ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

10 ข้าวของธรรมดา ๆ ในบ้าน ที่สามารถทำอันตรายลูกน้อยของคุณได้โดยที่คุณไม่รู้ตัว

บางครั้งมันก็ยากเหมือนกันนะที่เราจะรู้ได้ว่าข้าวของเครื่องใช้ในบ้านของเราชิ้นไหนที่อาจเป็นภัยต่อทารกตัวน้อย ๆ รวมไปถึงเด็กตัวเล็ก ๆ ในบ้านของเรา แม้แต่ข้าวของธรรมดา ๆ ที่อยู่ในห้องนอนของพวกเขาก็ยังอาจเป็นอันตรายได้ ผู้ใหญ่ทุกคนต่างชอบที่จะนอนหนุนหมอน ใช้น้ำหอมปรับอากาศเมื่อจำเป็น และยังชอบซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มในยามค่ำคืน แต่ข้าวของที่เราแสนจะคุ้นเคยกันดีเหล่านี้สามารถทำร้ายลูกน้อยและเด็กอ่อนในบ้านคุณได้

ชีวิตสดใสได้ทำการค้นคว้าว่ามีข้าวของใดบ้างที่เราต้องใช้ด้วยความระมัดระวังเมื่อมีเด็ก ๆ อยู่ด้วย ข้าวของชิ้นไหนบ้างที่ไม่ควรวางทิ้งไว้ในเปลเด็ก และข้าวของชิ้นไหนบ้างที่ควรเก็บให้ห่างจากเด็ก ๆ สักพัก

10. หมอน

ผู้ใหญ่ทุกคนต่างรู้ดีจากประสบการณ์ของตัวเองว่ามันไม่สบายคอมากแค่ไหนหากต้องนอนบนพื้นเรียบ ๆ โดยไม่มีหมอนหนุน และเพราะใช้ประสบการณ์ของตัวเองนี้เอง พ่อแม่วัยหนุ่มสาวจึงอาจตัดสินใจว่าลูกตัวน้อยก็ควรจะมีอะไรหนุนศีรษะเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างกล่าวว่าทารกน้อยของคุณไม่สามารถนอนหนุนหมอนได้จนกว่าที่พวกเขาจะโตขึ้นมาถึงวัยหัดเดินเสียก่อน เด็กทารกควรนอนบนพื้นผิวที่แน่นแข็งแรงและราบเรียบ โดยต้องไม่มีหมอน ผ้าห่ม หรือเครื่องนอนนุ่ม ๆ อย่างอื่นจนกว่าพวกเขาจะมีอายุอย่างน้อย 1 ขวบ ซึ่งจริง ๆ แล้วควรจะอายุได้สัก 18 เดือนหรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ

มีสองสามเหตุผลสำหรับสิ่งนี้ และเหตุผลหลักก็คือเด็กทารกนั้นอาจฝังหน้าของตัวเองลงไปในพื้นผิวนุ่ม ๆ ได้โดยไม่รู้ตัวขณะนอนหลับ และเมื่ออายุมากขึ้นมาอีกนิด พวกเขาสามารถใช้ของพวกนี้เป็นบันไดปีนป่ายออกมาจากเปลได้ และสุดท้าย สิ่งที่ยัดไส้อยู่ในเครื่องนอนเหล่านั้น (อย่างขนนกหรือขนเป็ด) หากเลือกใช้ผิดประเภทอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้ที่รุนแรงตามมาได้

9. เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ

เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศเป็นของมีประโยชน์สำหรับห้องของเด็กเพราะอากาศที่มีความชื้นจะส่งผลดีต่อทั้งการหายใจและผิวของเด็ก ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม หากใช้มันอย่างไม่ถูกต้องแล้วนั้น เจ้าเครื่องนี้สามารถเป็นต้นเหตุของปัญหาหลาย ๆ อย่างตามมาได้ โดยปัญหาที่พบได้มากที่สุดก็คือความเปียกชื้นและเชื้อรา

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งเหล่านี้ กุมารแพทย์แนะนำว่าให้ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศร่วมกับเครื่องมือตรวจวัดความชื้น ที่เรียกว่าไฮโกรมิเตอร์ (hygrometer) หรือคุณอาจซื้อเครื่องที่มีตัวควบคุมความชื้น (hygrostat) ติดตั้งมาด้วย ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถตรวจดูระดับความชื้นได้ โดยเชื่อกันว่าระดับความชื้นที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 50%

8. แม่เหล็ก

แม่เหล็กที่เป็นรูปตัวอักษรสีสันสดใสหรือของเล่นแม่เหล็กอื่น ๆ มักเป็นของเล่นที่ดึงดูดความสนใจของเด็ก ๆ ได้มาก แต่พวกมันสามารถเป็นสิ่งที่อันตรายสุด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าตัวแม่เหล็กไม่ได้ถูกซ่อนไว้เป็นอย่างดีภายในของเล่นชิ้นนั้น ๆ เมื่อคลาดสายตาหรือหากไม่ดูแลให้ดี เด็ก ๆ สามารถกลืนเจ้าชิ้นส่วนเล็ก ๆ เหล่านี้ลงท้องไปได้ และเมื่อมันถูกกลืนลงไป เจ้าแม่เหล็กเหล่านี้จะสามารถดึงดูดเข้าหากันด้วยแรงดึงดูดที่มากขนาดที่ว่าสามารถสร้างความเสียหายต่อระบบย่อยอาหารได้อย่างรุนแรงจนอาจถึงแก่ชีวิตได้

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกน้อยต้องพบเจอกับความเสี่ยงที่น่าอันตรายนี้ อย่าปล่อยลูกทิ้งไว้กับของเล่นประเภทนี้โดยเด็ดขาด ให้คอยดูลูกเสมอเวลาที่พวกเขากำลังเล่นสนุก และอย่าซื้อของเล่นที่เป็นแม่เหล็กชุดใหญ่มาเด็ดขาด เพราะมันจะยิ่งยากที่คุณจะสังเกตเห็นว่ามีชิ้นไหนหายไปบ้าง

7. ผ้ากั้นขอบเตียงเด็ก

ถึงแม้ผ้ากั้นขอบเตียงเด็กเหล่านี้จะเป็นที่นิยมกันมาก และคุณพ่อคุณแม่ที่ยังอายุน้อย ๆ ก็มักจะเชื่อว่าเจ้าสิ่งนี้สามารถปกป้องลูกจากการบาดเจ็บหรือรอยช้ำต่าง ๆ ได้ แต่องค์กรเพื่อความปลอดภัยของเด็กหลายองค์กรต่างออกมาให้คำแนะนำต่อต้านการใช้ผ้ากั้นขอบเตียงเด็กเหล่านี้ เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำให้เด็กหายใจไม่ออกได้ แผ่นรองกระแทกในผ้ากั้นขอบเตียงเด็กเหล่านี้ก็เหมือนกับหมอนและผ้าห่มหนา ๆ ที่สามารถจำกัดการหายใจของเด็กทารกได้ หากผ้ากั้นนี้อยู่ติดกับปากหรือจมูกของทารกน้อย

นอกจากนี้ แผ่นรองกระแทกหนา ๆ สามารถปิดกั้นการไหลเวียนของอากาศที่ควรจะไหลผ่านเข้ามาในเปลเด็ก ซึ่งจะสามารถทำให้ลูกของคุณร้อนจนเกินไป โดยสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเด็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งนี้

6. อุปกรณ์ในการสอดส่องลูกน้อยทั้งหลาย

ทุกคนต่างรู้ถึงอันตรายของปลั๊กไฟที่เปิดโล่งและง่ายต่อการเข้าถึงได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม การให้ความใส่ใจกับอุปกรณ์แปลก ๆ ทุกอย่างก็มีความหมายเช่นกัน ดังที่กล่าวไปแล้ว อย่าติดตั้งอุปกรณ์ในการสอดส่องดูแลลูกน้อยทั้งข้างในและข้างนอกเตียงเด็กเป็นอันขาด เพราะเด็กน้อยสามารถเอาตัวเข้าไปพันกับสายไฟต่าง ๆ ได้โดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ เด็ก ๆ มักจะชอบเคี้ยวสิ่งของต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือให้ซื้ออุปกรณ์ไร้สาย หรือติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ในจุดที่เด็กน้อยไม่สามารถเข้าถึงได้ พวกเขาจะได้เอื้อมไม่ถึงสายไฟต่าง ๆ

5. ผ้าห่มหรือผ้าคลุมต่าง ๆ

ผ้าห่มคือหนึ่งในรายการสิ่งของต้องห้ามด้วยสาเหตุเดียวกันกับผ้ากั้นขอบเตียงและหมอนนั่นแหละ ด้วยความที่มันสามารถทำให้เด็กขาดอากาศและร่างกายอาจร้อนจัดจนเกินไปได้ ระลึกไว้เสมอว่าไม่ควรมีข้าวของเพิ่มเติมใด ๆ อยู่ในเตียงเด็กทั้งสิ้น ไม่จนกว่าเด็กน้อยจะมีอายุได้ 18 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงทั้งหลายและเพื่อให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ จะปลอดภัยในขณะที่นอนหลับอยู่

ในขณะเดียวกัน การห่อตัวเด็กน้อยไว้ในผ้าห่มอย่างถูกวิธีสำหรับเด็กทารกอายุไม่เกิน 2 เดือนนั้นไม่ได้เป็นสิ่งต้องห้ามแต่อย่างใด แถมนั่นยังเป็นวิธีที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับที่ดีในเด็กที่มักนอนกระสับกระส่ายอีกด้วย ส่วนในกรณีอื่น ๆ นั้น หากคุณเป็นกังวลว่าเด็กน้อยจะหนาวหรือไม่ ให้ระลึกไว้ว่าชุดนอนทุกชนิดเป็นทางเลือกที่ดีกว่าผ้าห่มมากนัก

4. ของเล่นที่ต้องใส่ถ่าน

ถ่านแบตเตอรี่นั้นคือสิ่งแปลกปลอมที่มีปฏิกิริยาทางเคมี และถ้าหากกลืนเข้าไป ถ่านเหล่านี้จะแผดเผาหลอดอาหารทั้งหมดของเด็กน้อยได้ภายในเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมง ซึ่งจะนำไปสู่การผ่าตัดและภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพมากมาย หากถ่านแบตเตอร์รี่เหล่านั้นถูกยัดเข้าไปในจมูกหรือรูหู ก็อาจก่อให้เกิดผลลัพธ์อันไม่พึงประสงค์ตามมาได้เช่นกัน ด้วยความเสี่ยงมากมายหลายอย่างนี้เอง ทำให้ถ่านแบตเตอร์รี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรไปอยู่ในมือเด็กโดยเด็ดขาด หากถ่านนั้นอยู่ในอุปกรณ์หรือของเล่นต่าง ๆ ต้องแน่ใจว่าถ่านเหล่านั้นถูกล็อกอย่างแน่นหนาอยู่ในของเล่นหรืออุปกรณ์นั้น ๆ โดยที่เด็ก ๆ ไม่สามารถแกะออกมาได้

3. เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มั่นคง

เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในห้องของเด็กจะต้องถูกติดตั้งไว้อย่างมั่นคงแน่นหนาปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ เราไม่ได้พูดถึงแค่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ๆ อย่างตู้เสื้อผ้าหรือพวกตู้ลิ้นชักที่เด็ก ๆ อาจจะนึกอยากปีนขึ้นไปเท่านั้นหรอกนะ แต่ยังพูดถึงกระจกตั้งพื้นหรือชุดทีวี ตลอดจนอุปกรณ์อื่น ๆ ที่อาจล้มลงมาได้ง่ายด้วย

เพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ ให้ใช้เฟอร์นิเจอร์เตี้ย ๆ ที่มีฐานกว้างแข็งแรง และใช้เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างที่ติดยึดไว้กับกำแพงได้ และอย่าทิ้งของเล่นต่าง ๆ หรือของที่น่าดึงดูดใจทั้งหลายไว้ที่ด้านบนของเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งนั่นอาจทำให้เด็ก ๆ รู้สึกอยากจะปีนขึ้นไปหยิบมันมา

2. เทียนหอมกับน้ำหอมปรับอากาศ

ไม่ได้เป็นเรื่องลับอะไรเลยที่ทุกคนต่างรู้ว่าเทียนหอมและน้ำหอมปรับอากาศนั้นมีส่วนผสมของสารเคมี ซึ่งหากในห้องมีการไหลเวียนของอากาศไม่เพียงพอ ของเหล่านี้สามารถทำให้ทางเดินหายใจระคายเคืองได้ แม้แต่กับผู้ใหญ่ก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคหืดหอบ ดังนั้น จึงมักมีการแนะนำกันอย่างแพร่หลายว่าให้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำหอมในห้องที่เลี้ยงเด็กแรกเกิดหรือในสภาพแวดล้อมการนอนหลับของเด็กอ่อนเหล่านี้ ปอดของพวกเขายังคงต้องพัฒนาต่อไปอีก และการต้องสัมผัสกับละอองสารที่อาจระคายเคืองเหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น

หากคุณจำเป็นที่จะต้องขจัดกลิ่นเหม็นจริง ๆ อย่างน้อยให้เอาเด็กน้อยออกมาก่อนและให้อากาศบริสุทธิ์ได้ไหลผ่านเข้าไปในห้อง

1. ตุ๊กตาขนยาว

นอกจากความจริงที่ว่าคุณไม่ควรทิ้งตุ๊กตาตัวใหญ่ ๆ ไว้ในเปลเด็กด้วยเหตุผลเดียวกันกับการวางหมอนไว้ในนั้นแล้ว คุณควรจะระลึกถึงแง่มุมต่อไปนี้ด้วย เมื่อคุณกำลังเลือกซื้อของเล่นประเภทตุ๊กตายัดนุ่นให้กับลูกของคุณ:

  • ตาและจมูกของตุ๊กตาจะต้องถูกเย็บติดแน่นเข้ากับตัวตุ๊กตาด้วยเส้นด้าย กระดุมเป็นสิ่งที่ถูกดึงออกมาและกลืนลงไปได้ง่ายที่สุด ซึ่งเด็กเล็ก ๆ อาจจะทำสิ่งนี้เป็นสิ่งแรกด้วยซ้ำ
  • ขนของตุ๊กตาควรถูกย้อมด้วยสีชนิดที่ซักแล้วสีไม่ตก หรือไม่มีการย้อมสีใด ๆ ไปเลย
  • ใส่ใจบริเวณตะเข็บให้มาก: ตุ๊กตาควรถูกเย็บเข้าหากันอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้ไส้ที่ยัดไว้หลุดออกมาและเข้าไปในปากเด็ก ๆ ได้
  • เช่นเดียวกับวัสดุของตุ๊กตา แม้เจ้าสิงโตขนยาวจะดูมีเสน่ห์แค่ไหน แต่หลีกเลี่ยงที่จะไม่ซื้อมันจนกว่าลูกของคุณจะถึงช่วงอายุหนึ่งจะดีกว่า นอกจากนี้ในอีกไม่ช้าขนหรือผมยาว ๆ ของตุ๊กตาก็จะต้องหลุดร่วงออกมา ซึ่งจะเข้าตา จมูก ปากเด็กน้อยแน่ ๆ


เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น ทางที่ดีควรเลือกตุ๊กตาขนาดเล็กที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเด็กทารกจะดีกว่า

เราแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่านักอ่านของเราต้องมีคุณพ่อคุณแม่ผู้มากประสบการณ์กำลังอ่านอยู่ด้วยเป็นแน่ มีข้าวของธรรมดา ๆ อะไรอีกที่คุณอยากให้คำแนะนำกับคนที่กำลังจะเป็นพ่อแม่ในอนาคต ? ช่วยส่งต่อความรู้ของคุณในช่องคอมเมนต์เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนอื่น ๆ ต่อไปทีเถอะ

เครดิตภาพพรีวิว Depositphotos.com, Depositphotos.com
แชร์บทความนี้