เส้นทางการเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จ สามีผู้ทุ่มเท และคุณพ่อคนหนึ่ง ของปีเตอร์ ดิงค์เลจที่บอกเราว่าอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
ในขณะที่เราทั้งหลายรู้จักเขาในบทบาทของทีเรียน แลนนิสเตอร์ (Tyrion Lannister) จากซีรีส์ มหาศึกชิงบัลลังก์ (Game of Thrones) แต่เส้นทางอาชีพที่น่าประทับใจของปีเตอร์ ดิงค์เลจ (Peter Dinklage) กลับมีจุดเริ่มต้นที่ยากลำบากมาก จากการไม่สามารถหาบทที่เป็นไปตามภาพเหมารวม นักแสดงท่านนี้ได้ต่อสู้กับโอกาสทั้งหลายเพื่อให้มายังจุดที่เขาได้ยืนอยู่ เรื่องราวชีวิตของเขาเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าความอดทนและการซื่อตรงต่อความเชื่อของตัวคุณเองสามารถนำคุณไปสู่ความสำเร็จได้
พวกเราที่ชีวิตสดใสเห็นว่าชีวิตของปีเตอร์ ดิงค์เลจและวิธีที่เขาเอาทำความฝันของเขาได้สำเร็จเป็นเรื่องราวที่บันดาลใจแบบสุด ๆ จนควรนำมาแบ่งปันกัน
1. เขาประสบกับความยากลำบากตั้งแต่อายุยังน้อย
ปีเตอร์ ดิงค์เลจเกิดในปี 1969 ในรัฐนิวเจอร์ซี และรู้ตัวมาตั้งแต่อายุยังน้อยมาก ๆ ว่าเขาต้องการมีอาชีพนักแสดง ขณะที่โจนาธาน (Jonathan) พี่ชายของเขามีความสามารถทางดนตรีอย่างละนิดอย่างละหน่อย ปีเตอร์รู้สึกได้ถึงที่ทางของเขาในโรงละครและได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในละครเวทีของโรงเรียนอย่าง เดอะ เวลเวทีน แรบบิท ภายหลังเขาทำตามความมุ่งมั่นของตัวเองและเรียนจบเอกการละครจากวิทยาลัยเบนนิงตัน
นักแสดงท่านนี้ได้ประสบกับความลำบากมาตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยการเกิดมากับภาวะบกพร่องทางพันธุกรรมที่เรียกว่าโรคกระดูกอ่อนไม่เจริญเติบโต (achondroplasia) ซึ่งเป็นภาวะแคระในรูปแบบหนึ่ง ภาวะนี้สร้างความท้าทายหลายอย่างให้กับเขาในขณะที่โตขึ้นมา แต่สุดท้ายเขาก็ยอมรับสภาพของร่างกายตัวเองได้และรู้ว่า “นั่นมันไม่ใช่ปัญหาของคุณ มันเป็นปัญหาของพวกเขา”
2. อาชีพการแสดงของเขามีจุดเริ่มต้นที่โหดหิน
ในช่วงแรก ๆ ของอาชีพเขา ดิงค์เลจต้องเป็นทุกข์อย่างมากและพบว่าการจะดูแลตัวเองให้มีรายจ่ายพอใช้ในแต่ละเดือนนั้นเป็นเรื่องยากมาก เพราะไม่มีโอกาสการแสดงมากนักสำหรับคนที่มีลักษณะแบบเขา สุดท้ายเขาก็จบลงด้วยการทำอาชีพแปลก ๆ ทุกที นักแสดงคนนี้กล่าวว่าในช่วงเวลานี้ของชีวิตเขา เขาต้องป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แต่เขาก็พยายามต่อไปไม่ว่าจะมีเรื่องทุกอย่างนี่ก็ตาม
3. นักแสดงคนนี้ยังยืนหยัดแม้ว่าจะเจออคติต่าง ๆ
ปีเตอร์ได้รับโอกาสหลายครั้งในช่วงต้น ๆ ของอาชีพเขา แต่เขาปฏิเสธไปเสียส่วนใหญ่เพราะมันเป็นอะไรที่น่าขุ่นเคืองจนเกินไป สำหรับดิงค์เลจแล้ว การได้รับบทที่นักแสดงคนอื่น ๆ ก็สามารถเล่นได้มันสำคัญมากด้วยเช่นกัน แม้ว่านี่หมายความว่าเขาจะหาโอกาสเหล่านั้นได้ลำบาก นักแสดงคนนี้ก็ยังยึดหลักการนี้เสมอ
4. ในที่สุดก็ได้แจ้งเกิด
บทแจ้งเกิดบทแรกของเขาก็คือ ลีฟวิ่ง อิน ออบลิเวียน (Living in Oblivion) ที่เขารับบทเป็นนักแสดงที่เป็นคนแคระ แต่อย่างไรก็ตาม บทสำคัญของเขาน่าจะเป็นภาพยนตร์ในปี 2003 เรื่อง เดอะ สเตชั่น เอเจนท์ (The Station Agent) ซึ่งจะนำพาปีเตอร์ไปสู่สายตาผู้คนมากขึ้น สิ่งที่ทำให้ดิงค์เลจเลือกบทนี้ก็คือมันไม่ได้ถูกเขียนมาเพื่อคนที่เป็นคนแคระเท่านั้น แต่สำหรับคนที่มี “ความรู้สึกโรแมนติก เขามีความโกรธ และเขามีความผิดพลาด”
5. ต่อสู้กับการสร้างภาพเหมารวม
ประเด็นที่ใหญ่ที่สุดที่ปีเตอร์ต้องเจอตลอดอาชีพของเขาก็คือการหาบทที่ไม่ได้เจาะจงอยู่แต่กับการเป็นคนแคระ เขากล่าวว่า “บทที่เขียนมาเพื่อให้คนขนาดเท่าผมเล่นมันแบนไปหน่อย” และเขารู้ว่าเขาจะได้รับการเลือกให้ไปแสดงเฉพาะบทเอลฟ์และคนแคระเท่านั้น เขายังยอมกินมันฝรั่งทอดเป็นอาหารเย็นอยู่หลายปีแทนที่จะยอมรับเล่นบทเอลฟ์ในโฆษณาของมาซี่ (Macy)
6. ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเนื่องด้วย มหาศึกชิงบัลลังก์
หลังจากลำบากมาหลายปี การแจ้งเกิดขนานใหญ่ของปีเตอร์กับ มหาศึกชิงบัลลังก์ ก็มาถึงในที่สุด สำหรับผู้สร้างซีรีส์เรื่องนี้ มันไม่มีตัวเลือกอื่นเลยนอกจากดิงค์เลจสำหรับบททีเรียน แลนนิสเตอร์ ทีแรกนักแสดงท่านนี้ก็ลังเลอยู่เหมือนกัน ด้วยกังวลว่ามันจะเป็นการสร้างภาพความเป็นตัวตลกที่น่าขุนเคืองของคนแคระ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมรับบทนี้ และบทนี้นี่เองที่ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปเลย
7. ครอบครัวเขาเป็นผู้คอยสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ปีเตอร์ ดิงค์เลจแต่งงานกับคู่รักของเขา เอริก้า ชมิดต์ (Erica Schmidt) ในปี 2005 และตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็มีลูกด้วยกันสองคน ในขณะที่นักแสดงท่านนี้ก็จะใช้ชีวิตนอกสายตาสื่อเป็นส่วนใหญ่ ภรรยาของเขาเป็นนักเขียนบทละครและผู้กำกับ ทั้งสองทำงานด้วยกันในบางโปรเจกต์ด้วยเช่นกัน
8. ยังคงสู้ต่อไปไม่ว่าโชคชะตาจะเป็นอย่างไร
เรื่องราวของปีเตอร์เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมมากว่าความลำบากและปัญหาบางทีก็เป็นแม่พิมพ์ที่ทำให้คนได้กลายเป็นคนที่แกร่งขึ้น จากการยืนหยัดไม่ว่าอุปสรรคต่าง ๆ จะเข้ามาในชีวิตมากแค่ไหน และการต่อสู้กับภาพเหมารวมทั้งหลาย ในที่สุดดิงค์เลจก็สามารถได้รับทั้งชื่อเสียงและความสำเร็จ และนี่ก็เป็นตัวอย่างที่เราสามารถเอามาเป็นแรงบันดาลใจได้
มีตัวอย่างจากชีวิตของคุณที่คุณต้องต่อสู้กับอะไรบ้างไหม ? บทเรียนอะไรที่คุณได้เรียนรู้จากประสบการณ์นั้น ?