เฮเลน เมียร์เรนแต่งงานตอนอายุ 52 ปีได้แบ่งปันเคล็ดลับของเธอและเทย์เลอร์ในการมีความรักอันเป็นอมตะของทั้งคู่
ในทศวรรษที่ 1960 อายุเฉลี่ยที่จะแต่งงานของผู้หญิงอยู่ที่ 20 ปี ทุกวันนี้ตัวเลขได้เพิ่มขึ้นเป็น 28 ปี เฮเลน เมียร์เรน (Helen Mirren) แต่งงานตอนอายุ 52 ปีและเป็นคนหัวก้าวหน้ามาโดยตลอด เธอใช้ชีวิตกับเทย์เลอร์ (Taylor) สามีของเธอเป็นเวลาเกือบสี่ทศวรรษและเราอยากจะรู้ถึงประวัติของทั้งคู่และพวกเขาทำยังไงถึงได้อยู่กันมาอย่างยาวนาน
ชีวิตสดใสชอบที่จะเผยแพร่เรื่องราวดี ๆ และเรื่องของเฮเลน เมียร์เรนก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่เราอยากจะแบ่งปันกับคุณ ซึ่งมันได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าการที่จะเจอกับความรักในชีวิตไม่เคยเป็นเรื่องที่สายเกินไป
เฮเลน เมียร์เรนเป็นนักแสดงตั้งแต่อายุ 13 ปี
เฮเลน เมียร์เรนเป็นนักแสดงที่มีความสามารถมากและมีทักษะสูง โดยคนส่วนใหญ่จะรู้จักเธอจากบทบาทในซีรีย์ทางโทรทัศน์แนวตำรวจเรื่องไพร์ม ซัสเป็ค (Prime Suspect) และจากการรับบทเป็นเอลิซาเบธที่สองจากภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่องราชินีหัวใจโลกจารึก (The Queen) เธอเป็นนักแสดงเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลทริปเปิลคราวน์ออฟแอคติ้ง (Triple Crown of Acting) ทั้งในสหรัฐอเมริกาและในสหราชอาณาจักร
เฮเลน เมียร์เรนเกิดปี 1945 ในกรุงลอนดอน ตอนอายุ 18 ปี เธอได้ร่วมงานกับบริเตนส์ เนชั่นแนล ยูธ เธียร์เตอร์ (Britain’s National Youth Theatre) และรอยัล เชคสเปียร์ คอมพานี (Royal Shakespeare Company) ในปีต่อมา ในขณะที่เธอได้มีส่วนร่วมกับโปรดักชั่นโรงละครหลาย ๆ ที่ อาชีพการแสดงภาพยนตร์ของเธอได้เริ่มต้นขึ้นจริง ๆ ในช่วงอายุ 20 ต้น ๆ
ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เธอได้แสดงคือเรื่องเอจ ออฟ คอนเซนท์ (Age of Consent) ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ แต่มันก็ทำหน้าที่เป็นก้าวแรกที่นำเธอไปสู่อาชีพที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ตั้งแต่ยุค 60 เธอแสดงภาพยนตร์มากกว่า 70 เรื่องและได้รับรางวัลมากกว่า 20 รางวัลจากผลงานที่โดดเด่นของเธอ
การได้เจอเทย์เลอร์ แฮคฟอร์คไม่ได้เป็นรักแรกพบ
เฮเลนมีคนรัก 3 หรือ 4 คนตลอดทั้งชีวิตของเธอและมันก็เป็นความสัมพันธ์แบบคู่ครองคนเดียว เฮเลนและเทย์เลอร์ ผู้กำกับหนังได้เจอกันหลังจากที่เธอได้รับบทบาทที่โด่งดังเป็นพลุแตกจากเรื่องเดอะ ลอง กู๊ด ฟราย์เดย์ (The Long Good Friday) ในภายหลังเทย์เลอร์ได้ชวนเฮเลนมาคัดตัวนักแสดงในภาพยนตร์ที่เขากำกับเรื่องไวท์ ไนท์ส (White Nights) ในปี 1986
เฮเลนอายุ 38 ปีตอนที่เธอพบกับเทย์เลอร์ เมื่อถูกถามว่าเทย์เลอร์เป็นคนรักคนเดียวของเธอหรือเปล่า นักแสดงหญิงตอบว่า “ฉันไม่ได้มีเวลาเหลือมากนัก ฉันเลยหวังว่าเขาจะเป็นคนรักคนเดียวของฉัน” “สิ่งที่ยอดเยี่ยมของการได้มีความสัมพันธ์แบบคู่รักในช่วงหลังของชีวิตก็คือการที่คุณจดจำมันได้อย่างชัดเจน” เธอกล่าว “คุณจะรับรู้ระดับความสัมพันธ์แบบคู่รักของความสัมพันธ์นี้โดยมีความรักและความใคร่พอ ๆ กันกับส่วนที่เหลือ”
หลังจากคบหาดูใจกันมา 11 ปี ทั้งคู่ก็เป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการและในที่สุดก็แต่งงานกันในปี 1997 ทั้งคู่แต่งงานกันเพราะพวกเขาคิดว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต แต่เหตุผลทางกฏหมายก็เป็นส่วนสำคัญของการตัดสินใจครั้งนี้เช่นกัน เฮเลนบอกว่า “ฉันพูดเสมอว่าฉันไม่ได้ไม่ชอบการแต่งงาน มันแค่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันใฝ่หา มันก็เหมือนกับผักบางชนิดที่ฉันต้องใช้เวลานานกว่าจะกล้าชิมรสชาติของมันและฉันก็ได้เจอมันแล้ว”
เฮเลนและเทย์เลอร์พิสูจน์ว่าคุณไม่จำเป็นต้องเชื่อในความโรแมนติกเพื่อจะทำให้การแต่งงานเป็นไปได้ดี
นักแสดงหญิงบอกว่าทั้งคู่ไม่ได้โรแมนติกกันเลยและพวกเขาก็มักจะลืมให้ของขวัญวันเกิดกันอยู่บ่อย ๆ แทนที่จะประโคมของขวัญให้กันมากมาย ทั้งคู่เชื่อว่าการดูแลใส่ใจกันในทุกวันเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า
เฮเลนไม่ได้เป็นผู้หญิงที่อยากจะสวมชุดแต่งงาน “ในฐานะนักแสดง คุณไม่ได้ต้องการมันเพราะคุณเคยสวมชุดนั้นมาแล้ว คุณยืนอยู่ท่ามกลางสปอตไลท์แล้วทุกคนก็มองมาที่คุณ และยิ่งไปกว่านั้น เป็นเวลานานมากแล้วที่ฉันไม่เห็นความสำคัญของการแต่งงาน”
เคล็ดลับของการทำให้การใช้ชีวิตด้วยกันเป็นไปได้ด้วยดี เฮเลนบอกว่าเป็นเพราะการทำงานของทั้งคู่ที่จะต้องออกเดินทางอยู่เสมอ “ทฤษฎีของฉันเป็นแบบนี้มาโดยตลอดและสาเหตุที่เรายังคงอยู่ด้วยกันเป็นเพราะเราอยู่ห่างกันมาหลายต่อหลายครั้งและเราก็ดีใจที่ได้เจอกันเสมอ”
เฮเลน เมียร์เรนและสามีของเธอไม่มีลูกด้วยกัน
เทย์เลอร์ แฮคฟอร์ดมีลูกชายสองคนที่ชื่อว่าริโอและ อเล็กซานเดอร์จากการแต่งงานครั้งก่อนหน้า ดังนั้นเฮเลนจึงเรียกตัวเองว่าเป็นแม่เลี้ยงได้อย่างภาคภูมิใจ “ฉันรักเด็กและฉันก็มีครอบครัวและเทย์เลอร์ก็มีลูกที่ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยและฉันก็ยินดีเป็นอย่างมาก แต่ฉันไม่ได้อยากมีลูกเอง”
“ฉันไม่เคยรู้สึกอยากมีลูก ฉันไม่ได้สนใจในการเป็นแม่” นักแสดงหญิงกล่าว เธอรักเด็ก ไม่ใช่ไม่รักแต่เธอไม่เคยอยากมีลูก “ในจุดหนึ่งฉันเคยพยายามที่จะอยากให้ตัวเองมีลูก แต่ฉันก็หยุดโน้มน้าวตัวเอง บนโลกนี้มีคนเยอะเกินไปแล้ว และนี่เป็นสิ่งที่ฉันทำให้กับระบบนิเวศวิทยา”
“ฉันไม่เคยมีช่วงเวลาที่รู้สึกเสียใจที่ไม่มีลูก จริง ๆ แล้วฉันโกหก ตอนที่ฉันดูหนังเรื่องแพเรนท์ฮู้ด (Parenthood) ฉันสะอึกสะอื้นอยู่ประมาณ 20 นาที ฉันร้องไห้ให้กับการไม่มีโอกาสได้เป็นแม่และข้อเท็จจริงที่ว่าฉันไม่เคยมีประสบการณ์แบบนั้นเลย” อย่างไรก็ตาม เธอบอกว่าในไม่ช้าเธอก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นกับการไม่มีลูก “แล้วฉันก็ก้าวผ่านมันมาได้และมีความสุขอีกครั้ง”
เคล็ดลับของคุณและคนรักในการใช้ชีวิตแต่งงานให้เป็นไปได้ด้วยดีคืออะไร ถ้าคุณเริ่มต้นชีวิตแต่งงานใหม่ทั้งหมดได้ คุณจะทำอะไรที่แตกต่างออกไป บอกให้เรารู้ในช่องคอมเมนต์