ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

12 ตำนานเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ ที่คนท้องถิ่นต่างเบื่อหน่าย

เราเคยสร้างทัศนคติเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ โดยอ้างอิงจากหนัง ข่าว และเรื่องราวของเพื่อน ๆ แต่เรานั้นมักไม่ใส่ใจกับความจริงที่ว่าหนังเป็นเรื่องแต่ง ส่วนข่าวมีความเอนเอียง และทริปหนึ่งสัปดาห์ของเพื่อนของคุณก็ไม่เพียงพอที่จะสร้างทัศนคติที่เป็นกลางเกี่ยวกับต่างประเทศได้

แล้วก็นี่คือสาเหตุที่เราคิดว่าเรานั้นได้รู้เรื่องเกี่ยวกับประเทศอื่น ๆ ทั้งแบบผิด ๆ หรือไม่ก็เกินจริงกันเลยทีเดียว ดังนั้นทางชีวิตสดใสจึงพร้อมที่จะล้มล้างตำนานอันยอดฮิตเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ แล้วล่ะ

ตำนาน #12. ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด

ภูมิประเทศโดยส่วนใหญ่ของประเทศจีน

คนส่วนใหญ่ในโลกอาศัยอยู่ในประเทศจีน แต่ก็ไม่ใช่ประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดนะ อย่างเยอรมนีกับอิตาลียังมีประชากรหนาแน่นมากกว่าอีก

ประเด็นคือว่านอกเหนือจากประชากรจำนวนมากแล้ว สาธารณรัฐประชาชนจีนยังครอบครองหนึ่งในดินแดนที่ใหญ่ที่สุดของโลก แต่ประมาณ 2/3 ของพื้นที่เหล่านี้เป็นภูเขาและทะเลทราย

ตำนาน #11. ซูโม่เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กีฬาดั้งเดิมชนิดนี้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ซูโม่ก็พบได้น้อยกว่าเบสบอล เพราะว่าครึ่งหนึ่งของคนเล่นกีฬาที่นั่น ชอบกีฬาเบสบอลมากที่สุดเลยล่ะ

ตำนาน #10. อินเดียเป็นประเทศของชาวพุทธ

ผู้นับถือศาสนาในอินเดียมากกว่า 80% นับถือศาสนาฮินดู ศาสนาที่พบมากที่สุดรองเป็นอันดับสองคือศาสนาอิสลาม ส่วนประชากรน้อยกว่า 1% เป็นชาวพุทธ ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือที่อยู่ติดกับทิเบต

ตำนาน #9. ชาวอิตาลีกินได้ตามที่ต้องการและไม่อ้วน

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ประเด็นร้อนที่สุดในอิตาลี แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องจริงหรอกนะ ที่ว่าชาวอิตาลีทุกคนกินพาสต้าชามใหญ่กับดื่มไวน์วันละขวด แล้วหุ่นยังผอมอยู่

เพราะตามสถิติแล้ว ชาวอิตาลีในทุก ๆ 5 คน ประสบปัญหากับโรคอ้วน อีกทั้งโรคอ้วนในวัยเด็กก็เป็นปัญหาที่แท้จริงในแอเพนไนน์ เมื่อเทียบกับส่วนอื่น ๆ ของยุโรป

ตำนาน #8. บริเตนใหญ่เป็นประเทศแห่งฝน

บริเตนใหญ่ไม่ใช่สถานที่แห้งแล้งที่สุดก็จริง แต่เรื่องฝนตกนั้นดูค่อนข้างเกินจริงไปหน่อย แม้ว่าในบางพื้นที่มีภูมิอากาศที่ชื้นมาก แต่ในลอนดอนมีปริมาณน้ำฝนต่อปีน้อยกว่ามอสโกเสียอีก

ตำนาน #7. พลเมืองของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทุกคนร่ำรวยอย่างเหลือเชื่อ

ตามหลักแล้วคนพื้นเมืองค่อนข้างร่ำรวยนั้นจริงอยู่ แต่ว่ามีคนประมาณ 85% เป็นผู้อพยพ แม้แต่ชาวอาหรับประมาณ 2/3 ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็มาจากประเทศเพื่อนบ้าน

แน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและผู้จัดการระดับสูงสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ แต่เหล่าคนใช้แรงงานและพนักงานออฟฟิศธรรมดา ๆ กลับอาศัยอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มาก ในประเทศที่มีราคาแพงมากแห่งนี้

ตำนาน #6. ริโอ เดอ จาเนโรเป็นเมืองหลวงของประเทศบราซิล

ริโอ เดอ จาเนโรเป็นเมืองหลวงมาเกือบ 200 ปีแล้ว แต่ในปี 1960 เมืองหลวงได้ถูกย้ายไปที่บราซิเลีย ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์นี้ อีกทั้งริโอไม่ใช่แม้กระทั่งเมืองที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน แต่เป็นเซาเปาโลที่ใหญ่กว่า

ตำนาน #5. ในประเทศเยอรมนี ผู้คนตรงต่อเวลาและทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดเวลา

ความตรงต่อเวลาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเยอรมัน แต่ขอบเขตทางวัฒนธรรมกับประเพณีเก่าแก่ก็หายไป ไม่ต่างจากประเทศอื่น ๆ ในโลก โดยหลายโครงการไม่เป็นไปตามเวลาที่กำหนด จากข้อมูลพบว่าประมาณ 1/3 ของรถไฟทั้งหมดในเยอรมนีล่าช้า

ตำนาน #4. การสู้วัวกระทิงเป็นความบันเทิงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศสเปน

การสู้วัวกระทิงยังคงมีขึ้นในหลายเมืองในสเปน แต่ความนิยมไม่สูงนัก โดยผู้ที่เข้าชมการแสดงส่วนใหญ่นั้นเป็นนักท่องเที่ยว อีกทั้งภายใต้แรงกดดันจากนักเคลื่อนไหว รัฐสภาแห่งแคว้นคาตาโลเนียจึงได้สั่งห้ามไม่ให้มีการสู้วัวกระทิงในพื้นที่ รวมไปถึงเมืองบาร์เซโลนา

ตำนาน #3. ออสเตรเลียเป็นประเทศแห่งฤดูร้อนไม่สิ้นสุด

คนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทางใต้ในเมืองต่าง ๆ อย่างซิดนีย์ เมลเบิร์น แคนเบอร์รา และแอดิเลด โดยแคนเบอร์ราในฤดูหนาวนั้นมีอุณหภูมิอยู่ที่ 0 องศาเซลเซียสเลยล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น พื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปยังเป็นภูเขา ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาว

ตำนาน #2. โรมาเนียเป็นประเทศของชาวยิปซี

บางคนคิดว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศโรมาเนียเป็นชาวยิปซี ส่วนคนอื่น ๆ ก็ต่างมั่นใจว่าชาวโรมาเนียกับชาวยิปซีเป็นพี่น้องกัน แต่ทั้งสองอย่างนั้นไม่ถูกต้องเลยล่ะ

อย่างแรกเลย ชาวโรมาเนียและชาวยิปซีมีต้นกำเนิดต่างกัน อีกทั้งพูดภาษาที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ชาวโรมาเนียเป็นคนยุโรป และภาษาของพวกเขาใกล้เคียงกับภาษาอิตาลีกับภาษาสเปน ส่วนชาวยิปซีนั้นเป็นลูกหลานของชาวอินเดียนแดง อย่างที่สองก็คือ ในประเทศโรมาเนียมีชาวยิปซีเพียง 3% เท่านั้น

ตำนาน #1. พริกถูกตั้งชื่อขึ้น เพื่อเป็นเกียรติแก่ประเทศในอเมริกาใต้

ชาวแอซเท็กโบราณที่อาศัยอยู่ในดินแดนของเม็กซิโกสมัยใหม่ ได้ตั้งชื่อให้พริกอันเผ็ดร้อนนี้ ส่วนรัฐชิลีนั้นตั้งอยู่ห่างไกลจากเม็กซิโก อีกทั้งเป็นที่อยู่อาศัยของคนหลากหลายที่เคยพูดภาษาแตกต่างกัน

ในภาษาสมัยใหม่หลายภาษา ชื่อของพืชชนิดนี้กับประเทศนี้มีการสะกดคำที่ต่างกันอีกด้วย

คุณรู้เกี่ยวกับทัศนคติแบบเหมารวมที่มีต่อประเทศอื่น ๆ กันบ้างหรือเปล่า ? แล้วคุณเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับประเทศของคุณบ้างมั้ย ?

เครดิตภาพพรีวิว Iwona Rege / wikimedia, Orel i Reshka/ TeenSpirit Studio
แชร์บทความนี้