เรื่องราวของเจนนิเฟอร์ อนิสตันได้ส่งสารไปถึงผู้หญิงหลาย ๆ คนว่า “เราไม่จำเป็นต้องแต่งงานหรือเป็นแม่คนเพื่อที่จะรู้สึกสมบูรณ์”
ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่อายุอยู่ในช่วง 30 ปีมักจะถูกถามว่าจะมีลูกเมื่อไหร่มากกว่าหนึ่งครั้ง สำหรับคนถาม พวกเขาดูจะไม่ได้สนใจว่าผู้หญิงเหล่านี้ได้มีอาชีพที่ยอดเยี่ยมหรือได้ก้าวไปข้างหน้าในแนวทางอื่นของชีวิต ซึ่งการมีลูกไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ ทีนี้ลองคิดว่าคุณเป็นคนดังอย่างเจนนิเฟอร์ อนิสตัน (Jennifer Aniston) ที่มักจะถูกถามคำถามเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าดูสิ และมันก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าเบื่อที่จะต้องอธิบายตัวเองอยู่เรื่อย ๆ
ชีวิตสดใสอยากแบ่งปันเรื่องราวของนักแสดงหญิงที่รับบทเป็นราเชล กรีน (Rachel Green) กับคุณ หลังจากหลายปีที่มีความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเธอ เธอก็ได้แสดงออกอย่างเปิดใจว่าการสามารถเลือกชีวิตในแบบที่คุณอยากใช้มีความสำคัญแค่ไหน
ช่วงต้นของอาชีพ
เจนนิเฟอร์ อนิสตันเกิดวันที่ 11 กุมภาพันธ์ปี 1969 ทั้งพ่อและแม่ของเธอเป็นนักแสดง ดังนั้นการแสดงจึงเป็นสิ่งที่เธอคุ้นเคยมาตั้งแต่อายุยังน้อย เธอเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนดนตรี ศิลปะและศิลปะการแสดงในนิวยอร์กซึ่งเธอเรียนเอกการละคร
ตอนแรก เธอหางานโฆษณาไม่ได้เลย เธอจึงทำงานในร้านไอติมและเป็นพนักงานเสิร์ฟนานกว่า 2 ปี เธอต้องยืมเงินและใช้เงินที่มีเหลืออยู่ไม่กี่บาทเพื่อเอาไปถ่ายรูป ซึ่งเธอใช้รูปนั้นในการสมัครคัดเลือกตัวนักแสดงในเรื่องเฟรนด์ส (Friends)
ความสำเร็จของเรื่องเฟรนด์ส และบทราเชล กรีนที่ดังเป็นพลุแตก
เฟรนด์ส ฉายครั้งแรกในปี 1994 และมันก็ประสบความสำเร็จสุด ๆ เป็นเวลาต่อมาอีก 10 ปี ตัวละครที่เจนนิเฟอร์แสดงกลายเป็นตัวละครโปรดของคนดู ชุดแต่งกายและทรงผมของเธอกลายเป็นกระแสตลอดหนึ่งทศวรรษและมันก็ยังถูกจดจำและทำตามจนถึงทุกวันนี้
ในปี 2000 เจนนิเฟอร์แต่งงานกับแบรด พิทท์ (Brad Pitt) คู่รักคู่นี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนและสื่อซึ่งได้จับตามองสิ่งที่พวกเขาทำ ที่ที่พวกเขาไปและสนใจเรื่องที่ทั้งคู่จะมีลูกกันเมื่อไหร่เป็นพิเศษ แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความสำคัญลำดับที่หนึ่งของพวกเขา การแต่งงานสิ้นสุดลงในปี 2005 และหลังจากนั้นไม่นานแบรด พิทท์ก็คบกับแองเจลีน่า โจลี่ (Angelina Jolie) อย่างเป็นทางการ
นักแสดงตลกชื่อดัง
เจนนิเฟอร์อาจจะต้องประสบปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักแสดงหลายคนที่เคยรับบทเป็นตัวละครที่คนดูจำได้ขึ้นใจ เธออาจจะถูกผูกติดอยู่กับภาพจำของการเป็นราเชล กรีนและจะไม่ถูกจดจำในบทบาทอื่น ๆ อีกเลย อย่างไรก็ตาม เจนนิเฟอร์ทุ่มเทมากเพื่อที่จะมั่นใจว่าสิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้น เริ่มต้นจากบทบาทของเธอในเรื่องผู้หญิงหวามรัก (The Good Girl) ในปี 2002 และเธอก็ไม่เคยหยุดทำงาน
เฟรนด์ส จบลงในปี 2004 และอาชีพในวงการของเจนนิเฟอร์ก็ก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ในปีเดียวกัน ภาพยนตร์เรื่องรักกล้า กล้าหน่อย อย่าปล่อยให้ชวดรัก (Along Came Polly) ได้ถูกปล่อยออกมาและมีนักแสดงที่ยอดเยี่ยมอีกคนคือเบน สติลเลอร์ (Ben Stiller) ในปี 2006 ภาพยนตร์สุดฮิตของบ็อกซ์-ออฟฟิสเรื่องเตียงหัก แต่รักไม่เลิก (The Break-Up) ก็ออกฉายซึ่งเธอมีนักแสดงร่วมเป็นวินซ์ วอห์น (Vince Vaughn) ดังนั้นภาพของราเชลจึงถูกทิ้งไว้เบื้องหลังและเจนนิเฟอร์ก็พูดอย่างชัดเจนว่าอาชีพของเธอเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ในปี 2012 เธอก็ได้มีดาวหนึ่งดวงอยู่บนฮอลลีวูด วอล์ค ออฟ เฟม (Hollywood Walk of Fame)
ความท้าทายใหม่ในบทดราม่า
ถึงแม้เธอจะเป็นนักแสดงตลกที่ยอดเยี่ยม แต่เจนนิเฟอร์ก็ไม่อยากถูกมองว่าเล่นได้แค่บทแบบนั้น ในปี 2005 เธอได้แสดงนำในเรื่องปมพิศวาสรักลวงโลก (Derailed) และในปี 2008 ภาพยนตร์เรื่องจอมป่วนหน้าซื่อ (Marley & Me) ก็ประสบความสำเร็จและเธอก็ได้แสดงนำในเรื่องหนุ่มกิ๊กสาวกั๊ก สมการรักไม่ลงตัว (He’s Just Not That Into You) ในปี 2009 และเรื่องแกล้งแต่งไม่แกล้งรัก (Just Go With It) ในปี 2011 เจนนิเฟอร์ทำให้ทุกคนประหลาดใจกับบทบาทในเรื่องเค้ก (Cake) ในปี 2014 ซึ่งเธอเล่นเป็นผู้หญิงที่มีอาการปวดเรื้อรัง
เจนนิเฟอร์แต่งงานกับจัสติน เทอรู (Justin Theroux) ในปี 2015 ถึงแม้อาชีพการงานของเธอจะประสบความสำเร็จ แต่เธอก็ขึ้นปกนิตยสารเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเธออยู่ดี ในการให้สัมภาษณ์เธอบอกว่า “ไม่มีใครมองว่ามันอาจจะเป็นหัวข้อที่อ่อนไหวสำหรับฉันและสามีเลย พวกเขาไม่รู้ว่าฉันต้องผ่านอะไรมาบ้างทั้งทางอารมณ์และทางการแพทย์ มันมีเรื่องความกดดันที่มีต่อผู้หญิงในเรื่องการเป็นแม่ และถ้าพวกเธอไม่ได้เป็นแบบนั้น พวกเธอก็จะเสียหาย บางทีจุดประสงค์ของฉันในการอยู่บนโลกใบนี้อาจจะไม่ใช่การให้กำเนิดลูก บางทีฉันอาจจะเกิดมาเพื่อทำอย่างอื่นก็ได้”
จดหมายเปิดผนึกซึ่งเธอบอกว่าเธอ “ทนมาพอแล้ว”
ในปี 2016 เจนนิเฟอร์รู้สึกว่าเธอถึงขีดจำกัดแล้วและได้ตีพิมพ์จดหมายเปิดผนึกออกมา เป็นครั้งแรกที่เธอพูดถึงคนที่สร้างข่าวลือเรื่องการตั้งครรภ์ของเธอเมื่อหลายปีก่อน อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ถือเอามันเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่ได้อาฆาตแค้น แต่เธอกลับแสดงความห่วงใยต่อผู้อื่น
เจนนิเฟอร์ตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่เธอออกมาเปิดเผยความจริง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอคือการที่ผู้หญิงทุกคนถูกพรรณนาด้วยมาตรฐานความงามที่บิดเบี้ยว เธอแสดงความกังวลว่าเด็กผู้หญิงจะโตขึ้นมาด้วยการมีความคิดที่ว่าพวกเธอจะสวยก็ต่อเมื่อพวกเธอผอมเท่านั้น
เจนนิเฟอร์ได้พูดข้อความอันทรงพลังว่า “พวกเราล้วนสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีคนรักหรือไม่มีคนรักก็ตาม และพวกเราก็ล้วนสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีลูกหรือไม่มีลูกก็ตาม เราต้องตัดสินใจให้ตัวเองว่าความงามคืออะไร เมื่อมันเป็นเรื่องของร่างกายของเรา การตัดสินใจนี้เป็นของเราคนเดียวเท่านั้น ตัดสินใจมันเพื่อตัวเราเองและเพื่อหญิงสาวตัวน้อยที่มองเราเป็นตัวอย่างในการทำตาม เราไม่จำเป็นจะต้องแต่งงานหรือเป็นแม่คนเพื่อทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ เราเป็นคนเลือกเองว่าการจบลงอย่างมีความสุขของเราต้องเป็นยังไง”
เจนนิเฟอร์ อนิสตันในวันนี้เป็นนักแสดงหลายบทบาทและนักธุรกิจหญิง
ในปี 2021 เดอะ ฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์สัมภาษณ์เธอที่บ้านเพื่อพูดคุยถึงความสำเร็จของซีซั่นสองของรายการเดอะ มอนิ่ง โชว์ วิธ รีส วิทเทอร์สปูน (The Morning Show with Reese Witherspoon) การกลับมารวมกันของนักแสดงเรื่องเฟรนด์ส และภาพยนตร์เรื่องปริศนาฮันนีมูนอลวน (Murder Mystery) ที่กำลังจะออกฉายโดยเธอแสดงคู่กับอดัม แซนด์เลอร์ (Adam Sandler)
เจนนิเฟอร์ยอมรับว่าเธอไม่อ่านนิตยสารอีกต่อไปแล้ว ‘ฉันเคยเก็บทุกอย่างเอามาคิด ทั้งข่าวลือเรื่องการตั้งครรภ์และความคิดที่ว่า ‘ยัยนี่เลือกที่จะทำงานแทนที่จะมีลูก’ ไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมฉันถึงไม่มีลูก ไม่มีใครรู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉันทั้งในระดับของเรื่องส่วนตัวและในระดับทางการแพทย์"
ปัจจุบันนี้ เจนนิเฟอร์มีความสุขกับความสำเร็จของแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเอง และเธอก็ยังคงเลือกโปรเจกต์ของเธอและได้รับรางวัลในสายอาชีพนี้อย่างรางวัลเชอรี่ แลนซิ่ง ลีดเดอร์ชิพ อวอร์ด (Sherry Lansing Leadership Award) ด้วย ในเดือนธันวาคม ปี 2021 ในการกล่าวสุนทรพจน์ เธอบอกว่าเธอคิดว่าผลงานที่ดีที่สุดของเธอยังมาไม่ถึง
ในช่วงไหนของชีวิตที่คุณรู้สึกกดดันเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง หรือคุณอยากจะเป็นแม่หรือไม่ ?