ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

18 ข้อเท็จจริงที่อธิบายได้ว่าทำไมผู้หญิงชาวบราซิลถึงได้มีเสน่ห์ดึงดูดมาก ๆ

ภาพลักษณ์ของผู้หญิงบราซิลมันค่อนข้างจะถูกมองแบบเหมารวมโดยคนต่างชาติ - คนสวยผิวแทนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ชายหาดและเต้นรำอยู่ในงานคาร์นิวัล ความคิดแบบนี้มีอยู่ก็ไม่ได้มีผลอะไร - ผู้หญิงที่อยู่ในบราซิลทุกคนภูมิใจกับรูปร่างของเธอและอนุญาตให้ตัวเองได้พักผ่อนเป็นธรรมดา แต่นั่นก็คือยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น

ชีวิตสดใสได้ร่างรายละเอียดน่าสงสัยบางข้อเกี่ยวกับชีวิตและพฤติกรรมของหญิงชาวบราซิลเอาไว้แล้ว และมันก็เป็นเพราะสิ่งเหล่านี้นี่เองที่พวกเขาดูและรู้สึกมีเสน่ห์ดึงดูดสุด ๆ

1. เหล็ดดัดฟันเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง

ชาวบราซิลเป็นชนชาติที่ยิ้มเก่งกันมาก ๆ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฟันที่สวยและเสมอกันถึงจำเป็นมาก ๆ สำหรับพวกเขา ทั้งคนหนุ่มคนสาวต่างก็ใส่เหล็กดัดฟันกันทั้งนั้นสำหรับที่นี่ คนจะได้เหล็กดัดฟันก็ต่อเมื่อพวกเขาเก็บเงินได้มากพอ และมันก็ไม่สำคัญด้วยว่าคน ๆ นั้นจะมีอายุเท่าไรในตอนนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงทุกคนยังมีทัศนคติพิเศษกับความขาวของฟันพวกเธอด้วย - มันเป็นบรรทัดฐานสำหรับพวกเธอเลยที่จะต้องแปรงฟันในห้องน้ำในห้างหลังจากทานอาหารเสร็จ

“ชาวบราซิลใส่เหล็กดัดฟันด้วยความภาคภูมิใจและความรัก และยังยิ้มกว้างกว่าตอนพวกเขาไม่ได้ใส่ด้วย ทั้งหมดก็เพราะว่าถ้าคุณใส่เหล็กดัดฟัน มันหมายความว่าคุณเป็นคนมีเงิน ตอนที่ฉันมาประเทศนี้เป็นครั้งแรก ฉันก็ใส่เหล็กดัดฟันเหมือนกัน อันที่จริง คนหลายคนก็ใส่เหล็กดัดฟันในบราซิลและพวกเขายังมองฉันเป็นคนท้องถิ่นด้วย หลังจากทริปนี้ ฉันเลิกอายเรื่องที่ต้องใส่มันและเริ่มยิ้มได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ไม่พยายามซ่อนเหล็กดัดฟันเอาไว้ในปากอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม เหล็กดัดฟันของฉันมันถูกกว่าที่บราซิลถึง 1.5 เท่าเลยล่ะ” บล็อกเกอร์ที่เล่าเรื่องนี้ได้ให้ข้อสังเกตเอาไว้

“ฉันแปรงฟันด้วยน้ำมันมะพร้าวมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ฉันเริ่มทำแบบนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจตอนที่แฟนของแม่ฉันเอาน้ำมันมาให้เป็นของขวัญ ฉันพยายามกินมันแล้วฉันก็ชอบ แล้วจากนั้นด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ฉันก็เริ่มเอามันมาใส่ที่แปรงสีฟัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันเจอผู้หญิงบราซิลคนหนึ่ง และเธอก็บอกฉันว่าน้ำมันนี้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและทำให้ฟันขาวขึ้น ฉันคงจะไม่เชื่อเธอหรอก แต่ฉันไม่เคยมีฟันผุเลยตลอดเวลา 30 ปีในชีวิต” ชาวต่างชาติคนหนึ่งได้แบ่งปันเคล็ดลับของเธอกับโลก

2. หุ่นอวบอั๋นกำลังเป็นเทรนด์

นักท่องเที่ยวที่มางานคาร์นิวัลมีความเห็นผิด ๆ ว่าความงามที่คนท้องถิ่นเห็นจะต้องเป็นคนที่ผอมเพรียว อันที่จริงแล้วผู้หญิงหลายคนชอบที่จะมีส่วนเว้าส่วนโค้งมากกว่า ในบราซิล มาตรฐานความงามมันเปลี่ยนไปตามกระแส: ผมบลอนด์และตัวผอมในช่วงเวลาหนึ่ง และต่อมาก็เป็นแบบอวบอั๋นและมีผมสีเข้ม ไม่ว่าร่างกายพวกเธอจะเป็นอย่างไร ผู้หญิงก็มักจะเลือกใส่กางเกงขาสั้นและเสื้อตัวสั้น แม้ว่ามันจะไม่มีกฎก็ตาม แต่ผู้หญิงบราซิลถูกสอนมาตั้งแต่เด็กให้รักร่างกายของตัวเอง ไม่ว่ามันจะมีรูปร่างเป็นอย่างไรก็ตาม และความสนใจอย่างต่อเนื่องจากชายก็สนับสนุนความงามครึ่งหนึ่งของโลกด้วยความเชื่อว่าพวกเธอแต่ละคนเป็นเทพีด้วย แม้ว่านั่นจะไม่ใช่กฎตายตัวก็ตาม

3. ผู้หญิงชาวบราซิลไม่ยอมรับคำว่า “ไม่” โดยไม่อธิบายเหตุผลและจะไม่บอกว่า “ไม่” กับคนอื่นโดยไม่อธิบายเหตุผลด้วย

การปฏิเสธใด ๆ ก็ตามต้องมาพร้อมกับการอธิบายด้วยเหตุผล - ตามมารยาทของประเทศนี้ ถ้าไม่มีเหตุผล คุณก็ต้องคิดขึ้นมาเพื่อที่คุณจะได้ไม่ไปทำให้ใครข้องใจเข้า ในฝั่งของพวกเขาก็จะทำแบบนี้: พวกเขาจะยอมรับข้อเสนอด้วยรอยยิ้ม สัญญาว่าจะทำสิ่งดี ๆ หลายอย่าง และภายหลังก็ไม่รักษาสัญญา มันถือเป็นเรื่องที่ให้เกียรติกันมากกว่าที่จะบอกว่า “ไม่” เฉย ๆ

4. สาว ๆ เขาไม่เคยพลาดการไปทำเล็บเท้าหรือเล็บมือ

ผู้หญิงชาวบราซิลอาจจะไม่แต่งหน้าหรือสวมเครื่องประดับเลยก็ได้ แต่ความงามของเล็บมันเป็นเหมือนกับลัทธิของที่นี่เลยล่ะ มันไม่สำคัญว่าคุณจะเรียกช่างทำเล็บไปที่บ้านหรือว่าไปที่ร้าน — มีช่างทำเล็บหลายคนที่ทำเล็บให้กับครอบครัวหนึ่งมาหลายต่อหลายปี ราคาก็ไม่สามารถหยุดสาวบราซิลในการตกแต่งให้เล็บสวยงามได้ แม้ว่างบประมาณของครอบครัวจะมีจำกัดก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เทคนิคการทำเล็บมือของพวกเขาก็ทำให้ชาวต่างชาติประทับใจมาก: ช่างทำเล็บทุกคนจะทาสีเล็บและผิวรอบ ๆ เล็บก่อนแล้วจากนั้นก็จะเช็ดสีที่ทาเกินออกมาออกด้วยสำลีก้านและน้ำยาล้างเล็บ พวกเขาทำเล็บเท้าและเล็บมือแบบเร็วมาก ๆ - ในเวลาประมาณ 30 นาที: พวกเขาจะทาครีมลงบนผิวหนัง ตัดเล็บ และทาสีทาเล็บ ช่างแต่ละคนมีผงที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ถ้าผิวเจ็บขึ้นมา ผู้เชี่ยวชาญจะใช้ผงแป้งทางลงไปตรงที่ที่เจ็บ คนบราซิลที่มีเงินจะมองว่าการวาดลาย ภาพ ศิลปะบนเล็บ หรือการทาเล็บสีต่างกันเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม นั่นเป็นเหตุว่าทำไมจึงไม่มีบริการแบบนี้ในร้านทำเล็บสำหรับชนชั้นสูง

5. คุณมักจะเจอผู้หญิงใส่รองเท้าบูตฤดูหนาวกับเสื้อแจ็คเก็ตหนังตอนที่อากาศข้างนอกสูงถึง 29 องศาด้วย

อันดับแรกเลย คนท้องถิ่นเขาอยากจะทำให้เสื้อผ้าของพวกเขามีความหลากหลาย ใส่เสื้อผ้าที่กำลังเป็นเทรนด์ และไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่กับชุดเดรสฤดูร้อน กระโปรง และรองเท้าฤดูร้อนเพียงเท่านั้น และอันดับที่สองคือ พวกเขารู้สึกหนาวจริง ๆ

นี่คือสิ่งที่ผู้หญิงที่ย้ายไปที่บราซิลสังเกตเห็น “เช้าวันนี้เพื่อนบ้านบอกฉันว่า “ข้างนอกหนาวมากเลย! ฝนกับลมอย่างกับน้ำแข็ง! แย่มาก!” เธอใส่เสื้อแจ็คเก็ต รองเท้าบูตและผ้าพันคอเพื่อความอบอุ่น ใช่แล้ว มันไม่ร้อนหรอก ฉันใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวและรองเท้าผ้าใบ ปรอทวัดอุณหภูมิบอกว่าตอนเช้าอากาศ 19 องศา และตอนกลางวันอากาศ 21 องศา

แต่ในกรณีใดก็ตาม สาว ๆ มักจะเลือกใส่สีสดและลายเยอะ ๆ กัน — “ลายเสือดาว” บนเสื้อผ้าเป็นสิ่งที่ใช้กันทั่วไปที่นี่เลย พวกเขาชอบเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าสังเคราะห์และเสื้อกีฬากันด้วยเหตุผลของความคล่องตัว

6. สาว ๆ เขาแทบจะไม่ใส่เครื่องประดับเลย

ส่วนใหญ่แล้ว พวกเธอจะชอบเพชรเม็ดเล็กมากกว่า เนื่องจากในประเทศมีอัตราการเกิดอาชญากรรมสูง ผู้หญิงจะใส่เครื่องประดับในโอกาสพิเศษเท่านั้นและในที่ที่พวกเธอจะรู้สึกปลอดภัยเท่านั้นด้วย คำแนะนำแรกสำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะไปริโอหรือเซาเปาโลก็คือ “อย่าอวด” อุปกรณ์หรือสิ่งของมากเกินไป เอาเครื่องประดับออกจากร่างกายและใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายไว้ข้างหน้าเวลาอยู่ในขนส่งสาธารณะ มันจะลดความเสี่ยงในการเจอปัญหาได้

7. หลายคนอาบน้ำวันละหลายครั้ง

วิธีง่าย ๆ ที่ครัวเรือนใดก็ตามจะมีน้ำร้อนพร้อมใช้เสมอก็คือเครื่องทำน้ำร้อนไฟฟ้า ในขณะเดียวกัน การอาบน้ำเย็นตอนอากาศข้างนอกร้อนถึง 32 องศาก็เป็นเรื่องที่ดี ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว พฤติกรรมแบบนี้ถือว่าสมเหตุสมผลนะ - หลายคนเหงื่อออกหนักมากเนื่องจากความร้อนและพวกเขาไม่อยากจะไปไหนมาไหนด้วยร่างกายที่เหนียวเหนอะหนะ อย่างไรก็ตาม อ่างอาบน้ำถือเป็นสิ่งหรูหราสำหรับชาวบราซิล ถ้าบางคนอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่มีอ่างอาบน้ำเล็ก ๆ แทนที่จะมีตู้อาบน้ำ นั่นหมายความว่ามันเป็นอพาร์ตเมนต์วีไอพี ชาวบราซิลหลายคนยังมีนิสัยที่ต้องอาบน้ำหลายครั้งต่อวัน เนื่องจากประเทศอยู่ในเขตภูมิอากาศที่ร้อนและชื้น

8. พวกเธอแสดงออกอารมณ์อย่างเปิดเผย

ถือเป็นเรื่องปรกติที่จะกอดหรือจูบคนที่แก้มทั้งสองข้างเวลาทักทายหรือร่ำลากัน ในขณะเดียวกันมันก็ไม่สำคัญด้วยว่าจะเป็นเพื่อนเก่าหรือเป็นคนที่คุณเจอเป็นครั้งแรก เมื่อกอดกับคุณ สาว ๆ ชาวบราซิลจะพูดคำว่า “ปราเซอร์” ซึ่งมีความหมายว่า “ยินดีที่ได้พบคุณ”

ชาวบราซิลเชื่อว่ายิ่งพวกเขาใกล้ชิดกับผู้คนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น แม้ว่าจะมีแค่คนไม่กี่คนบนรถประจำทางก็ตาม พวกเขาจะนั่งข้าง ๆ กัน และมักจะเริ่มพูดคุยกันตอนเข้าแถวรอคิว ขณะที่ผู้หญิงที่ไม่รู้จักกันคนหนึ่งในลิฟต์อาจจะชมคุณว่า “คุณใส่ผ้าพันคอสวยจังเลย!” ได้ง่าย ๆ เลย และมักจะตามมาด้วยการถามว่าคุณไปซื้อมาที่ไหนด้วย มันเป็นบรรทัดฐายสำหรับพวกเขา แต่มันก็เป็นสิ่งที่ชาวต่างชาติจะเข้าใจยากอยู่สักหน่อย

9. สาว ๆ หลายคนฝันอยากมีผมตรง

เนื่องจากอิทธิพลจากวัฒนธรรมยุโรป สาว ๆ ชาวบราซิลหลายคนที่มีผมหยิบหรือหยักศกโดยธรรมชาติจะชอบไปยืดผมด้วยเครื่องยืดผมหรือกระบวนการอื่น ๆ แต่พฤติกรรมแบบนี้ค่อย ๆ หายไปบ้างแล้วล่ะ

10. พวกเธอจะเป็นฝ่ายเริ่มในความสัมพันธ์

ผู้หญิงท้องถิ่นจะไม่ชินกับการแต่งงานไว แต่ความสัมพันธืในประเทศนี้จะเริ่มกันไวมาก คนสองคนจะขยับจากการจีบกันไปสู่การเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแบบไวสุด ๆ แต่พวกเขาจะไม่รีบเข้าสู่การแต่งงานกันสำหรับที่นี่ อายุเฉลี่ยของเจ้าสาวจะอยู่ที่ 30 ปี เหตุผลหลักของการแต่งงานช้าก็จะมีเรื่องของการอยากมีการงานมั่นคง ซื้อบ้าน และใช้ชีวิตตามความพอใจก่อนที่จะลงหลักปักฐาน

“ญาติ ๆ และเพื่อน ๆ จะไม่ถามว่าพวกเขาว่าจะมีหลานหลานให้เลยไหม คุณจะไม่ได้ยินวลีอย่าง “เธอต้องมีลูกได้แล้วนะ! มันถึงเวลาแล้ว! เธออายุเกือบ 25 แล้วยังไม่มีลูกอีก!” เลย ในทางกลับกัน พวกเขาจะบอกว่า “เธออายุแค่ 25 เอง ยังสาวและยังมีเวลาอีกเยอะ สร้างชีวิตของตัวเองและใช้ชีวิตกับคู่ของเธอให้คุ้มก่อน เดี๋ยวค่อยมีลูกก็ได้” นั่นคือความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ย้ายไปอยู่บราซิลสังเกตเห็น

11. หลายครอบครัวมีพี่เลี้ยงเด็ก

ผู้หญิงบราซิลบางคนก็เริ่มเลือกพี่เลี้ยงทันทีที่พวกเธอรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ ระยะเวลาสำหรับการลาคลอดอยู่ที่ 120-180 วัน สาว ๆ ต้องไปทำงาน และบริการเลี้ยงลูกก็ไม่แพงเลย นั่นเป็นเหตุผลว่าที่นี่มีพี่เลี้ยงเด็กหลายคน ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับเงินค่าจ้างที่จ่ายนี้ ไม่ใช่แค่พวกเธอจะดูแลลูก ๆ ของคุณให้เท่านั้น แต่ยังจะทำอาหารและทำความสะอาดบ้านให้ด้วย

12. ในขณะเดียวกัน เหล่าแม่ ๆ ก็มักจะพาลูกของพวกเธอไปที่ไหนก็ได้ตามที่ต้องการ

คุณแม่ยังสาวอาจจะพาลูกเล็กของเธอไปปาร์ตี้เสียงดัง ๆ ในตอนกลางคืนหรือไปดูการแข่งขันฟุตบอลก็ได้ นักท่องเที่ยวมักจะตกใจทางวัฒนธรรมมากถ้าพวกเขาไปโรงหนังในบราซิลเพราะพวกเขาอาจจะได้เห็นเด็กคลานอยู่ตามบันไดทางเดิน ในขณะที่แม่ ๆ กำลังชมภาพยนตร์อยู่ก็ได้

เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมาก “ญาติของสามีฉันเชิญเราไปงานวันเกิดเด็ก แล้วฉันก็ประหลาดใจในช่วงเวลาการฉลองมาก มันไม่เริ่มจนกระทั่งถึงเวลาสองทุ่ม ลูกสาวเราเข้านอนแล้วในตอนนั้น เต่เราตัดสินใจเปลี่ยนเวลานอนเธอนิดหน่อยแล้วแวะไปงานเลี้ยงประมาณชั่วโมงหนึ่ง พวกเราไปที่นั่นกัน ใช้เวลาอยู่ที่นั่นเล็กน้อย และเริ่มบอกลาทุกคน คุณปู่ของเด็กเจ้าของวันเกิดห้ามเราและเริ่มบ่นว่าทำไมเรารีบกลับเร็วนัก เขาเริ่มหัวเราะและพูดแบบเสียดสีว่า ‘กฎที่บ้านพวกเธอเหมือนอยู่ในกองทัพเลย’ ไม่ต้องพูดอะไรมาก เด็กบราซิลเขาสนุกกันทั้งคืนและไม่มีใครเลยนอกจากพวกเราที่กังวลว่าเด็ก ๆ ควรจะเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ”

13. สำหรับชาวบราซิล เวลามันผ่านไปอย่างแตกต่างกับที่อื่น

เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องจำเอาไว้ว่าไม่มีใครเขารีบร้อนกันในบราซิล คุณสบาย ๆ และสนุกกับช่วงเวลาและพักผ่อนจากจังหวะอันเร่งร้อนแบบชาวตะวันตกได้เลย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ชาวบราซิลทำอะไรให้ไว พวกเขาจะพยักหน้าและขอโทษ แต่จะทำมันต่อไปแบบที่เขาทำตามจังหวะของพวกเขาเอง เวลามันเป็นแค่สิ่งนามธรรมสำหรับพวกเขา ปรัชญาของพวกเขาเหมือนจะเป็น: “ถ้าเราไม่ทำวันนี้ เดี๋ยวเราก็จะทำมันอยู่ดีแหละในที่สุด

ยังมีตำนานมากมายเกี่ยวกับความสายของคนท้องถิ่น “ฉันอาศัยอยู่ในบราซิล คนมักจะสบาย ๆ กันที่นี่ พวกเขาไม่กังวลกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และพวกเขาไม่เคยรีบกันเลย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงมีปัญหากับเรื่องความตรงเวลา ครั้งหนึ่งฉันสนทนากับเพื่อนคนหนึ่ง เธอทำงานในธนาคารและเชื่อว่าเธอเป็นคนจัดการทุกอย่างเป็นระเบียบมาก ธนาคารเปิดเวลา 9 โมงเช้า เธอไปสายไม่เกิน 30 นาทีเลย หลังจากเธอไปถึง เธอจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า กินอาหารเช้า และดื่มกาแฟก่อนหนึ่งแก้ว แต่เพราะชาวบราซิลรู้และเข้าใจสิ่งนี้ ผู้ใช้บริการจึงไม่เริ่มมากันก่อน 10 โมงเช้า เธอเชื่อว่ามันไร้ความเป็นมนุษย์สุด ๆ ที่คนในประเทศอื่น ๆ อาจจะไปถึงที่ใดที่หนึ่งก่อน 9 โมงเช้าถ้าองค์กรนั้นไม่ได้เริ่มทำงานจนกว่าจะถึง 9 โมงเช้า”

14. วันเกิดปีที่ 15 ของสาว ๆ จะเป็นงานใหญ่

ไม่ใช่อายุ 18 ปีหรือ 21 ปี แต่เป็นวันเกิดอายุครบ 15 ปีที่เป็นเรื่องใหญ่ของที่นี่ เด็กผู้ชายจะไม่มีวันสำคัญแบบนี้ งานนี้มักจะฉลองแบบยิ่งใหญ่กว่างานแต่งงานเสียอีก ธรรมเนียมนี้มาจากในสมัยโบราณ - กลับไปสมัยที่เด็กสาวจะพร้อมแต่งงานในวัย 15 ปี และเป้าหมายของงานเลี้ยงเหล่านี้ก็คือการอวดให้คนที่อาจเป็นเจ้าบ่าวและครอบครัวของเขาเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้ ระดับการเฉลิมฉลองมันขึ้นอยู่กับสถานะการเงินของครับครัว ส่วนใหญ่แล้วจะมีการเชิญแขก มีการตกแต่งแบบพิเศษที่สั่งทำมา จะมีการเช่าร้านอาหารร้านใหญ่เอาไว้ ถ้าครอบครัวอยู่ในบ้านเดี่ยวส่วนตัว พวกเขาก็จะจ้างกุ๊ก พนักงานเสิร์ฟ และคนรับรองเอาไว้ เด็กสาวเจ้าของวันเกิดจะอยู่ในชุดที่สวยมาก มีเค้กก้อนโต และมีของอื่น ๆ อีกมากมาย

15. ไม่มีอาณาเขตหรือขอบเขตที่เป็นส่วนตัวในการสนทนา

เพื่อนร่วมงานอาจจะพูดกับคุณได้ง่าย ๆ ว่าผมทรงใหม่ของคุณไม่เข้ากับคุณและชุดใหม่ของคุณทำให้คุณดูอ้วน ถ้าคุณซื้อรถใหม่ พวกเขาอาจจะบอกว่าสีและยี่ห้อมันอาจจะงั้น ๆ มันไม่ใช่แค่คนที่สนิทกับคุณเท่านั้นที่จะพูดแบบนี้ได้ นี่คือมารยาททั่วไปของการสื่อสารระหว่างคนที่คุ้นเคยกันเล็กน้อยและไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน มันอาจจะถูกมองว่าหยาบคายหรือไม่สุภาพก็ได้ แต่ชาวบราซิลเขาไม่รู้สึกผิดใจกับการที่คนอื่นมาพูดกับพวกเขาแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่พวกเขาทำกันโดยทั่วไป

ผู้หญิงคนหนึ่งแบ่งปันประสบการณ์ของเธอว่า “พวกเขาจะยกเรื่องสุขภาพขึ้นมาแม้ว่าแต่กับคนที่ไม่ได้คุ้นเคยกันก็ตาม คนหนึ่งอาจจะบอกคุณได้ง่าย ๆ เลยว่าเขาเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลและกำลังรักษาริดสีดวงทวารอยู่ ขณะที่มาเรียมีปัญหาเรื่องการปัสสาวะและมันเจ็บมากเลยเวลาเธอเข้าห้องน้ำ คุณฉี่วันละกี่ครั้ง? โว้ว น้ำหนักคุณขึ้นนะ คุณบังเอิญท้องหรือเปล่า? ฉันได้ยินอะไรเหล่านี้ไม่จากอดีตเพื่อนร่วมงานก็คนที่เจอกันบางโอกาสและฉันได้คุยกับพกเขาบนรถเมล์ ฉันได้ยินแม้แต่คำถามของผู้ใช้บริการที่ฉันคุยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยในขณะที่กำลังรับคำสั่งซื้อจากพวกเขาอยู่ ฉันยังไม่เข้าใจเลย: นี่เป็นเรื่องทางวัฒนธรรมและเป็นสัญญาณของการเปิดเผยหรือเป็นความไม่สุภาพและการล่วงเกินพื้นที่ส่วนตัวกันแน่? ฉันเลือกจะคิดว่ามันเป็นอย่างแรกนะ”

16. สาว ๆ มักจะใจร้อนมาก แต่พวกเธอก็จะเย็นลงได้ไวเช่นเดียวกัน

การมีความสัมพันธ์กับสาว ๆ ท้องถิ่นมันเหมือนกับการเจอเฮอร์ริเคนเลยล่ะ เธอสามารถหึงแฟนตัวเองได้บ่อยสุด ๆ และสร้างดราม่าขึ้นมาได้เลย ซึ่งในกรณีส่วนใหญ่จะตามมาด้วยการง้อแบบโรแมนติกและเกิดขึ้นเร็วมาก คนไม่อายในการแสดงออกอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองในที่สาธารณะและพวกเขาไม่รู้ถึงขายหน้าด้วย

17. พวกเธอจะอยู่กับพ่อแม่ก่อนแต่งงาน

พวกเธอไม่คิดว่ามันมีเหตุผลเข้าใจได้ที่จะใช้เงินจ่ายค่าเช่าบ้าน มันสะดวกกว่าสำหรับพวกเธอที่จะอยู่กับพ่อแม่ ไม่ใช่แค่เรื่องมุมมองทางการเงิน แต่ยังเป็นเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันด้วย: อาหารพร้อมอยู่เสมอ บ้านสะอาดอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะแบ่งครึ่งกัน ในขณะที่สามารถเก็บเงินที่จะเอาไปใช้เช่าอพาร์ตเมนต์อื่นอยู่เอาไว้ได้ ในกรณีส่วนใหญ่แล้ว เมื่อคนหนึ่งเจอคนที่อยากอยู่ด้วยแล้ว พวกเขาก็จะมีเงินที่เก็บไว้สำหรับซื้อบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ เช่นเดียวกันกับรถของพวกเขา มันเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างมากที่จะอยู่กับพ่อแม่ต่อไปหลังจากแต่งงานแล้วในบราซิล

18. การศัลยกรรมตกแต่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเธอ

บราซิลเป็นที่สองในเรื่องของจำนวนคนที่เข้าไปใช้บริการศัลยกรรมตกแต่ง (และเป็นอันดับหนึ่งสำหรับการทำศัลยกรรมตกแต่งต่อคน) มันดูจะแตกต่างกับแนวคิด “รักตัวเองอย่างที่คุณเป็น” ไปหน่อย แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เลย เขาเชื่อกันว่าแม้คุณจะรักร่างกายของตัวเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่อยากพัฒนาให้มันดีขึ้น กระบวนการยกกระชับหลากหลายแบบเป็นสิ่งที่มีให้เห็นทั่วไปที่นี่ แค่อย่าไปถามสาว ๆ ว่าเธอทำอะไรมาบ้างก็แล้วกัน นอกเสียว่าเธอตั้งใจจะเปิดอกคุยเรื่องนี้กับคุณ

สิ่งไหนจากไลฟ์สไตล์ของชาวบราซิลที่ดูเจ๋งมากสำหรับคุณและสิ่งไหนที่คุณเห็นว่าไม่เหมาะสม?

Please note: This article was updated in June 2021 to correct source material and factual inaccuracies.
เครดิตภาพพรีวิว depositphotos.com, depositphotos.com
ชีวิตสดใส/สถานที่/18 ข้อเท็จจริงที่อธิบายได้ว่าทำไมผู้หญิงชาวบราซิลถึงได้มีเสน่ห์ดึงดูดมาก ๆ
แชร์บทความนี้