ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

15 เรื่องราวน่าประทับใจที่พิสูจน์ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง

บางทีพวกเราก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่อยากจะยอมแพ้ ไม่ว่าจะเป็นการต้องแยกจากกับคนรัก การถูกหักหลังและการสูญเสียงาน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่สงบและการเอาชนะมันก็เป็นเรื่องยากซะด้วย แต่ความยากลำบากจะช่วยให้เราแข็งแกร่งมากขึ้น ถึงแม้มันอาจจะฟังดูเป็นคำพูดโหล ๆ ก็ตาม แต่ก็เป็นเพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เราจะจัดการกับมันไม่ได้

ที่ชีวิตสดใส เราได้พบบทสนทนาของชาวเรดดิทที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ผู้คนเหล่านี้ผ่านอะไรมามากมายและปัญหาที่พวกเขาเจอก็ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่สิ่งที่พวกเขาทุกคนมีเหมือนกันก็คือพวกเขาไม่ยอมแพ้จนได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

  • ฉันตระหนักได้ว่าการเสาะหาความรักไม่ได้ช่วยแก้ไขอะไรแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ ฉันจึงหยุดบงการและใช้ผู้ชายเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่าในจิตวิญญาณ ฉันปฏิบัติต่อผู้ชายเหมือนคนทั่วไปแทนที่จะใช้เขาเป็นเครื่องมือ ในที่สุด ฉันก็ตกหลุมรักและแต่งงานกับคนที่มหัศจรรย์ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ © RoxxyKaos / Reddit
  • ผมรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งหมายถึงผมยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าชีวิตนี้เป็นของผมและมีแค่ตัวผมเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้ ไม่ใช่คนอื่น ผมเลิกดื่มเหล้าและสูบบุหรี่และเลิกพฤติกรรมที่ไม่ดีทุกอย่าง ผมเริ่มออกกำลังกายและนับแคลอรี่เพื่อลดน้ำหนัก 2 ปีต่อมา สุขภาพของผมดีขึ้นกว่าที่เคย ผมล้อมรอบไปด้วยคนที่ผมรักและพวกเขาก็รักผม ผมกำจัดคนแย่ ๆ ออกไปจากชีวิต (รวมถึงคนในครอบครัวด้วย) และผมก็กำลังจะแต่งงานและเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง © theokoss53 / Reddit
  • ผมอาศัยอยู่ที่ดีทรอยท์ ที่นั่นมีแต่ความหม่นหมอง ผมถูกไล่ออก ดังนั้นผมจึงขายบ้านและซื้อรถตู้แล้วย้ายไปอยู่แอลเอ ผมไปเรียนต่อที่นั่น และตอนนี้ผมก็กำลังทำสิ่งที่เจ๋งที่สุดเท่าที่จะนึกออก ไม่ว่าจะเป็นการทำสิ่งพิมพ์มากมาย ท่องเที่ยวไปในป่า สำรวจถ้ำที่ยังไม่ได้อยู่ในแผนที่ พบปะคนดัง กระโดดออกจากเครื่องบินและนำเสนอที่งานประชุมวิชาการ ผมยังเข้าศึกษาต่อปริญญาเอกทางด้านโบราณคดีด้วย ทั้งหมดก็ประมาณนี้ © b**tmike1 / Reddit
  • ฉันเป็นคนอ้วนมาตั้งแต่เด็กและฉันก็ไม่สนใจเรื่องอาหารการกินเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ในที่สุดมันก็ถึงจุดที่การจำกัดการกินอาหารไม่ได้ผลแล้ว ฉันลดน้ำหนักไม่ได้และฉันก็กินเยอะไม่ได้ด้วย ฉันคิดว่ามันควรพอแล้วและฉันก็จะเอาชนะการเสพติดการกินให้ได้ ฉันเลิกกินอาหารขยะ ขนมกรุบกรอบและการกินอาหารแบบไม่เป็นเวลา ภายใน 2 สัปดาห์ ร่างกายของฉันก็ให้ความร่วมมือ มันเป็นเวลา 2 ปีแล้วตั้งแต่ตอนนั้นและฉันก็พูดได้อย่างภาคภูมิใจว่าฉันชอบรูปร่างของตัวเองจริง ๆ ฉันไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ฉันก็มีความสุขกับมัน ฉันไม่เสพติดการกินอาหารอีกต่อไปแล้วและฉันก็กินอาหารตามสัญชาตญาณ มันไม่ใช่แค่การเสพติดอาหาร เพราะเมื่อฉันควบคุมมันได้ ชีวิตด้านอื่น ๆ ของฉันก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและมันทำให้ฉันมีความสุขโดยรวมมากขึ้น... © HmCantPickUsername / Reddit
  • หลังเรียนจบ ผมได้งานจริง ๆ งานแรก (งานไอที) ผมเจอหญิงสาวคนหนึ่งในที่ทำงาน เธอมีลูกแล้ว แต่ไม่มีสามี เราแต่งงานกันและซื้อบ้านหนึ่งหลังแถวชานเมืองแล้วก็รถอีก 2-3 คันเพราะนั่นคือสิ่งที่ผมคิดว่าควรจะทำ 2 ปีต่อมา เราทั้งคู่รู้สึกไม่มีความสุขและเธอก็พบกับอ้อมกอดอันอบอุ่นจากชายอื่น ผมไปไม่เป็นเลย ชีวิตแต่งงานของผมล้มเหลวและสัญญาจ้างงานของผมก็กำลังจะหมด ผมรู้สึกสิ้นหวังมาก แล้วพ่อก็ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ผมบินไปลอสแองเจลิสซึ่งเป็นที่ที่เพื่อนสนิททั้งสองคนของผมอาศัยอยู่ การกระทำที่เรียบง่ายนั้นเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปเลย พอผมไปแอลเอ ผมก็มีความสุขกับเพื่อนมาก ๆ ซึ่งพวกเขาก็ชวนให้ผมย้ายมาอยู่ด้วยกัน ผมจึงบินกลับมาที่บ้านเพื่อเซ็นใบหย่าและขายบ้านกับรถทิ้ง แล้วผมก็เก็บของทั้งหมดแล้วก็จากที่นั่นมา มันเกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน ตั้งแต่นั้นมา ผมก็แต่งงานใหม่กับหญิงสาวที่น่าทึ่ง เรามีลูกสุดเจ๋งด้วยกันสองคน ผมเคยอาศัยอยู่ที่แอลเอ นิวยอร์กแล้วตอนนี้ผมก็อยู่ที่เดนเวอร์ ผมได้ท่องเที่ยวไปในหลาย ๆ ที่ ไปงานปาร์ตี้กับร็อกสตาร์และหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง ผมมองภาพไม่ออกเลยว่าชีวิตของผมจะเป็นแบบนี้ได้ยังไงถ้าผมยังอยู่กับภรรยาคนแรก ผมได้เจอเธอครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนที่งานแต่งงาน เธอบอกว่าเธอรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป แต่ผมก็บอกเธอไปว่าอย่าไปรู้สึกแบบนั้นเลย แล้วผมก็ขอบคุณในสิ่งที่เธอทำด้วย © tizod / Reddit
  • ผมบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผมสูญเสียธุรกิจของตัวเองและภรรยาที่แต่งงานกันมา 19 ปีก็เลิกกับผมไปหาชายอื่น โดยทิ้งลูกสาวอายุ 17 ปีและลูกชายอายุ 2 ปีไว้กับผม ผมไม่มีงาน ไม่มีรถยนต์และไม่มีเงิน ผมมีลูกสองคนที่ต้องดูแลและมีค่าเช่าเดือนละ 66,000 บาท (2,000 ดอลลาร์) ที่จะต้องจ่าย 2 วันหลังจากที่เธอจากไป ผมก็ไปสอบใบอนุญาตอสังหาริมทรัพย์แล้วผมก็สอบผ่าน! ผมวางแผนที่จะเซอร์ไพรส์เธอ แต่ก็ปกปิดเอาไว้ว่าผมกำลังเรียนอยู่เผื่อว่าผมพลาด แล้วผมก็ได้งานทำ อีกงานหนึ่งเป็นงานกะกลางคืนแล้วก็มีอีกสองงาน แต่แล้วผมก็ได้งานจากนักพัฒนาในท้องถิ่น หลังจากนั้นไม่กี่เดือน พวกเขาก็จ้างให้ผมออกจากงานนายหน้าชั่วคราวและให้เงินเดือนกับค่าคอมมิชชั่นและโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตลูก ๆ ของผมไปตลอดกาล จากทำงานอยู่ 4 งาน ผมก็เปลี่ยนไปทำงานแค่งานเดียว และผมก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นเกินกว่าจะจินตนาการได้ มันผ่านมาสามปีครึ่งแล้ว ถ้าผมเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ผมก็คงไม่ขอเปลี่ยนอะไรเลย © NoDozDad / Reddit
  • ฉันดรอปเรียนที่มหาวิทยาลัยเพราะอาการซึมเศร้า ฉันเคยทำงานในสายงานบริการลูกค้าซึ่งเป็นงานที่ฉันเกลียด ฉันเคยคบกับใครบางคนซึ่งดูแลฉันแย่มากและฉันก็มีความคิดอันมืดมนมากมาย แฟนและเพื่อน ๆ บอกฉันว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะกลับไปเรียนต่อและฉันก็เชื่อพวกเขา แล้วฉันก็ได้เจอกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งซึ่งเราคุยเรื่องหนังสือกัน เขาบอกว่าเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันดรอปเรียนที่มหาวิทยาลัย เพราะเห็นได้ชัดเลยว่าฉันหลงใหลในการเรียนมาก เช้าวันถัดมา ฉันเก็บของและเลิกกับแฟน แล้วฉันก็ไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้ง เกือบ 10 ปีต่อมา ฉันได้เป็นคุณครู ฉันรักงานของตัวเองและมีบ้านหนึ่งหลัง แถมฉันยังแต่งงานกับชายแปลกหน้าคนนั้นด้วย © Ginger-Crafter / Reddit
  • ผมลาออกจากโรงเรียนมัธยมกลางคันแล้วมาทำงานที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้าและมีรายได้ปีละ 9.9 แสนบาท (30,000 ดอลลาร์) แฟนสาวของผมท้องตอนที่เราอายุแค่ 20 ปีและผมก็เห็นภาพตัวเองว่าเป็นพ่อที่แทบจะขาดใจตายเพราะหาเงินมาเลี้ยงลูกไม่ได้ ผมจึงเรียนหลักสูตรต่อเนื่องและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยตอนอายุ 21 ปีซึ่งเป็นปีที่ลูกสาวของผมเกิดพอดี ผมแต่งงานกับแฟนตอนอายุ 24 ปี และหลังจากนั้นเราก็มีลูกด้วยกันอีกสองคน ตอนนี้ผมหาเงินได้ปีละ 6.6 ล้านบาท (2 แสนดอลลาร์) ได้สบาย ๆ ผมมีอาชีพการงานที่ยอดเยี่ยมและรู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว © whatwouldbiggiedo / Reddit
  • ฉันเติบโตมาโดยมีความคิดที่ว่าการได้แต่งงานกับผู้ชายที่เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ฉันจะทำให้สำเร็จได้ในชีวิต ในฐานะผู้หญิง ความทะเยอทะยานของฉันมีไว้สำหรับหน้าที่การงานของว่าที่สามีและลูก ๆ ของเรา ฉันก็เลยทุ่มเทกับความสัมพันธ์อย่างมากและลืมความเป็นตัวเองไปเลยเพื่อจะเข้าหาผู้ชายที่มีคุณสมบัติที่ฉันต้องการทุกอย่าง แล้วก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ไม่มีความสัมพันธ์ครั้งไหนไปต่อได้เลย ในที่สุด ฉันก็รู้ว่าฉันไม่ได้มีความสุขกับอะไรแบบนี้และตัดสินใจที่จะมีความสุขด้วยตัวเอง หนึ่งปีต่อมา ฉันเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ปล่อยไปตามธรรมชาติและเราก็อยู่ด้วยกันมามากกว่า 10 ปีแล้ว © austenQ / Reddit
  • ผมถูกไล่ออกจากบ้านตอนอายุ 13 และเป็นคนไร้บ้านอยู่ 2-3 สัปดาห์จนกระทั่งได้เจอกับหญิงชราตัวเล็ก ๆ ที่เต็มใจจะให้ผมเช่าบ้านเคลื่อนที่ที่ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้รุนแรงในสวนหลังบ้านของเธอในราคาเดือนละ 3,300 บาท (100 ดอลลาร์) ผมอยู่ที่นั่นไม่กี่เดือนแล้วผมก็ได้เจอหญิงชราตัวเล็กอีกคนที่เต็มใจให้ผมเช่าอพาร์ตเมนต์หนึ่งห้องนอนของเธอ ค่าเช่าประมาณเดือนละ 9,900 บาท (300 ดอลลาร์) โดยผมต้องทำสวนและซ่อมแซมของด้วย ผมทำอย่างนั้นอยู่หลายปีจนผมออกมาเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ตอนอยู่มหาวิทยาลัย ผมต้องดิ้นรนมาก เพราะผมเป็นนักเรียนเต็มตัวในขณะที่ทำงานเต็มเวลาอีกสองงานด้วย ผมได้เจอกับว่าที่ภรรยาของผม ได้วุฒิการศึกษาและก็ลองกลับมาติดต่อกับพ่อแม่ดูอีกครั้ง มันเป็นอะไรที่ลำบากมาก

    ผมแต่งงานแล้วก็ต้องดิ้นรนหางานเงินเดือนดี ๆ อยู่หนึ่งปี หลาย ๆ สิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ตอนนั้น ผมซื้อบ้านหลังแรกด้วยเงินสดในปี 2017 และมีลูกคนแรกในปี 2019 แล้วผมก็มีสถานะเป็นเศรษฐีเงินล้านในเดือนสิงหาคมปี 2020 ทำงานอย่างบ้าคลั่ง ประหยัดอดออมและลงทุนอย่างชาญฉลาด แล้วคุณก็จะทำได้! © killacross4479 / Reddit
  • ผมเรียนมหาวิทยาลัยและจบการศึกษาระดับปริญญาด้านการออกแบบกราฟิกและในที่สุดผมก็ได้งานออกแบบเต็มเวลาที่ให้เงินน้อยมาก มันเป็นงานภายในซึ่งไม่ค่อยมีการเลื่อนตำแหน่งเพราะมันเป็นทีมที่เล็กมาก ๆ ผมฝันว่าอยากทำงานกับนักพัฒนาเกมอย่างวาล์วหรือร็อคสตาร์ แต่ผมก็ไม่เคยใช้เวลาว่างของตัวเองเพื่อไล่ตามความฝันนี้เลย ตอนอายุประมาณ 25 ปี ผมก็เพิ่งรู้ว่าการขาดความกระตือรือร้นที่อยากจะทำงานนั้นไม่ใช่ตัวผม ผมจึงพยายามหาคำตอบว่าตัวเองอยากทำอะไรในชีวิตและคำตอบก็คือการทำงานด้านการแพทย์ ผมเริ่มเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลในท้องถิ่นแล้วก็ได้มาเป็นผู้ช่วยด้านสุขภาพเต็มเวลาที่นั่น มันเป็นประสบการณ์ครั้งแรกและผมก็เกือบจะล้มเลิกความตั้งใจ แต่ผมก็ยังคงยืนหยัดต่อสู้ น่าเสียดายที่ผมไปเรียนโรงเรียนการแพทย์ไม่ได้ ผมก็เลยเลือกจะเรียนปริญญาโทเพื่อหาทางเลือกเพิ่มเติมและหวังว่าจะทำให้มันง่ายขึ้น ตอนนี้ผมกำลังเรียนปีสุดท้ายอยู่ในโรงเรียนการแพทย์ ผมสอบผ่านทุกวิชาได้ในครั้งแรกและถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนจบเกียรตินิยมหรืออะไรทำนองนั้น แต่ผมก็ดีใจที่ผมได้พบสิ่งที่ตัวเองหลงใหลและผมก็เติมเต็มศักยภาพทางด้านวิชาการของตัวเองได้ © ChanSungJung / Reddit
  • ฉันอายุ 20 กลาง ๆ ค่อนไปทางปลายตอนที่ทำงานให้กับบริษัทออกแบบเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งเจ้าของบริษัทแต่งกับงาน โดยเขาทำงานทั้งวันทั้งคืน ฉันไม่สะดวกที่จะทำแบบนั้น แต่นั่นเป็นความคิดของพวกเขา และหากมีข้อผิดพลาดหรือการปฏิเสธ (อย่างเช่นการตั้งคำถามกับอะไรบางอย่าง) คุณก็จะได้พบกับปฏิกิริยาตอบกลับที่รุนแรง ฉันนอนไม่หลับเป็นเวลาเกือบปี โดยได้นอนแค่วันละ 3-5 ชั่วโมง จนอยู่มาวันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ฉันเลิกสนใจความโกรธและอารมณ์ฉุนเฉียวของพวกเขาที่ส่งต่อมายังฉัน หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ ฉันมีความสุขมากขึ้น เครียดน้อยลงและความรู้สึกโดยรวมก็ดีขึ้น บรรยากาศการทำงานยังเป็นเชิงลบอยู่เหมือนเดิมและฉันก็อยู่ที่นั่นต่ออีก 2-3 ปีเพราะฉันไม่ได้คิดว่าตัวเองมีค่ากับบริษัทอื่น พอฉันเริ่มมารับงานฟรีแลนซ์อีกครั้งและได้ประสบการณ์ในการทำงานระดับองค์กร ฉันรู้เลยว่าทักษะของฉันไม่ใช่แค่ดีเฉย ๆ แต่เรียกได้ว่าดีมากและฉันก็ได้งานใหม่ภายใน 6 เดือน © clovisx / Reddit
  • หลังจากชีวิตแต่งงานของฉันพังลง ฉันก็รู้สึกว่าฉันไม่มีทางไปและไม่มีอะไรจะมอบให้ใครแล้ว ฉันก็เลยติดต่อไปยังศูนย์พักพิงสัตว์เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน แล้วก็ได้รับแจ้งว่าแมวของฉันพร้อมให้ไปรับแล้ว ตอนนั้นมันอายุ 16 ปีและมันก็อยู่ในศูนย์พักพิงมาปีนึงแล้ว ฉันรู้ว่าถ้าฉันไปรับมันมา ฉันจะให้คำมั่นสัญญากับมันว่าเราจะไปต่อด้วยกัน อัลเฟรดเปลี่ยนชีวิตของฉันไปเลย มันเป็นคู่หูของฉันและเป็นนาฬิกาปลุกให้ด้วย มันรักชีวิตของตัวเอง จากแมวหนึ่งตัวก็กลายเป็นสอง จากสองก็กลายเป็นสาม พวกมันมอบเหตุผลในการมีชีวิตอยู่และการมีใครซักคนให้ได้รักกับฉันอีกครั้ง © AdrienneGrody / Reddit
  • แฟนในตอนนั้นของผมทิ้งผมเพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่า ผมจำได้ว่าผมถามเธอว่าทำไม สิ่งหนึ่งที่เธอพูดก็คือเธอเห็นว่าผมมีปัญหากับการเรียนแค่ไหนและเธอคิดว่าเธอคงจะอยู่กับคนที่ไม่มีทางประสบความสำเร็จไม่ได้ หลังจากที่ผมตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อไปมุ่งเน้นกับการเรียนทำอาหาร (ผมทำงานในครัวอยู่แล้ว) มันก็ไปได้สวยเลยและตอนนี้ผมก็ทำธุรกิจด้านการเตรียมอาหารและดินเนอร์แบบส่วนตัวได้ค่อนข้างประสบความสำเร็จ © aszma / Reddit
  • หลังจากถูกไล่ออกจากงานที่โรงงาน ผมก็พบว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนถนนในโตรอนโต้ในช่วงต้นยุค 90 พร้อมกับวุฒิม.สาม ผมไม่มีเงิน ไม่มีเพื่อน ไม่มีงานแล้วก็ไม่มีครอบครัวด้วย แล้วผมทำยังไงงั้นหรอ ผมเจออพาร์ตเมนต์ชั้นใต้ดินที่สกปรก ห่วยแตกและเล็กมาก ผมสมัครเข้าเวลแฟร์และหยุดดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ (และทุกอย่างที่ไม่ดีต่อสุขภาพ) ผมสมัครสมาชิกยิมและออกกำลังกายวันละ 4 ชั่วโมง ผมลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่และไม่สนใจอะไรก็ตามที่จะทำให้ผมเสียสมาธิ แล้วผมก็สมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัย พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วผมก็ย้ายไปเมืองอื่นและใช้เวลา 4 ปีในการเรียนปริญญาตรีสาขาปรัชญา จากนั้นผมก็สมัครเข้าเรียนหลักสูตรบัณฑิตศึกษาและใช้เวลา 10 ปีข้างหน้าเพื่อที่จะได้ทั้งปริญญาโทและปริญญาเอก จากนั้นก็ใช้เวลาอีกหลายปีในการเป็นอาจารย์ หาเงินได้มากมายและสนุกมาก ตอนนี้ผมมีความสุขดีแล้วและผมรู้ดีว่ามันคงจะจบไม่สวยแบบนี้ถ้าผมไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อไหร่ปีก่อน ไม่ช้าก็เร็ว ทุกคนต้องใช้ชีวิตอย่างจริงจัง © lacks_imagination / Reddit

คุณมีเรื่องราวที่น่าประทับใจของตัวเองในการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นหรือเปล่า แบ่งปันเรื่องราวนั้นกับเราในช่องคอมเมนต์ด้านล่าง

เครดิตภาพพรีวิว Depositphotos
ชีวิตสดใส/คน/15 เรื่องราวน่าประทับใจที่พิสูจน์ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง
แชร์บทความนี้