12 ข้อผิดพลาดในการเลี้ยงลูกที่ต้องจำให้ขึ้นใจ
เราเรียนรู้กฎมากมายและแก้ปัญหาสมการหลายอย่างในโรงเรียน และในขณะที่เราแยกแยะความแตกต่างของอาชีพในอนาคตของเรา ไม่มีใครสอนเราว่าวิธีการเป็นพ่อแม่เป็นยังไง นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคู่รักวัยละอ่อนถึงไม่รู้ว่าต้องทำอะไรหรือปฏิบัติตัวยังไงเมื่อมีเด็กทารกอยู่ในครอบครัว นอกจากนั้น คำแนะนำจากเพื่อนบ้านและญาติที่มีประสบการณ์ก็อาจเป็นอะไรที่ไร้สาระสุด ๆ และบ่อยครั้งการเลือกที่จะไม่ทำตามนั้นดีกว่า
ชีวิตสดใสได้รวบรวมข้อผิดพลาดในการเลี้ยงลูกที่ควรจะหลีกเลี่ยงเพื่อเป็นการไม่ทำร้ายลูก
ข้อผิดพลาด #1: ปกป้องลูกจากไข้หวัดอยู่เสมอ
แพทย์บอกว่าไข้หวัดเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็ก ทุกครั้งที่ร่างกายของเด็กเอาชนะเชื้อโรคได้ มันจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน ถึงแม้ว่าเด็กจะป่วยเดือนละครั้ง การติดเชื้อไวรัส 6-12 ครั้งต่อปีเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเขา สิ่งที่คุณควรจะให้ความสนใจก็คือลูกฟื้นตัวได้เร็วแค่ไหน (มันควรจะเป็นเวลา 7-8 วัน) และไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ
ข้อผิดพลาด #2: ไม่ดูวิธีการรัดเข็มขัดของลูกเวลานั่งรถ
พ่อแม่จะถูกปรับถ้าขับรถโดยที่ไม่มีที่นั่งพิเศษให้ลูก และในขณะเดียวกันน้อยคนนักที่จะตรวจสอบให้มั่นใจว่าลูกของพวกเขารัดเข็มขัดอย่างไร และสิ่งนี้ทำให้มันมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าที่นั่งคุณภาพสูงเลย
ถ้าลูกรัดเข็มขัดด้วยเข็มขัดนิรภัยแบบยึด 5 จุด คลิปที่ยึดติดกับเข็มขัดควรจะอยู่ตรงกลางหน้าอกของเด็ก ไม่ใช่บนท้องเหมือนรูปที่แสดงให้เห็นทางด้านซ้าย
ถ้าลูกโตแล้วและใช้เข็มขัดแบบธรรมดาได้ สายรัดควรจะอยู่บริเวณอก ไม่ใช่รอบคออย่างในรูปทางด้านขวา และไม่สอดผ่านรักแร้เช่นกัน
ข้อผิดพลาด #3: การตัดเล็บเด็กโดยที่พวกเขาจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจให้ทำก็ตาม
ปัญหาของเล็บขบที่ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนทุกข์ทรมานอาจจะมาจากในวัยเด็ก นั่นเป็นสาเหตุว่าเมื่อตัดเล็บให้ลูกควรจะมั่นใจว่ามันมีความโค้งมนเล็กน้อย และการเหลือพื้นที่ในการตัดเล็บมือและเล็บเท้าไว้ก็เป็นสิ่งสำคัญมาก นอกจากนี้คุณยังควรหลีกเลี่ยงการตัดเล็บจากโคนเล็บด้วย และมันอาจเป็นสาเหตุของเล็บขบในอนาคตได้
ข้อผิดพลาด #4: การแบกเด็กทารกในท่ายืนในเป้สะพายเด็ก
ความหลากหลายของสายสะพายและความพิเศษของกระเป๋าเป้เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมในการช่วยเหลือพ่อแม่ ซึ่งทำให้มือของพวกเขาเป็นอิสระ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็เป็นอันตรายต่อเด็กได้ ถ้าเด็กอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง เด็กไม่ควรจะอยู่ในท่ายืนเนื่องจากมันจะทำให้เกิดแรงกดที่ช่วงก้นและข้อต่อสะโพกของพวกเขา แรงกดควรจะกระจายเท่า ๆ กันในทุกส่วนของกระดูกสันหลังในขณะที่คออยู่คงที่ การยืดของกระดูกสันหลังและการจัดเรียงที่ไม่สมดุลนั้นไม่เป็นที่ยอมรับ ข้อผิดพลาดของสรีระของเด็กอาจทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังแบน, เกิดปัญหาอุ้งเชิงกราน และความผิดปกติร้ายแรงอื่น ๆ ในทารกได้
ข้อผิดพลาด #5: การทิ้งเด็กอยู่ในที่นั่งสำหรับทารกในรถเป็นเวลานาน
การใช้คาร์ซีทผิดวิธีก็อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ กุมารแพทย์กล่าวว่ากล้ามเนื้อคอของเด็กนั้นยังไม่แข็งแรง และทางเดินหายใจของพวกเขาก็ค่อนข้างอ่อน นั่นเป็นสาเหตุว่าการเอียงศีรษะมากเกินไปอาจทำให้หายใจไม่ออกได้ ไม่ใช่ว่าคุณไม่ควรใช้คาร์ซีทเลย เนื่องจากมันเป็นสิ่งจำเป็นในขณะที่คุณขับรถกับลูก แต่การปล่อยให้เด็กอยู่ในนั้นเป็นเวลามากกว่า 2 ชั่วโมงในตำแหน่งดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ คุณควรย้ายลูกจากคาร์ซีทไปยังเปลเมื่อการเดินทางสิ้นสุดลงจะดีกว่า
ข้อผิดพลาด #6: มองว่าจุกนมหลอกเป็นสิ่งที่ไม่ดีเพียงอย่างเดียว
การคิดว่าจุกนมหลอกเป็นอะไรที่อันตรายเพียงอย่างเดียวนั้นเป็นความคิดที่เกินจริง จุกหลอกตอบสนองการดูดของทารกและลดความเสี่ยงที่เด็กจะหยิบสิ่งสกปรกหรืออันตรายเข้าไปในปาก แต่ในขณะเดียวกัน คำถามเกี่ยวกับผลกระทบของจุกหลอกที่มีต่อฟันของเด็กและการเปล่งเสียงก็ยังเป็นคำตอบปลายเปิดอยู่ งานวิจัยเกี่ยวกับปัญหานี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ได้รับการพิสูจน์ มีหลักฐานโดยอ้อมว่าการใช้จุกหลอกนานเกินไป โดยเฉพาะหลังจากอายุ 5 ขวบ อาจส่งผลกระทบต่อตำแหน่งของฟันและการเปล่งเสียงได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันอาจกลายเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหูน้ำหนวกได้ กูมารแพทย์แนะนำว่าไม่ควรใช้จุกหลอกเป็นเวลาติดต่อกันเกิน 6 ชั่วโมง เด็กส่วนใหญ่เลิกใช้จุกหลอกเองเมื่อพวกเขาอายุระหว่าง 2-4 ขวบ ควรรักษาความสะอาดของจุกหลอก และเลือกขนาดที่เหมาะสมให้กับลูกเสมอ
ข้อผิดพลาด #7: การคิดว่าเด็กมีกระหม่อมแค่ส่วนเดียว
พ่อแม่หลายคนที่มีลูกเพิ่งเกิดใหม่กลัวว่ากระหม่อมของลูกจะได้รับความเสียหาย มีความเชื่อว่าสมองของเจ้าตัวเล็กอาจถูกทำลายได้ถ้าคุณมีการสัมผัสกระหม่อมบ่อย ๆ
กระหม่อม (หรือจุดบอบบาง) มีตำแหน่งอยู่บนศีรษะของเด็กทารกที่ปกคลุมด้วยเนื้อเยื่อหนา และเป็นตำแหน่งที่มีกระดูกของกะโหลกมากมาย เพราะกระดูกที่เคลื่อนที่ได้ของกะโหลก ศีรษะของเด็กทารกจึงเปลี่ยนรูปร่างและสามารถลอดผ่านช่องคลอดที่แคบมาได้
โดยทั่วไปแล้วพ่อแม่รู้เพียงว่ามีจุดบอบบางเพียงหนึ่งส่วนที่อยู่ด้านบน แต่ว่าจริง ๆ แล้วมันมีถึง 6 ส่วน 4 ส่วนที่เล็กที่สุด มีการปิดก่อนที่จะเกิดหรือหลังจากเกิดแล้ว 3 วัน เมื่อเด็กทารกเกิดมา พวกเขาจะมีจุดบอบบาง “ที่เปิดอยู่” อีก 2 ส่วน คือที่หน้าผากและบริเวณท้ายทอย นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมพ่อแม่จึงควรระวังกระหม่อมทั้งสองส่วนนี้ ในขณะเดียวกัน ควรรู้ว่าการหวีผม, การใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมและการจูบไม่ได้ทำอันตรายให้กับเด็ก
ข้อผิดพลาด #8: บังคับให้ลูกกิน
เมื่อเด็กหิว พวกเขาจะบอกให้พ่อแม่ป้อนอาหาร การเบื่ออาหารอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคกระเพาะ, อาหารไม่ย่อย, ต่อมทอนซิลโต หรือเนื้องอกในจมูกขยายใหญ่ขึ้น เด็กอาจจะไม่ยอมกินอาหารเพราะว่าตื่นเต้นเกินไปในระหว่างเดิน หรือขับพลังงานจากระบบประสาทมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้อาหารไม่ย่อย มันมักจะมีอาการคลื่นไส้, อาเจียน, ปวดท้อง และหายใจลำบาก ซึ่งวิธีที่รวดเร็วในการกำจัดอาการอาหารไม่ย่อยคือการไม่กินอาหาร
ข้อผิดพลาด #9: จำกัดการให้เล่นกับสัตว์เพราะเชื้อแบคทีเรีย
ถ้าพ่อแม่มีเป้าหมายที่จะเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับลูก พวกเขาควรจะเลี้ยงหมา เพื่อนสี่ขาจะนำสิ่งสกปรกเข้ามาในบ้าน และเมื่อเด็กสัมผัสกับสิ่งสกปรกเหล่านี้ ร่างกายของพวกเขาจะค่อย ๆ สร้างภูมิคุ้มกัน
ข้อผิดพลาด #10: การใช้ไอโอดีนหรือบริลเลียนท์กรีนใส่แผลทุกประเภท
ไอโอดีนถูกใช้เป็นอย่างมากในครอบครัวที่มีเด็ก แต่พ่อแม่ควรใช้อย่างชาญฉลาด ควรใช้ที่บริเวณขอบของบาดแผลเท่านั้น พื้นที่บนผิวที่มีไอโอดีนไม่ควรปิดด้วยผ้าพันแผลหรือผ้าที่แน่นเกินไป มีหลายกรณีที่มีคนไปโรงพยาบาลเพราะการไหม้จากการใช้ไอโอดีน ผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีไอโอดีนแบบอ่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการไหม้ นอกจากนั้น สิ่งสำคัญคือต้องไม่ใช้ไอโอดีนกับบริเวณที่เจาะหู เพราะมันสามารถทำปฏิกิริยากับโลหะได้
บริลเลียนท์กรีน มักใช้ในประเทศหลังยุคสหภาพโซเวียต และเชื่อกันว่าเป็นสารฆ่าเชื้อที่ดี (แต่ยังไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้) เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ว่าบริลเลียนท์กรีนไม่เหมาะกับแผลลึก และอาจทำให้เกิดการไหม้จากสารเคมีได้หากทาบนแผลเปิด นอกจากนี้ควรระวังไม่ให้บริลเลียนท์กรีนเข้าตาด้วย
ข้อผิดพลาด #11: คิดว่าการใช้ไหมขัดฟันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว
แม้แต่แมวก็ใช้ไหมขัดฟัน !
ทันตแพทย์แนะนำให้เริ่มใช้ไหมขัดฟันตั้งแต่ที่เด็กอ้าปากค้างไว้ได้ ยิ่งเด็กเริ่มใช้ไหมขัดฟันอยู่ในขั้นตอนทำความสะอาดเร็วเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งมีฟันที่แข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น สิ่งนี้ไม่ใช่แค่เพราะว่าไหมขัดฟันทำความสะอาดช่องว่างระหว่างฟันได้ดี แต่มันยังทำความสะอาดพื้นที่ใกล้เหงือกได้ด้วย
ข้อผิดพลาด #12: การยกเด็กหรือแกว่งพวกเขาโดยการยกแขนหรือรักแร้
การยกเด็กขึ้นจากมือ, ปลายแขน หรือใต้รักแร้ของพวกเขาเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เส้นเอ็นของเด็กเล็กยังบอบบาง การเล่นบางประเภทอาจส่งผลให้รัศมีของศีรษะเคลื่อนได้ ซึ่งจะทำให้ความคล่องตัวของข้อต่อลดน้อยลง หรือเด็กอาจจะมีไหล่ที่ยกขึ้นได้ในอนาคต
มีคำแนะนำอื่น ๆ อะไรที่คุณอยากเพิ่มในรายการบ้าง ?