองนักแสดงมาพบกับเขาและปล่อยให้พวกเขาคุยกันตามลำพัง แล้วจูเลียก็ให้กระดาษกับเขาชิ้นหนึ่ง ซึ่งเขียนเอาไว้ว่า “ได้โปรดตกลงนะคะ” แล้วนักแสดงท่านนี้ก็ตอบตกลง ดังนั้นคุณจึงสามารถบอกได้เลยว่าเขารับบทนี้เพราะจูเลียโดยเฉพาะเลย
อัล ปาชิโน่ — เดอะ ก็อดฟาเธอร์ (The Godfather)
นักแสดงท่านนี้ชอบบทของ เดอะ ก็อดฟาเธอร์ แต่เขาอยากจะเล่นเป็นตัวละครอื่นแทน เขาคิดว่าบทของซอนนี่ (Sonny) มันเหมาะสมกับเขามากกว่าบทไมเคิล (Michael)
แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ตอบตกลงในข้อเสนอของผู้กำกับ และเราก็ได้เห็นบทบาทสุดคัลท์อีกบทที่อัล ปาชิโน่ (Al Pacino) เป็นผู้แสดง
จิม แคร์รี — เดอะกริ๊นช์ ตัวเขียวป่วนเมือง (How the Grinch Stole Christmas)
จิม แคร์รี (Jim Carrey) ตกลงรับบทนี้ในทีแรก แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจว่าเขารับมือกับการแต่งหน้าอย่างหนักและสภาพการทำงานแบบนี้ไม่ไหว ในกองภ่ายของภาพยนตร์เรื่อง เดอะกริ๊นช์ ตัวเขียวป่วนเมือง เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้กำลังถูกแต่งหน้าอยู่ แต่รู้สึกเหมือนกำลังถูกฝังทั้งเป็นมากกว่า
จิมพร้อมที่จะออกแล้ว แต่โปรดิวเซอร์กลับคิดวิธีแก้ปัญหาที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ พวกเขาจ้างเทรนเนอร์พิเศษที่จะสอนให้จิมรับมือกับความทรมานฉากได้ขึ้นมา
ปีเตอร์ ดิงค์เลจ — มหาศึกชิงบัลลังก์ (Game of Thrones)
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับแฟน ๆ ของซีรีส์ มหาศึกชิงบัลลังก์ ที่จะนึกภาพคนมีมารับบท ทีเรียน แลนนิสเตอร์ (Tyrion Lannister) ข้อนี้ก็ไม่ต่างกับนักเขียนบทของซีรีส์เรื่องนี้ที่อยากให้ปีเตอร์ ดิงค์เลจ (Peter Dinklage) มารับบทนี้ แต่ในทีแรกปีเตอร์เขามีความเห็นที่แตกต่างออกไป
นักแสดงท่านนี้ต้องขอเวลาไปตัดสินใจเพราะเขาไม่อยากรับบทในเรื่องประเภทแฟนตาซี เพราะเขาคิดว่าเขาจะต้องไว้หนวดยาวและใส่รองเท้าหัวแหลม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อเขารู้เรื่องราวและได้ศึกษาตัวละครของเขามากขึ้น สุดท้ายเขาก็ตอบ “ตกลง”
มิเชลล์ รอดริเกซ — เร็ว แรง ทะลุนรก (Fast & Furious)
แฟรนไชส์ชุด เร็ว แร็ง ทะลุนรก ทำให้มิเชลล์ รอดริเกซ (Michelle Rodriguez) กลายเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ แต่เดิมทีเธอต้องการจะปฏิเสธบทนี้ นักแสดงผู้เป็นแรงบันดาลใจของคนมากมายคนนี้คิดว่าตัวละครของเธอไม่ได้รับการพัฒนามาอย่างดีพอ และเธออยากให้มันถูกนำกลับไปเขียนใหม่
โปรดิวเซอร์ไม่ได้เห็นด้วยกับความต้องการของเธอและถ้าไม่ใช่เพราะวิน ดีเซล (Vin Diesel) ยื่นมือเข้ามา มิเชลล์ก็มีแนวโน้มที่จะทิ้งโปรเจกต์นี้ไปด้วย
เอ็มม่า วัตสัน — ภาพยนตร์ชุด แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ (Harry Potter)
เอ็มม่า วัตสัน (Emma Watson) โชคดีตั้งแต่ยังเด็กมาก ๆ ตอนที่เธอได้รับบทเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ (Hermione Granger) ในภาพยนตร์ชุด แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ แต่เธออยากจะออกจากโปรเจกต์หลังจากภาคที่ 4 และไม่อยากกลับมารับบทสำคัญนี้อีกแล้ว เรื่องก็คือว่าเอ็มม่ามีความเหมือนกับตัวละครที่เธอแสดงมาก ๆ และเธออยากจะประสบความสำเร็จในการเรียนของเธอ
แต่สุดท้ายแล้ว เอ็มม่าก็ตัดสินใจรับบทต่อ แต่เธอไม่ยอมล้มเลิกเป้าหมายของเธอและสุดท้ายก็ได้รับปริญญาตรีสาขาวรรณคดีอังกฤษอีกด้วย
คริส อีแวนส์ — ดิ อเวนเจอร์ส (The Avengers)
หนึ่งในเรื่องราวน่าประทับใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายก็คือเรื่องราวของคริส อีแวนส์ (Chris Evans) เรื่องราวก็คือว่าเขาไม่ได้อยากรับบทกัปตันอเมริกาในภาพยนตร์ชุด ดิ อเวนเจอร์ส เพราะเขากลัวความสนใจที่มากเกินไปจากสื่อ
แต่เขาก็ทำตามคำแนะนำของแม่เขา ที่บอกว่าบทนี้เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับเขา และเขาก็จะไม่ต้องกังวลใจกับเรื่องการหาเงินจ่ายค่าเช่าบ้านของเขาอีกต่อไป
ลีโอนาโด ดิคาปริโอ — ไททานิค (Titanic)
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะนึกภาพ ไททานิค ที่ไม่มีลีโอนาโด ดิคาปริโอ ( Leonardo DiCaprio) แต่มันก็เกือบจะเกิดขึ้นแล้วในความเป็นจริง นักแสดงหนุ่มคนนี้ไม่ได้อยากรับบทในภาพยนตร์แนวเมโลดราม่าอีกแล้ว เขาสนใจแค่โปรเจกต์ภาพยนตร์ที่มีความจริงจังมาก ๆ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้จัดการโน้มน้าวใจเขาให้รับบทในภาพยนตร์เรื่องนี้จนได้ และเราก็รู้สึกขอบคุณเขาตลอดกาลจริง ๆ ที่ทำให้ลีโอนาโดรับเล่นบทนี้ได้
เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ — เกมล่าชีวิต (The Hunger Games)
ถ้าจะมีพ่อแม่อีกสักคู่ที่เราต้องขอบคุณสำหรับการโน้มน้าวใจให้ลูก ๆ ของเขารับบทอะไรสักบท ก็คือแม่ของเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (Jennifer Lawrence) นี่แหละ ในตอนนั้น นักแสดงมักจะได้รับบทในภาพยนตร์อินดี้ เธอชอบทำหนังที่มีงบน้อยและการไม่ได้เป็นดาราดังอะไร
แต่เธอยังเชื่อว่าเรื่องราวมันสำคัญกว่างบประมาณมากนัก และเธอชอบหนังสือเกี่ยวกับ แคตนิส เอเวอร์ดีน (Katniss Everdeen) นี้มาก ดังนั้นเจนนิเฟอร์ก็เลยปฏิเสธบทใน เกมล่าชีวิต ไปเสียเลย และแม่ของเธอก็ว่าเธอว่าเธอเป็นพวกปากอย่างใจอย่าง และนั่นก็ทำให้เจนนิเฟอร์เปลี่ยนใจในที่สุด
เอ็มม่า สโตน — ลาลาแลนด์ (La La Land)
เอ็มม่า สโตน (Emma Stone) โด่งดังมาก่อนจะแสดงใน ลาลาแลนด์ อยู่แล้ว แต่บทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้นำรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมมาให้กับเธอได้ อันที่จริง เอ็มม่าชอบโปรเจกต์นี้ แต่เธอกลัวว่าเธอไม่เหมาะกับมันในแง่ของกายภาพ
ตอนนั้นเธอกำลังทำการแสดงชุดคาบาเรต์ อยู่ที่บรอดเวย์ และกำลังไม่สบาย เธอคิดว่าเธอคงจะทั้งเต้นทั้งร้องใน 2 โปรเจกต์ไปพร้อม ๆ กันไม่ได้แน่ แต่เดเมียน ชาเซลล์ (Damien Chazelle) ผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ยอมถอดใจ หลังจากเธอปฏิเสธบทนี้ไป เขาก็มาพบเธออีกครั้งและเอาเพลงเดโม่มาให้เธอฟัง และสุดท้ายนักแสดงสาวท่านนี้ก็ตอบตกลง
คุณนึกภาพคนอื่นมารับบทเหล่านี้ออกไหม ? แบ่งปันความเห็นของคุณกับเราที่ด้านล่างหน่อยสิ