“ทุกครั้งที่ตั้งครรภ์ ผู้คนถามฉันว่า ‘เธอบ้ารึเปล่า ?’” ซูซาน ซาแรนดอนเล่าว่าการเป็นแม่หลังอายุ 40 ปีเป็นยังไง
เกิดในปี 1946 เธออุทิศชีวิตของเธอให้กับภาพยนตร์, ต่อสู้เพื่อสิ่งที่เธอเห็นสมควรและครอบครัวของเธอ ซูซาน อะบิเกล ซาแรนดอน (Susan Abigail Sarandon) (นามสกุลก่อนแต่งงาน โทมาลิน: Tomalin แต่เธอใช้นามสกุลของคริส ซาแรนดอน (Chris Sarandon) สามีคนแรกเป็นชื่อในวงการ) ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนึ่งในคนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในฮอลลีวูดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดที่ ซึ่งเป็นโรคที่เธอเรียนรู้ในช่วงปลายของชีวิตซึ่งเธอเอาชนะมันได้ด้วยความมั่นใจ
ที่ชีวิตสดใส เราขับเคลื่อนด้วยเรื่องราวของการเอาชนะอุปสรรค และด้วยเหตุผลนี้ เราเลือกที่จะเล่าเรื่องของซูซาน ซาแรนดอนซึ่งแม้จะมีปัจจัยทางชีววิทยาและวัฒนธรรมมากมาย แต่เธอก็สามารถสร้างครอบครัวของเธอได้
ช่วงต้นของอาชีพ
อาชีพทางด้านการแสดงภาพยนตร์ของซาแรนดอนเริ่มต้นในปี 1970 ซึ่งเธอรับบทแสดงนำในเรื่องโจ (Joe) ภาพยนตร์ดราม่า แล้วเธอก็กระโดดมาเล่นละครหลังข่าวเรื่องอะ เวิร์ล อพาร์ท (A World Apart) และในปี 1975 ปีที่เธออายุ 29 ปีเธอก็มีชื่อเสียงจากการแสดงภาพยนตร์เรื่องมนต์เพลงบ้านผีเพี้ยน (Rocky Horror Picture Show)
ความเจ็บปวดทางร่างกายและความแน่นอนเพียงเล็กน้อย
ในปี 1984 เธอมีผลงานมากกว่า 25 ผลงานทั้งในซีรี่ย์และภาพยนตร์ และไม่มีอะไรที่จะมากไปกว่าการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยม (แอตแลนติค ซิตี้: Atlantic City, 1980) สำหรับชีวิตส่วนตัวของเธอ เธอคบอยู่กับฟรังโก้ อามูร์รี่ (Franco Amurri) ผู้กำกับชาวอิตาลี และนำสัญญาณเตือนในการเป็นแม่ให้เธอด้วย
นี่เป็นเพราะเธอมีอาการทางร่างกายบางอย่างที่หมอวินิจฉัยไม่ได้และการรักษาก็ไม่แม่นยำพอและมีคำอธิบายเพียงเล็กน้อย แต่ถึงแม้ว่าในบริบทที่ไม่เอื้ออำนวยแบบนี้เธอก็ตั้งท้องตอนอายุใกล้ 40 ปี
การเกิดของลูกสาวคนแรก
“อย่ามีลูกเลย” และ “มันจะทำลายอาชีพของคุณ” เป็นสิ่งที่ผู้คนบอกเธอ แต่นักแสดงหญิงไม่ทำตามคำแนะนำเหล่านั้นและยังมุ่งมั่นกับการตั้งท้องของเธอต่อไป แล้วเอวา อามูร์รี่ (Eva Amurri) ลูกสาวคนแรกของเธอก็มาทันเวลาและได้ถือกำเนิด และตอนนี้เธอก็เป็นนักแสดงหญิงและคนทำคอนเทนท์
ผลการวินิจฉัยมาช้าแต่ในที่สุดเธอก็ได้คำตอบ
ผลการวินิจฉัยที่แน่ชัดมาตอนเธออายุ 40 ปี นักแสดงหญิงทุกข์ทรมานจาก “เยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดที่” ซึ่งเป็นโรคไม่ร้ายแรงซึ่งเยื่อที่บุผนังชั้นในของมดลูกที่ตกค้างอยู่ (ที่ส่วนด้านในของมดลูก) ซึ่งหลุดออกมาระหว่างมีประจำเดือนแต่ละครั้งทำให้เลือดออกและโจมตีอวัยวะอื่น ๆ เช่น ลำไส้ตรง, กระเพาะปัสสาวะ, รังไข่เป็นต้น
ภาวะนี้อาจสร้างความเจ็บปวดในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้และมันมักจะนำไปสู่ภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากผู้หญิงที่เป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มีไข่ที่มีคุณภาพน้อยกว่าและคุณภาพแย่กว่า
รักที่ไม่มีอุปสรรคในเรื่องของอายุและมีลูกอีกสองคน
ความสัมพันธ์กับอามูร์รี่จบลงไป แต่ในปี 1988 เธอก็เริ่มต้นความสัมพันธ์กับทิม รอบบินส์ (Tim Robbins) ซึ่งอายุน้อยกว่าเธอ 12 ปี ซึ่งเธอเจอตอนถ่ายหนังเรื่องบูล เดอร์แฮม (Bull Durham) เธอมีลูกอีก 2 คนกับเขาที่ชื่อว่าจอห์น “แจ็ค” เฮนรี่ (John “Jack” Henry) เกิดปี 1989 และไมล์ส รอบบินส์ (Miles Robbins) เกิดวันที่ 4 พฤษภาคม 1992
“ฉันมีลูกคนแรกตอนอายุ 39 ปีและลูกคนที่สามตอนอายุ 45 ปีและเวลามีลูกแต่ละคน [ผู้คนก็จะ] พูดว่า ‘เธอบ้ารึเปล่า ? อย่านะ !’” ซาแรนดอนบอกในการให้สัมภาษณ์
คน 4 รุ่นในภาพเดียวกัน
เอวา อามูร์รี่เป็นแม่ของลูก 3 คนได้แก่ มาร์โลว์ (Marlowe) ลูกสาวในปี 2014 เมเจอร์ เจมส์ (Major James) ในปี 2016 และมาเตโอ (Mateo) ในปี 2020 ทั้งในโพสต์ของเอวาและซาแรนดอน คุณจะเห็นได้ว่านักแสดงหญิงเป็นคุณยายที่รักใคร่และผูกพัน และคุณยายทวดก็ดูจะเป็นแบบนั้นเช่นกัน อย่างภาพจากปี 2017 ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงครอบครัว 4 รุ่นที่มารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดปีที่ 94 ของเธอ
การพูดแทนคนอื่น
ในการจะมีครอบครัวแบบที่ตำนานทางด้านภาพยนตร์คนนี้มีในวันนี้ เธอต้องเอาชนะอุปสรรคทางร่างกายหลายอย่าง และไม่เลือกคำว่า “ไม่” เป็นคำตอบในเรื่องโรคของเธอ “มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะต้องพลาดบางส่วนของชีวิตเพราะอาการเจ็บปวดและเลือดไหลมากเกินไป” ซาแรนดอนบอกในปี 2011 ที่งานอีเอฟเอ (เอ็นโดรเมทริโอซิส ฟาวด์เดชั่น ออฟ อเมริกา)
ในการนำเสนอครั้งนั้น นักแสดงหญิงยังให้ความสำคัญกับความจริงที่ว่าต้องพูดถึงเรื่องนี้ให้มากกว่านี้ เพื่อขจัดความอ้างว้างที่ล้อมรอบโรคนี้อยู่
“ความทุกข์ทรมานไม่ควรกำหนดคุณในฐานะผู้หญิง”
ตอนนี้ซูซาน ซาแรนดอนอายุ 75 ปีแล้วและเป็นแม่ของลูก 3 คนและคุณยายของหลานอีก 3 คน ตอนจบของเรื่องราวของเธอคือการจบลงอย่างมีความสุข แต่เธอก็ยังใช้เสียงของเธอเพื่อพูดถึงอาการเยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดที่เพื่อที่คนอื่นจะได้พูดถึงความเจ็บปวดของพวกเขา ไม่ใช่ปล่อยให้เคยชินกับมัน และการได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตให้ดีขึ้นและมีคุณภาพ
สิ่งที่พิเศษเกี่ยวกับเรื่องราวของแม่ในครอบครัวของคุณคืออะไร ? บางทีนี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะบอกข้อความหวาน ๆ กับพวกเขาก็ได้นะ