ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

35 ปีหลังจากหนังเรื่อง “เดอร์ตี้ แดนซ์ซิ่ง” ในที่สุดเจนนิเฟอร์ เกรย์ก็กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง หลังจากสงบศึกกับความผิดพลาดที่ทำลายอาชีพการงานของเธอ

เป็นเวลานานหลายทศวรรษแล้วที่ผู้คนเลือกที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานความงามด้วยการทำศัลยกรรม แต่บางครั้งผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ตรงตามที่คาดหวังไว้ แล้วดาราสาวเจนนิเฟอร์ เกรย์ (Jennifer Grey) ก็รู้ดีว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร เพราะปัจจุบันหญิงสาววัย 62 ปีรายนี้ได้เปิดใจเรื่องกระบวนการ ’’จากนรก’’ ที่ได้สร้างผลกระทบต่ออาชีพการงานของเธอตลอดไป แต่เธอก็ยังแบ่งปันเรื่องราวว่าเวลาได้สอนให้เธอใช้ชีวิตต่อไปและมองโลกในแง่ดีได้อย่างไร

แม่ของเธอบอกให้เธอไปทำจมูก

M.G.M/UNITED ARTIST / Album/EAST NEWS

การมีพ่อเป็นนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ส่วนแม่เป็นนักร้องและนักแสดงชื่อดัง ทำให้เจนนิเฟอร์ เกรย์ไม่ใช่คนแปลกหน้าในวงการภาพยนตร์ แถมยังทำให้เธออยากที่จะเดินตามรอยพ่อแม่ของเธอเมื่อเธอโตขึ้น แต่ทว่าดาราสาวโจ ไวล์เดอร์ (Jo Wilder) แม่ของเธอได้แนะนำให้เธอเข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูก หากเธอต้องการทำอาชีพที่ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คน

เกรย์นึกถึงคำแนะนำของแม่ที่ว่า “มันยากเกินไปที่จะเลือกลูกเป็นนักแสดง ดังนั้นทำให้มันง่ายขึ้นสำหรับพวกเขา” และแม้ว่าในตอนนั้น หญิงสาวจะอารมณ์เสียกับคำพูดของแม่ แต่ตอนนี้เธอกลับยอมรับแล้วว่า “แม่รักฉัน รักมาก และรักมาตลอด แล้วเธอก็เป็นคนจริงจัง”

ท้ายที่สุดแล้วทั้งแม่และพ่อของเธอต่างก็ทำจมูก และพวกเขาก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะได้อยู่ในฮอลลีวูด อย่างไรก็ตามเกรย์ในวัยเยาว์ได้ต่อต้านความคิดที่จะทำจมูกและอธิบายว่า “ฉันต่อต้านการเสริมจมูกสุด ๆ ไปเลยล่ะ”

ชื่อเสียงสุดโด่งดัง จากนั้นคือวงการมายา

East News

เธอรู้เพียงเล็กน้อยในตอนนั้นว่าชื่อเสียงกำลังรอเธออยู่แค่เอื้อม แล้วชีวิตของเธอก็กำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความจริงแล้วตอนที่เกรย์มีอายุ 27 ปี เธอโด่งดังไปทั่วโลกหลังจากที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 2 ตัวละครหลักในหนังเรื่อง เดอร์ตี้ แดนซ์ซิ่ง (Dirty Dancing) ในปี 1987 ซึ่งเป็นหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการก้าวพ้นวัย โดยเธอแสดงเป็นตัวละคร “เบบี้” เฮาส์แมน (“Baby” Houseman) หญิงสาวที่ตกหลุมรักครูสอนเต้นของเธอ ซึ่งรับบทโดยแพทริค สเวย์ซี่ (Patrick Swayze)

และแม้ว่าเกรย์จะกลายเป็นดาราสุดโด่งดังในวงการฮอลลีวูดอยู่พักหนึ่งจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของหนังเรื่องนี้ แต่ทว่าอาชีพการงานของเธอกลับไม่รุ่งตามที่บางคนคาดไว้

กลายเป็นคนที่ไม่เป็นที่รู้จัก

Mary Evans/AF Archive/Graham Whitby Boot/East News

นี่คือตอนที่ในที่สุดเกรย์ก็ยอมแพ้ให้กับความคิดเรื่องการทำศัลยกรรม โดยเธอทำจมูกครั้งแรกได้ไม่นานหลังจากหนังเรื่อง เดอร์ตี้ แดนซ์ซิ่ง แล้วก็ตามมาด้วยการทำจมูกครั้งที่สองหลังจากนั้นได้ไม่นาน แต่เธออธิบายว่าการตัดสินใจครั้งนี้มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของเธอ

เธอเปิดเผยว่าใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปมากหลังจากการทำจมูกครั้งที่สอง ซึ่งถึงขั้นที่นักแสดงหนุ่มไมเคิล ดักลาส (Michael Douglas) จำเธอไม่ได้ในงานรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์ เกรย์จึงตระหนักได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลต่ออนาคตของเธออย่างไม่อาจย้อนกลับได้ โดยเธอยอมรับว่า “และมันก็กลายเป็นเรื่อง มีความคิดที่จะหายตัวไปจากวันหนึ่งไปยังอีกวัน ในสายตาชาวโลกแล้ว ฉันไม่ใช่ตัวฉันอีกต่อไป”

อาชีพการงานของเธอก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

นับว่าเป็นเวลานานหลังจากการทำศัลยกรรมที่ดาราสาวรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ซึ่งเธอเรียกว่า “การทำจมูกจากนรก” เธอเชื่อว่าการสูญเสียจมูกที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเธอได้ส่งผลเสียต่ออาชีพการงานของเธอ ซ้ำยังทำให้เธอไม่สามารถเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จไปได้มากกว่านี้ โดยเธอได้พูดเปิดใจว่า “ฉันเข้าไปในห้องผ่าตัดอย่างคนดัง แล้วกลับออกมาเป็นคนไม่มีตัวตน”

หลังจากนั้นเธอก็ได้เป็นดารารับเชิญเล็ก ๆ ในซีรีส์อย่างเรื่อง เฟรนส์ (Friends) และ เฮาส์ (House) รวมไปถึงภาพยนตร์โทรทัศน์อย่างเรื่อง อะ เคส ฟอร์ เมอเดอร์ (A Case for Murder) และ อายส์ ออฟ อะ วิทเนส (Eyes of a Witness) ต่อมาในปี 2010 ในที่สุดความสำเร็จก็มาเคาะประตูบ้านเธออีกครั้ง เมื่อเธอชนะรางวัลในรายการ แดนซ์ซิ่ง วิท เดอะ สตาร์ส (Dancing with the Stars)

ตอนนี้เธอได้รับการเติมเต็มและเฉิดฉาย

วันนี้ดาราสาวในวัย 62 ปีรู้สึกสบายใจกับผิวของเธอมากกว่าที่เคยเป็นมา เธอตั้งข้อสังเกตว่า “ฉันไม่เคยรู้สึกถึงตัวฉันอย่างวันนี้” เธอกล่าวในแง่บวกว่า “ฉันเชื่อสุดหัวใจของฉันว่าครึ่งหลังของชีวิตผู้หญิงคือครึ่งที่ดีที่สุด” ความเป็นจริงแล้วทุกวันนี้เกรย์ยังคงมีงานยุ่งและรุ่งโรจน์ โดยเธอได้เขียนไดอารี่ของเธอและกำลังร่วมงานในหนังภาคต่อของเรื่อง เดอร์ตี้ แดนซ์ซิ่ง ซึ่งผ่านมานาน 35 ปีหลังจากที่ภาคแรกได้ทำให้เธอโด่งดัง

ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอได้เข้าถึงความสงบจากภายในหลังจากที่ได้ไตร่ตรองการตัดสินใจของเธอในอดีตและเหตุผลที่เธอถูกกันออกจากฮอลลีวูด เธอเล่าว่า “ฉันใช้พลังงานไปมากในการพยายามคิดว่าฉันทำอะไรผิด ทำไมฉันถึงถูกเนรเทศออกจากวงการ” เธอยังกล่าวเสริมอีกว่า “นั่นเป็นเรื่องโกหก ฉันเนรเทศตัวเองต่างหาก”

คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องราวของเจนนิเฟอร์ เกรย์ ? คุณเคยทำศัลยกรรมพลาสติกบ้างมั้ย ? แล้วประสบการณ์หลังจากนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?

แชร์บทความนี้