อาหาร 8 ชนิดที่ประโยชน์เปลี่ยนไปตามสภาวะที่ต่างกัน
เราเคยคิดว่ามะเขือเทศจะมีประโยชน์มากกว่าหากเรากินมันดิบ ๆ และนำมาทำเป็นสลัด ถึงแม้จะเป็นความจริง แต่การปรุงสุกก็เป็นตัวเลือกที่ดีต่อกระเพาะอาหารของคุณมากกว่า อีกทั้งยังมีอาหารธรรมดา ๆ อีกมากมายที่สามารถทำให้คุณประหลาดใจไปกับประโยชน์ของพวกมันที่เปลี่ยนไปตามวิธีทำอาหารกันเลยล่ะ
พวกเราที่ชีวิตสดใสเริ่มสงสัยมากขึ้นว่าผลิตภัณฑ์ชนิดใดที่มีประโยชน์มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปหรือแม้กระทั่งหลังจากการทอด แล้วพวกเราก็อยากจะแบ่งปันสิ่งที่เราได้เรียนรู้เหล่านี้กับคุณ
1. กล้วย
หากคุณเป็นโรคเบาหวาน คุณควรกินกล้วยที่ยังไม่สุกมากกว่ากล้วยที่สุกจัดมากเกินไป เพราะผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเมื่อกล้วยสุก แป้งจะเริ่มเปลี่ยนเป็นน้ำตาลที่คุณต้องควบคุมพวกมันในช่วงที่เป็นเบาหวาน
ในทางกลับกันกล้วยที่ยังไม่สุกมีประโยชน์ต่อสุขภาพเล็กน้อย โดยสิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะแป้งที่เรียกว่าแป้งทนต่อการย่อยที่อยู่ในกล้วย ซึ่งเรานั้นย่อยได้ยากเหมือนกับกินมันฝรั่งดิบ ๆ ดังนั้นในกรณีนี้การทานกล้วยสุกจึงดีกว่า
2. เห็ด
แม้ว่าเห็ดอาจสูญเสียวิตามิน B ไปหลังจากปรุงสุก แต่ก็มีประโยชน์มากมายที่พวกมันได้รับหลังจากโดนความร้อน อย่างแรกเลยก็คือเห็ดดิบเป็นเหมือนฟองน้ำและสามารถดูดซับสารพิษ แต่สามารถทำลายได้ด้วยการปรุงสุก
อย่างที่สองการปรุงสุกช่วยเพิ่มจำนวนสารต้านอนุมูลอิสระในเห็ดที่ร่างกายของเราต้องการอย่างมากในโลกสมัยใหม่ หากคุณชอบกินผักชนิดนี้ แนะนำให้ย่างหรือนำไปอุ่นในไมโครเวฟแทนการต้มหรือทอด ซึ่งในกรณีนี้พวกมันมีประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า
3. มะเขือเทศ
เราเคยชินกับการกินมะเขือเทศดิบ แน่นอนว่าพวกมันมีวิตามิน C แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเมื่อปรุงสุกแล้ว พวกมันจะมีไลโคปีนในระดับที่สูงกว่ามาก แล้วนี่ก็อาจเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพมากกว่าวิตามิน C อีกทั้งมะเขือเทศที่ปรุงสุกแล้วยังทำให้กากใยนิ่มลงเพื่อให้ย่อยได้ง่ายขึ้น
4. แครอท
นับว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจนิดหน่อย แต่ว่าแครอทที่ดีต่อเราด้วยเบต้าแคโรทีนในพวกมันมีสารอาหารอยู่ในระดับที่สูงขึ้นเมื่อปรุงสุก ผักชนิดนี้ชอบการโดนความร้อน ดังนั้นการต้มในน้ำเดือดสามารถสร้างเบต้าแคโรทีนที่มีอยู่ในแครอทให้เพิ่มมากขึ้นได้
ทางที่ดีควรปรุงสุกแครอทโดยที่ไม่ปอกเปลือกออก เพื่อเพิ่มพลังต้านอนุมูลอิสระโดยรวมได้ถึงสามเท่า ในขณะเดียวกันการหั่นแครอทก่อนนำไปปรุงอาหารก็อาจไม่ใช่ความคิดที่ดีที่สุด เพราะจะทำให้ผิวแครอทถูกชะล้างสารอาหารลงไปในน้ำได้ง่ายขึ้น ดังนั้นทางที่ดีควรหั่นพวกมันหลังจากที่ต้มแล้ว
5. ผักโขม
ผักโขมอุดมไปด้วยสารอาหาร แต่คุณอาจดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็กได้มากขึ้นหากคุณปรุงสุกพวกมัน โดยแพทย์ได้กล่าวว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะผักโขมเต็มไปด้วยกรดออกซาลิก ซึ่งขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กและแคลเซียม เมื่อทำผักโขมให้สุก ส่วนประกอบนี้จะสลายไปและคุณจะได้รับประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพจากมันได้มากขึ้น
6. ชีส
ชีสเป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม โดยชีสแต่ละชนิดก็มีประโยชน์เพิ่มเติมที่ต่างกันออกไป อย่างเช่นมอสซาเรลล่าชีสที่มีโซเดียมและแคลอรีต่ำกว่าชีสชนิดอื่น ๆ อีกทั้งยังมีแบคทีเรียที่ทำหน้าที่เป็นโพรไบโอติก จึงทำให้สุขภาพลำไส้และระบบภูมิคุ้มกันของคุณดีขึ้น
ในขณะเดียวกันบลูชีสมีแคลเซียมมากกว่าชีสชนิดอื่น ๆ ส่วนใหญ่ แต่ก็สามารถมีรสเค็มเกินไปสำหรับบางคนได้
7. ขนมปัง
พบว่าขนมปังแผ่นมีค่าดัชนีน้ำตาลที่ต่ำกว่า โดยค่าดัชนีนี้มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ ดังนั้นแล้วพวกมันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานมากกว่า
ขนมปังซาวโดวจ์มีสารต้านอนุมูลอิสระและโฟเลตในระดับที่สูงกว่าขนมปังชนิดอื่น ๆ อีกทั้งยังมีระดับไฟเตตที่ต่ำกว่า ซึ่งทำให้ร่างกายของคุณดูดซึมสารอาหารได้ง่ายขึ้น
8. บีทรูท
งานวิจัยได้ทดสอบผลของการดื่มน้ำบีทรูทปริมาณ 250 มิลลิลิตรทุกวันในจำนวน 68 คนที่มีความดันโลหิตสูงนักวิจัยได้พบผลการทดสอบว่าความดันโลหิตลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในอีกด้านหนึ่งคือบีทรูทต้มสามารถย่อยได้ง่ายกว่า เพราะกากใยแข็ง ๆ ของมันได้แตกตัวแบบเดียวกับมันฝรั่งต้ม
อาหารโปรดของคุณคืออะไร ? แล้วคุณชอบอาหารรสชาติดีหรืออาหารเพื่อสุขภาพมากกว่ากันนะ ?